Super God Gene - ตอนที่ 2009
วัวหินผาปีศาจ
เคร๊ง!
หลังจากที่ฟันใส่ตัวของวัวหินผาแล้ว หานเซิ่นก็ถอยออกไปก่อนที่ร่างกายของเขาจะกลายเป็นหิน และหลังจากที่หานเซิ่นก็ลบล้างมันแล้ว เขาก็เคลื่อนที่เข้ามาฟันใส่วัวหินผาอีกครั้ง
หลังจากที่ทำอย่างนี้อยู่หลายครั้ง ใบมีดของหานเซิ่นก็ทิ้งรอยแผลจำนวนมากไว้บนตัวของวัวหินผา และพลังเขี้ยวก็เริ่มทำการฉีกบาดแผลของมัน
การส่งเสียงกรีดร้องออกมาของเจ้าวัวหินผาไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว เพราะพวกวัวหินผาตัวอื่นอยู่ไกลเกินไป พวกมันไม่มีทางจะได้ยินเสียง
หานเซิ่นทำการต่อสู้กับเจ้าวัวหินผาตัวเป็นเวลากว่า 30 ชั่วโมง และในที่สุดร่างกายของเจ้าวัวหินผาก็ไม่สามารถทนต่อบาดแผลมากมายได้อีก และมันก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆโดยพลังเขี้ยว
“ซีโน่เจเนอิควัวหินผาปีศาจระดับมาร์ควิสกลายพันธุ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูร ยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ถูกค้นพบ”
เสียงประกาศดังขึ้นในหัวของหานเซิ่นและทำให้เขายิ้มออกมา
หานเซิ่นเดินเข้าไปหาก้อนหินที่แตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและเริ่มขุดกองก้อนหินนั้น ร่างของวัวหินผาทำมาจากหิน ดังนั้นมันจึงไม่มีเนื้อ แต่ทว่าหลังจากที่ค้นอยู่สักพัก เขาก็พบส่วนที่เป็นหัวใจ มันมีแสงสว่างอยู่ภายใน ซึ่งมันดูเหมือนกับวัวหินผาปีศาจที่เขาเพิ่งจะฆ่าไป
“ยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์นี้จะทำให้เราเรียนรู้พลังที่จะทำให้คนอื่นกลายเป็นหินไหมนะ?” หานเซิ่นรู้สึกสนใจในพลังของวัวหินผาอย่างมาก การทำให้คนอื่นกลายเป็นหินได้เพียงแค่กระทืบเท้านั้นถือเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม
แต่น่าเสียดายที่มันเป็นยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ระดับมาร์ควิส ดังนั้นเขาตัวเขาจะต้องเป็นมาร์ควิสซะก่อนถึงจะใช้มันได้ แถมเขายังจะต้องมียีนระดับมาร์ควิสมากพอด้วย
แต่มันยังมีของอีกอย่างที่เขาได้รับมา ซึ่งก็คือวิญญาณอสูรของวัวหินผาปีศาจ
“วิญญาณอสูรวัวหินผาปีศาจกลายพันธุ์ : เปลี่ยนร่าง”
รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหานเซิ่น ตอนนี้เขาสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นวัวหินผาปีศาจได้ เขาอยากรู้ว่ามันจะทำให้เขามีพละกำลังเหมือนกับวัวหินผาปีศาจเลยหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง มันก็จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเขาอย่างมาก
หานเซิ่นลองใช้มันทันที และเมื่อทำอย่างนั้น เขาก็กลายร่างเป็นวัวหินผาปีศาจ เขารู้สึกว่าพละกำลังและความเร็วของตัวเองเพิ่มขึ้นอย่างมาก
แต่น่าเศร้าที่วิญญาณอสูรปีศาจวัวหินผานั้นเพียงแค่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น มันไม่ได้ทำให้เขามีความสามารถอื่นแต่อย่างใด
“ดูเหมือนว่าเราคงจะต้องหวังกับยีนกลายพันธุ์ของมัน” หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรวัวหินผาปีศาจกลับไปและเริ่มทำการล่าซีโน่เจเนอิคต่อ
ปราสาทนภากำลังต้อนรับแขกผู้มาเยือน พวกผู้ชายดูแข็งแกร่งและพวกผู้หญิงก็ดูงดงาม พวกเขามีปีกสีขาวที่สง่างาม ซึ่งพวกเขาก็คือเฟเธอร์จากโฮลี่เฮฟเว่น
ไม่นานข่าวก็ถูกแพร่สะพัดออกไปทั่วทั้งจักรวาลจีโน ทางเฟเธอร์ได้มาขอสวามิภักดิ์และยอมเป็นเผ่าพันธุ์ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของปราสาทนภา
เหล่าราชาของเผ่าเฟเธอร์ได้ส่งทายาทของพวกเขามาฝึกฝนภายในปราสาทนภา แต่ในนัยหนึ่งมันก็เหมือนกับว่าเฟเธอร์หนุ่มสาวเหล่านั้นถูกส่งมาเป็นตัวประกัน แบบนั้นพวกเขาก็จะไม่สามารถทรยศปราสาทนภาได้
“แองเกีย จากนี้พวกเราต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรอ? พวกเราจะกลับไปที่โฮลี่เฮฟเว่นไม่ได้อีกแล้วใช่ไหม?” เฟเธอร์หญิงสาวถามเฟเธอร์หนุ่มที่ดูเหมือนกับอะพอลโล
เหล่าเฟเธอร์คนอื่นก็หันมามองชายหนุ่มคนนั้นเช่นกัน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหัวหน้าของเฟเธอร์ที่มาทั้งหมด
“ไม่ใช่ พวกเราจะกลับไปที่โฮลี่เฮฟเว่นในสักวันหนึ่ง และโฮลี่เฮฟเว่นก็จะกลายเป็นบ้านของชนเผ่าชั้นสูงอีกครั้ง จนกว่าจะถึงวันนั้นพวกเราต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากเผ่านภา” แองเกียยิ้มให้กับหญิงสาวคนนั้น
“พวกเราจะได้รับการยอมรับจากพวกเขาได้ยังไง? ก่อนที่พวกเราจะกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำ พวกเราก็ด้อยกว่าเผ่านภามากพออยู่แล้ว แถมตอนนี้พวกเรายังถูกลดขั้นเป็นเผ่าชั้นต่ำอีก…” หญิงสาวดูกังวล
“ไม่มีเผ่าชั้นสูงไหนที่เกิดมาเป็นเผ่าชั้นสูงตั้งแต่แรก พวกเราแค่จำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อให้คนอื่นยอมรับเรา ซึ่งไม่ว่าที่ไหนมันก็เป็นแบบนั้น” แองเกียกล่าว
เฟเธอร์หนุ่มอีกคนพูดขึ้นมา “แองเกีย บอกพวกเราทีว่าต้องทำยังไง”
“มีความอดทด ฝึกฝนอย่างหนักและทำให้พวกเรากลายเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งอีกครั้ง ทำให้พวกเขาเห็นว่าพวกเขาคู่ควร”
แองเกียหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดต่อ “เผ่านภาเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่ง และในหมู่เผ่าพันธุ์ชั้นสูง พวกเขาก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่ยอมรับคนนอกมากที่สุด พวกเขาไม่เหมือนกับบุดด้าที่ปฏิบัติกับคนนอกอย่างกับเครื่องมือ นั่นคือเหตุผลที่พวกเราปฏิเสธข้อเสนอของทางบุดด้าและมาที่นี่แทน ที่นี่พวกเราอาจจะได้กลายเป็นศิษย์ของปราสาทนภาเช่นเดียวกับชาวนภาคนอื่นๆ”
“เจ้าไม่ต้องห่วง พวกเราทุกคนจะฝึกฝนอย่างหนัก และสักวันหนึ่งเฟเธอร์ก็กลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงอีกครั้ง” เฟเธอร์หนุ่นคนนั้นสาบาน
เฟเธอร์คนอื่นๆก็เห็นด้วย พวกเขาเริ่มดูมีความหวังขึ้นมา
การจะกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงนั้นเป็นเรื่องยาก ถ้าเฟเธอร์ไม่มียอดฝีมือระดับเทพเจ้า พวกเขาก็จะไม่สามารถกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงอีกครั้งได้
ในตอนนี้เฟเธอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงแค่ครึ่งเทพเท่านั้น มันไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่เป็นเทพเจ้าเต็มตัว และตอนนี้เมื่อพวกเขากลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำ การจะกลายทำให้หนึ่งในสมาชิกของพวกเขากลายเป็นระดับเทพเจ้านั้นก็เป็นเรื่องที่ยากขึ้นอย่างมาก
“เพียงแค่ฝึกฝนอย่างหนักยังไม่เพียงพอ” แองเกียพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ที่นี่พวกเราถือว่าเป็นแค่สามัญชน พวกเราจะไม่ได้สิทธิพิเศษอะไร พวกเราจำเป็นต้องแสดงฝีมือให้เหล่าผู้อาวุโสและผู้นำของปราสาทนภาประทับใจ เพื่อที่พวกเราจะได้รับเราเป็นลูกศิษย์ แบบนั้นพวกเราถึงจะมีโอกาส”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราต้องทำยังไง?” เฟเธอร์สาวมองไปที่แองเกีย
“การสอบเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเรา แต่การสอบของปีนี้ได้จบลงไปแล้ว” แองเกียถอนหายใจ
“นั่นหมายความว่าพวกเราต้องรอจนกระทั่งถึงปีหน้าอย่างนั้นหรอ?” เฟเธอร์หนุ่มคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าที่ดูเศร้า
“บางทีอาจจะไม่ต้องรอถึงขนาดนั้น พวกเราจะได้รับการยอมรับ ถ้าพวกเราเอาชนะคนๆหนึ่งได้” แองเกียพูดขึ้นมา
“คนๆนั้นเป็นใครกัน?” เฟเธอร์หนุ่มสาวถามพร้อมๆกัน
“นั่นก็คือคริสตัลไลเซอร์ที่ข่งเฟยมอบขนนกเทพเจ้าให้ ลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีด”
แองเกียพูดอย่างสงบ “เขาได้รับอันดับที่หนึ่งในการสอบระดับเอิร์ลและเสมอกับไผ่เดียวดายในการประลอง ไผ่เดียวดายถือเป็นตำนานของชาวนภา ถ้าพวกเราเอาชนะคริสตัลไลเซอร์คนนั้นได้ พวกเราก็จะได้รับการยอมรับ”
“เขาน่ะหรอ! เขาคือคนของข่งเฟยหนิ? เขาสมควรตาย!” เฟเธอร์คนหนึ่งพูดขึ้นมา
“หุบปาก ไม่ว่าเมื่อก่อนเขาจะเป็นใคร ตอนนี้เขาก็เป็นศิษย์คนหนึ่งของปราสาทนภา พวกเราไม่ควรจะพูดอะไรแบบนั้น” แองเกียต่อว่าเขา
เฟเธอร์คนนั้นเคารพแองเกีย ดังนั้นเขาจึงก้มหน้าและไม่พูดอะไรอีก
“แต่เขาถูกเลือกโดยคนทรยศข่งเฟย ดังนั้นพวกเราไม่จำเป็นต้องออมมือให้กับเขา” แองเกียพูดอย่างเลือดเย็น