Super God Gene - ตอนที่ 2109
Super God Gene – ตอนที่ 2109
“ข้าไม่เชื่อว่าโล่ของเจ้าจะไม่ถูกทำลาย!”
แอนโดล่าโกรธ เขายังคงใช้แสงเทวดาแห่งการพิพากษาโจมตีใส่โล่ป้องกันสีฟ้าต่อไป
หานเซิ่นยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมและปล่อยให้พลังแห่งการเกิดใหม่ชำระล้างร่างกายของเขา เขาดูสุขสำราญราวกับว่ามีผู้หญิงที่งดงามกำลังนวดให้กับเขา เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก
ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่และคนอื่นๆรู้สึกอยากจะฉีกใบหน้าที่ดูสำราญใจของหานเซิ่นออกมา
แสงเทวดาแห่งการพิพากษาของ 2 พี่น้องไม่สามารถทำให้โล่ป้องกันของหานเซิ่นสั่นไหวได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะทำให้มันบุบสลาย โล่ของหานเซิ่นครอบคลุมทั้งรูปปั้นนางฟ้า ทำให้พลังแห่งการเกิดใหม่ที่ออกมาจากหม้อตรงเข้าไปหาหานเซิ่นทั้งหมด มันไม่มีอะไรที่ 2 พี่น้องแองเจล่าและแอนโดล่าจะทำได้
พลังแห่งการเกิดใหม่บินเข้าไปในชุดเกราะมนตราอย่างต่อเนื่อง สัญลักษณ์บนชุดเกราะเรืองแสงขึ้นมาและห่อหุ้มตัวหานเซิ่นด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ เขาดูเหมือนกับดวงอาทิตย์ภายในใบเสมาราชาแมลงปีศาจ
แองเจล่าและแอนโดล่ายังคงพยายามโจมตีใส่ใบเสมาราชาแมลงปีศาจต่อไป แต่ไม่มีอะไรที่ได้ผล โล่ป้องกันของหานเซิ่นไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย
เมื่อผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่และเฟเธอร์คนอื่นเห็นพลังแห่งการเกิดใหม่เข้าไปในหานเซิ่น หัวใจของพวกเขาก็รู้สึกเจ็บปวด แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเกลียดชังหานเซิ่นมากสักแค่ไหน มันก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาทำได้ พวกเขาทำได้แค่มองดูภาพที่น่าเจ็บปวด
เมื่อหานเซิ่นปฏิเสธจะหยุดโล่ป้องกันของเขา มันก็เห็นได้ชัดเจนว่าเขาต้องการเอาพลังแห่งการเกิดใหม่ทั้งหมดไปเป็นของตัวเอง ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ตะโกนอย่างเกรี้ยวโกรธในจิตใจของเขา
“เอาไปเลย! เชิญเอามันไปให้มัน! เอาไปให้มากจนถึงขนาดที่ทำให้เจ้ากลับกลายเป็นสามัญชนอีกครั้ง”
ในแต่ละครั้งสระแห่งการเกิดใหม่จะปลดปล่อยพลังออกมามากพอที่จะตอบสนองต่อดยุก 2 คน
ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้ เฟเธอร์คนอื่นๆก็คิดแบบเดียวกัน หานเซิ่นดูดซับพลังแห่งการเกิดใหม่เข้าไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นมันเป็นไปได้สูงที่อาวุธจีโนของเขาจะถูกรีเซ็ตและเขาต้องกลับไปเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น
แต่ขณะที่พลังแห่งการเกิดใหม่หลั่งไหลเข้าไปในชุดเกราะมนตราเรื่อยๆ สิ่งที่พวกเขาคาดคิดก็ยังไม่เกิดขึ้นมา ชุดเกราะยังคงเรืองแสงออกมาโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากไปกว่านั้น
ตอนนี้พลังแห่งการเกิดใหม่ออกมากว่าครึ่งหนึ่งแล้ว และพวกมันทั้งหมดก็เข้าไปในตัวของหานเซิ่น แม้แต่ดยุกก็ไม่ควรจะทนต่อพลังงานมากมายขนาดนั้นได้ ตอนนี้เขาควรจะกลับกลายเป็นสามัญชนแล้ว
แต่หานเซิ่นยังคงยืนนิ่งโดยไม่มีวี่แววของความทุกข์เกิดขึ้น
แองเจล่าและแอนโดล่าหยุดการโจมตีและยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น พวกเขามองดูหานเซิ่นดูดซับพลังแห่งการเกิดใหม่ทั้งหมดเข้าไป พวกเขาดูอึดอัดอย่างมาก หลังจากที่สระแห่งการเกิดใหม่เริ่มต้นขึ้น พวกเขาก็ต้องรอจนกว่ามันจะจบลง ถึงจะเดินออกไปจากแท่นบูชายัญได้
เฟเธอร์ทั้งหมดดูอับอาย พวกเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาและบางส่วนแอบหนีออกไป ส่วนทางด้านทูตจากปราสาทนภาพูดคุยกันอย่างรื่นเริง
ขณะที่เวลาผ่านไป ไข่ติดปีกที่ออกมาจากหม้อก็น้อยลงเรื่อยๆ ชุดเกราะมนตราของหานเซิ่นยังคงสว่างไสวขึ้น แต่ดูไม่เหมือนกับว่ามันจะวิวัฒนาการสู่ระดับมาร์ควิส
หานเซิ่นคิดว่าพลังมากมายขนาดนี้จะเพิ่มระดับของชุดเกราะมนตราได้ แต่ขณะที่พลังแห่งการเกิดใหม่ออกมาน้อยลงเรื่อยๆ ชุดเกราะของเขาก็ยังไม่พร้อมที่จะวิวัฒนาการไปสู่ระดับต่อไป
“โอ้ไม่นะ! พลังงานตั้งมากมายขนาดนี้ แต่มันก็ยังไม่พอที่จะวิวัฒนาการไปสู่ระดับมาร์ควิสอีกอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรู้สึกหดหู่
เหล่าเฟเธอร์ตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นอย่างนั้น หานเซิ่นกำลังดูดซับพลังแห่งการเกิดใหม่ทั้งหมดเข้าไป แต่เขาก็ยังคงไม่เพิ่มระดับขึ้น และอาวุธจีโนของเขาก็ไม่ได้ถูกรีเซ็ตเช่นกัน มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าเขาดูดซับพลังงานไปมากมายขนาดนั้น แต่ไม่ถูกผลของมันครอบงำได้ยังไง
หลังจากที่ไข่ติดปีกฟองสุดท้ายบินออกมาจากหม้อน้ำ แท่นบูชายัญก็กลับไปสู่สภาพเดิม
หานเซิ่นดูดซับมันเข้าไปและชุดเกราะมนตราก็สว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์ มันสว่างมากจนยากที่จะมองตรงๆได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่มากพอที่จะวิวัฒนาการไปสู่ระดับมาร์ควิส
หานเซิ่นรู้สึกตัวว่ามันไม่มีหวัง และตอนนี้เขาก็รับรู้ได้ว่ามันยากถึงขนาดไหนที่จะเพิ่มระดับวิชาเรื่องราวของยีน มันเป็นวิชาจีโนที่จำเป็นต้องพึ่งสมบัติสูงเป็นภูเขา ผู้คนที่ยากจนไม่มีหวังจะเรียนรู้มันได้ แม้แต่ผู้คนที่ร่ำรวยก็ต้องถังแตกถ้าพยายามที่จะตอบสนองต่อความต้องการของมัน
สระแห่งการเกิดใหม่หยุดทำงานและทุกอย่างก็กลับสู่สภาพปกติ หานเซิ่นคือคนที่ดูดซับพลังแห่งการเกิดใหม่ทั้งหมดเข้าไป ขณะที่ 2 พี่น้องไม่ได้อะไรกลับไปเลย
“เขาเอาพลังแห่งการเกิดใหม่ทั้งหมดไปแล้วยังไง? เพราะถึงจะได้พลังงานทั้งหมดไป เขาก็วิวัฒนาการเป็นมาร์ควิสไม่ได้อยู่ดี ไม่ว่าจะพยายามมากสักแค่ไหน เขาก็ไม่มีวันจะกลายเป็นเทพเจ้าได้! ข้าไม่คิดว่าเขาจะไปถึงระดับราชันได้ด้วยซ้ำ” คำพูดเหล่านี้คือสิ่งที่ทางเฟเธอร์ใช้เพื่อปลอมใจตัวเอง
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธความทรงพลังของใบเสมาของหานเซิ่นได้
แม้แต่พี่น้องแองเจล่าและแอนโดล่าจะรวมพลังเข้าด้วยกัน พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้โล่นั่นสั่นไหวได้ พวกเขาสงสัยว่ายอดฝีมือระดับราชันจะทำลายมันได้หรือเปล่า
“โล่นั่นเป็นสมบัติอะไรกันแน่? ทำไมมันถึงได้ทรงพลังแบบนั้น?”
“ดูเหมือนว่าจะมีแค่ราชันเท่านั้นที่ทำลายโล่นั่นได้ ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าสมบัติแบบนั้นจะตกมาอยู่ในมือเอิร์ลคนหนึ่ง”
“ข้าเดาว่าราชินีแห่งมีดหรือไม่ก็ผู้นำของปราสาทนภาคงจะให้เขายืมมาใช้ ไม่อย่างนั้นเอิร์ลคนหนึ่งจะไปเอาสมบัติที่ทรงพลังแบบนั้นมาได้ยังไง?”
“ด้วยสมบัติแบบนี้ เขาจะทำอะไรก็ได้ในจักรวาลแห่งนี้ น่าเสียดายที่สมบัติแบบนี้ต้องตกมาอยู่ในมือของคนชั้นต่ำ”
แต่ไม่ว่าเหล่าเฟเธอร์จะบ่นสักแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงในเรื่องนี้ได้ แถมปราสาทนภาก็ส่งมาเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น แต่กลับได้พลังแห่งการเกิดใหม่ทั้งหมดไป แถมปราสาทนภายังสามารถส่งทูตมาอีกถึง 2 ครั้ง ซึ่งถ้าพวกเขาส่งคนอื่นที่เหมือนกับหานเซิ่นมาอีกล่ะก็ พวกเฟเธอร์ก็ต้องสูญเสียพลังที่สระแห่งการเกิดใหม่จะมอบให้คน 9 คนไป
แต่ถึงพวกเขาจะรู้สึกขื่นขม พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ พวกเขาทำได้แต่กัดฟันทน
ทูตคนอื่นยังคงอยู่ต่อเพื่อเจรจากับทางเฟเธอร์ ส่วนหานเซิ่นไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะอยู่ต่อไปอีก ดังนั้นเขาจึงเดินทางออกจากโฮลี่เฮฟเว่นและกลับไปที่ปราสาทนภา
เรื่องราวของยีนเป็นอะไรที่สิ้นหวังที่จะเพิ่มระดับขึ้น ซึ่งแม้แต่หานเซิ่นเองก็ไม่มั่นใจว่าสักวันหนึ่งจะทำให้มันกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้หรือเปล่า เขาใช้ทรัพยากรไปมากมาย แต่มันก็ยังไม่วิวัฒนาการเป็นระดับมาร์ควิส ดังนั้นมันคงจะต้องใช้ทรัพยากรอีกมหาศาลกว่าที่มันจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้