Super God Gene - ตอนที่ 2143
Super God Gene – ตอนที่ 2143
ดยุกจตุฤดูไปที่สนามฝึกเหมือนกับทุกที และเมื่อไปถึงเขาก็เริ่มเตรียมตัวที่จะทำการสอนวิชาผนึกมารเหมือนกับทุกครั้ง แต่หลังจากที่รอคอยอยู่สักพัก เขาก็สังเกตเห็นว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มาเข้าฟัง นี่ทำให้เขาขมวดคิ้ว เพราะโดยปกติแล้วที่นั่งกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของสนามฝึกจะเต็ม
เพราะยังไงซะมันก็มีศิษย์ของปราสาทนภามากมายที่เรียนรู้เกี่ยวกับวิชาผนึกมาร และเมื่อพวกเขามีปัญหากับวิชา หลายๆคนก็จะมาเข้าฟังการบรรยายของดยุกจตุฤดู นี่เป็นครั้งแรกที่มีที่นั่งว่างเยอะขนาดนี้
“ลู่อัน ทำไมพวกเจ้าถึงมากันไม่กี่คน? ฉวี่เฮ่าล่ะ เขาไม่มาอย่างนั้นหรอ?” ดยุกจตุฤดูถาม ขณะที่เขามองไปยังผู้ชมที่มา
ลู่อันและฉวี่เฮ่านั้นมุ่งเน้นในการฝึกวิชาผนึกมารมากกว่าใครในปราสาทนภา และพวกเขาก็จะมาเข้าฟังการบรรยายของดยุกจตุฤดูอยู่เสมอ
“พวกเขา…กำลังเข้าฟังการบรรยายของอาจารย์คนอื่น…” ลู่อันพูดอย่างลังเล
“อาจารย์คนไหนอย่างนั้นหรอ?” ดยุกจตุฤดูมุ่งเน้นไปที่การฝึกวิชาผนึกมารโดยไม่สนใจอะไรอย่างอื่น ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจการบรรยายของอาจารย์คนอื่นๆ
“พวกเขา…ไปฟังการบรรยายของหานเซิ่น” ลู่อันตอบ
“หานเซิ่น? เขาสอนเรื่องอะไรอย่างนั้นหรอ?” ดยุกจตุฤดูถามด้วยความสงสัย แม้แต่เขาที่ไม่สนใจข่าวสารก็ยังเคยได้ยินชื่อของหานเซิ่นมาก่อน
“เขา…สอน…” ลู่อันพูดตะกุกตะกัก
“ปากของเจ้าเป็นอะไรหรือยังไง? ทำไมถึงถึงพูดตะกุกตะกักแบบนั้น? เขาสอนเรื่องอะไรกัน?” ดยุกจตุฤดูขมวดคิ้ว
“เขากำลังสอนวิชาผนึกมาร” ในที่สุดลู่อันก็พูดออกมา
“วิชาผนึกมาร?” ดยุกจตุฤดูขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ สีหน้าของเขาก็กลับเป็นปกติ
หานเซิ่นเพิ่งเข้ามาในปราสาทนภามาได้ไม่นาน และถึงเขาจะเริ่มเรียนรู้วิชาผนึกมารในทันทีที่มาถึง มันก็ไม่มีทางที่เขาจะเรียนรู้เกี่ยวกับมันได้มากนัก
ด้วยเหตุนั้นถ้าศิษย์ของปราสาทนภาเลือกจะฟังหานเซิ่น ดยุกจตุฤดูก็สรุปได้ว่านั่นเป็นเพราะหานเซิ่นเป็นคนดังของปราสาทนภา ดยุกจตุฤดูคิดว่าหลังจากที่ศิษย์ของปราสาทนภาได้ฟังคำบรรยายของหานเซิ่นสัก 1-2 ครั้งแล้ว พวกเขาก็จะรับรู้ว่าการบรรยายของใครเหนือกว่ากัน และกลับมาฟังการบรรยายของเขาในที่สุด
“เข้าใจแล้ว งั้นพวกเรามาเริ่มกันเลย วันนี้พวกเราจะพูดกันถึงทฤษฎีของวิชาผนึกมาร…” ดยุกจตุฤดูเริ่มการบรรยายของเขา
ดยุกจตุฤดูคิดว่าหลังจากผ่านไปสัก 2-3 วันศิษย์ของปราสาทนภาก็จะกลับมาหาเขา แต่หลังจากผ่านไปหลายต่อหลายวัน มันก็ยังไม่มีใครกลับมาฟังการบรรยายของเขา ความจริงแล้วมันมีคนมาฟังการบรรยายของเขาน้อยลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายนอกจากศิษย์ที่เขาสอนเป็นการส่วนตัวแล้ว คนอื่นก็หายไปจนหมด
ดยุกจตุฤดูเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ตอนนี้มันมีผู้ชมเพียงแค่หยิบมือที่มานั่งอยู่หน้าเวที นั่นทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและพูดขึ้นมา
“วันนี้ข้าของดการสอน พวกเราไปฟังการบรรยายของเขาหานเซิ่นและดูสิว่าอะไรกันที่ดึงดูดให้ทุกคนไปที่นั่น”
ดยุกจตุฤดูลงจากเวทีและตรงไปที่การบรรยายของหานเซิ่น ลู่อันและคนอื่นๆก็ตามเขาไปจากด้านหลัง
ไม่นานหลังจากนั้น ดยุกจตุฤดูก็มาถึงสนามฝึกของหานเซิ่น เมื่อเขาเดินเข้าไปข้างใน ดยุกจตุฤดูก็ขมวดคิ้วและหันไปถามลู่อัน
“ลู่อัน นี่เขากำลังบรรยายเกี่ยวกับวิชาผนึกมารจริงๆอย่างนั้นหรอ?”
มันไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่ดยุกจตุฤดูจะถามออกมาแบบนั้น เพราะในสนามฝึกทุกคนกำลังพับแขนเสื้อของพวกเขาขึ้น และดูเหมือนว่าจะกำลังฝึกชกหมัดกันอยู่
“เอิ่ม… เขากำลังสอนวิชาผนึกมารอยู่จริงๆ หานเซิ่นบอกว่านี่คือหมัดผนึกมาร ทุกคนจะเรียนรู้วิชาผนึกมารได้ดียิ่งขึ้นถ้าเรียนการชกหมัด” ลู่อันอธิบาย
“ไร้สาระสิ้นดี การชกหมัดจะไปมีความเกี่ยวข้องอะไรกับวิชาผนึกมารได้ยังไง?” ดยุกจตุฤดูขมวดคิ้ว แต่เขาไม่ใช่คนที่จะทำอะไรหุนหันพลันแล่น ดังนั้นเขาจึงมีแผนที่จะฟังหานเซิ่นดูก่อนเพื่อคิดหาหนทางที่ชาญฉลาดในการโต้กลับ
ดยุกจตุฤดูได้ทำการวิจัยและศึกษาวิชาผนึกมารมาหลายศตวรรษ เขาเป็นคนที่มีความอดทนสูงมากๆ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ทำอะไรที่หุนหันพลันแล่น เขาหาที่นั่งลงและฟังการบรรยายของหานเซิ่น
ศิษย์ของปราสาทนภาที่ฝึกฝนวิชาผนึกมารทุกคนรู้ว่าดยุกจตุฤดูเป็นใคร เมื่อทุกคนเห็นว่าเขานั่งลงและฟังบรรยายของหานเซิ่นอย่างเงียบๆ พวกเขาก็รู้ว่ากำลังจะมีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้น
“ดยุกจตุฤดูมาที่นี่! หานเซิ่นแย่แน่!”
“จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“บางทีอาจจะไม่ พวกเขาอาจจะแค่โต้เถียงกันแค่นั่น”
“บอกตามตรง ดยุกจตุฤดูเป็นคนที่ระดับสูงมากๆ แต่ถ้าข้าจะเรียนรู้ การทำตามวิธีการของหานเซิ่นเป็นอะไรที่ง่ายกว่า”
“ใช่แล้ว วิธีการสอนของหานเซิ่นเป็นอะไรที่แปลกใหม่ แถมมันก็เป็นอะไรที่ง่ายในการเรียนรู้และนำไปใช้จริง”
“เจ้าพูดถูก หลังจากที่เรียนรู้หมัดผนึกมารจากเขา ข้าก็เห็นถึงสิ่งที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อน”
ศิษย์ของปราสาทนภาพูดกันเบาๆในหมู่ของพวกเขา แต่ด้วยพลังที่ดยุกจตุฤดูมี เขาสามารถได้ยินเสียงได้ชัดเจน
มันทำให้เขาขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม เขาคิดกับตัวเอง ‘การฝึกหมัดจะเชื่อมโยงไปหาวิชาผนึกมารได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?’
หลังจากผ่านไปอีกไม่กี่นาที หานเซิ่นก็มาถึงและเริ่มสอนบทเรียนของเขา
หานเซิ่นไม่ได้รู้ว่าดยุกจตุฤดูก็มานั่งฟังด้วยเช่นกัน จนถึงตอนนี้เขาเคยชินกับการบรรยายแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้จับตามองทุกคนที่มาเข้าฟัง แต่ทว่าเขาอนุญาตให้ผู้ชมถามได้ทุกเรื่อง หลังจากที่การบรรยายจบลงแล้ว
“วันนี้พวกเราจะพูดถึงหมัดดาวหมีของหมัดผนึกมารทั้ง 72”
หานเซิ่นเริ่มด้วยการพูดแทนที่จะเป็นการแสดง นั่นไม่ใช่เพราะมันเป็นความลับอะไร แต่เพราะมันเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ที่จะแสดงตั้งแต่แรก
ผู้ฝึกจะต้องทำมันด้วยตัวเอง และหานเซิ่นจะแสดงให้พวกเขาดู ถ้าพวกเขาเจอเข้ากับปัญหา การแสดงวิชาหมัดให้กับคนอื่นๆ ขณะที่พวกเขาไม่เคยเรียนรู้มาก่อนเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ แบบนั้นมันจะเป็นเหมือนกับการแสดงให้ดูเท่านั้น
ดยุกจตุฤดูต้องการจะโต้เถียงหานเซิ่นในทันทีที่เริ่มการบรรยาย แต่หลังจากที่ดยุกจตุฤดูฟังไปได้สักพัก เขาก็อ้าปากค้างไป
วิชาหมัดของหานเซิ่นนั้นเรียบง่าย แต่มันมีความหมายของวิชาผนึกมารแฝงอยู่ภายใน และมันก็ฟังดูสมเหตุสมผลอีกด้วย นั่นทำให้หลังการบรรยายจบลง เขาก็ไม่ได้ทำการโต้เถียงอะไร
ตลอดหลายวันต่อมา ดยุกจตุฤดูเข้าฟังการบรรยายของหานเซิ่น และเมื่อการบรรยายจบ ดยุกจตุฤดูก็ไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่งวันสุดท้ายของการบรรยาย เมื่อหานเซิ่นเดินขึ้นมาบนเวที ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ดยุกจตุฤดูก็ลุกขึ้นมา
ผู้ชมทั้งหมดประหลาดใจและรู้ว่าในที่สุดมันก็จะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น