Super God Gene - ตอนที่ 2147
Super God Gene – ตอนที่ 2147
หานเซิ่นปล่อยให้ข่านเข้ามาในค่ายเพื่อพูดคุยกันต่อ ข่านเริ่มพูดทันที
“พวกเจ้าอาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่ข้ากำลังจะบอก แต่พวกเราทั้งหมดถูกขังอยู่ในโลกแห่งนี้”
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ตั้งแต่ที่พวกเจ้าเข้ามาในเมทัลเวิลด์ พวกเจ้าได้ลองติดต่อโลกภายนอกหรือยัง?” ข่านพูด
หานเซิ่นและอวี้เอียะมองหน้ากัน หลังจากนั้นก็หันกลับไปมองข่านโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ข่านถอนหายใจและพูดต่อ “มันเป็นเรื่องดีที่พวกเจ้ายังไม่ได้ทำการติดต่อ ข้าขอแนะนำว่าอย่าได้ลองทำอะไรแบบนั้น มาร์ควิสเผ่าเดม่อน 2 คนเคยพยายามที่จะออกไป แต่ในระหว่างที่พวกเขาพยายามทำแบบนั้น พวกเขาก็ถูกฆ่าตาย เหตุการณ์แบบเดียวกันก็เกิดขึ้นกับทางบุดด้า ดราก้อนและเดสทรอยเยอร์เช่นกัน ไม่มีใครจะออกไปจากดาวดวงนี้ได้ ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อล่ะก็ พวกเจ้าก็ลองดูได้ แต่อย่าโทษว่าข้าไม่เตือนล่ะกัน”
“คนที่พยายามจะออกไปถูกฆ่าตายยังไง?” ยวิ๋นอี้ถาม
“พวกเขาตกลงมาตาย” ข่านพูด
“ตกลงมาตาย?” หานเซิ่นและคนอื่นขมวดคิ้ว
“พวกเจ้าเคยเล่นกับยางรัดไหม? ยิ่งพวกเจ้าดึงมันไกลมากเท่าไหร่ แรงที่ต้องใช้ก็มากขึ้นเท่านั้น ในตอนที่พวกเจ้าเข้ามาในดวงดาวนี้ ร่างกายของพวกเจ้าก็ตกอยู่ภายใต้กฎของมัน ถ้าพวกเจ้าพยายามจะบินขึ้นไป พวกเจ้าก็จะรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างที่พยายามลากตัวเจ้าลงมา ซึ่งยิ่งพวกเจ้าบินสูงขึ้นเท่าไหร่ ความรุนแรงของพวกมันก็มากขึ้นเท่านั้น จนที่สุดแล้วแม้แต่มาร์ควิสที่แข็งแกร่งก็จะถูกดึงกลับลงมาสู่ความตาย” ข่านพูด
“สิ่งที่เจ้าพูดถึงมันก็เป็นแค่แรงโน้มถ่วงไม่ใช่หรอ? ทำไมเจ้าต้องทำให้มันดูซับซ้อนด้วย?” ไวท์เรียลพูด
ข่านสายหัว “มันไม่ใช่แรงโน้มถ่วง แรงโน้มถ่วงนั้นจะอ่อนแอลง ถ้าพวกเราออกห่างจากดวงดาว แต่แรงนี้จะเพิ่มขึ้นตามระยะห่างจากพื้นผิว และเมื่อพวกเจ้าทนต่อมันไม่ไหวและถูกลากกลับลงมา พวกเจ้าก็จะชนเข้ากับพื้นด้วยความรุนแรงที่ไม่มีร่างของมาร์ควิสคนไหนจะทนได้”
“เจ้าต้องบินสูงสักแค่ไหนก่อนจะสัมผัสได้ถึงพลังนี้?” หานเซิ่นถาม
“หนึ่งหมื่นเมตร” ข่านตอบอย่างรวดเร็ว
“อเด” อวี้เอียะหันไปมองมาอสูรมาร์ควิสที่แข็งแกร่งตัวหนึ่ง
มาร์ควิสที่ดูเหมือนกับสิงโตตัวนั้นตอบสนองด้วยการกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า
เมื่อมันผ่านระดับหนึ่งหมื่นเมตรแล้ว มาร์คริสสิงโตก็เริ่มช้าลงราวกับว่ากำลังคลาน
มันยังคงบินสูงขึ้นไป แต่ด้วยความเร็วที่ต่ำมาก หลังจากผ่านไปสักพัก เมื่อไปถึงที่ความสูง 13,000 เมตรแล้ว มันก็หยุดไปอย่างสมบูรณ์
“อเด กลับมา!” อวี้เอียะตะโกน
อเดเริ่มทำตามคำสั่ง แต่ก่อนที่มันจะหันกลับมา พลังอันน่ากลัวก็ผลักมันลงมาสู่พื้นด้วยความเร็วสูง
ปัง!
ร่างของอเดเป็นเหมือนกับลูกอุกกาบาตที่กำลังตกลงมา มันชนเข้ากับพื้นโลหะด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ หานเซิ่นวิ่งเข้าไปหามันในทันที และสังเกตเห็นว่าร่างกายของอเดเละเทะราวกับเค้กที่บดขยี้
อเดคำรามและแสงศักดิ์สิทธิ์เข้าปกคลุมร่างกายของมัน หลังจากนั้นมันก็กลับสู่สภาพปกติ
“ตอนนี้พวกเจ้าอยากจะร่วมมือแล้วใช่ไหม?” ข่านยิ้ม
พวกเขากลับเข้ามาในค่ายและเริ่มพูดคุยกันถึงข้อตกลงของการร่วมมือ
ในขณะเดียวกันข่านก็อธิบายถึงสิ่งที่พวกเขาได้รู้เกี่ยวกับดาวดวงนี้ เดม่อนและบุดด้าเป็นเผ่าแรกที่ค้นพบเมทัลเวิลด์ การต่อสู้หนึ่งได้ดึงดูดให้พวกเขาไปในบริเวณที่ไม่ค่อยมีใครเดินทางผ่าน และขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไป พวกเขาก็มาเจอกับดาวดวงนี้เข้า
ทั้ง 2 เผ่าพันธุ์ส่งคนของตัวเองไปสำรวจเมทัลเวิลด์ แต่ด้วยเหตุบางอย่าง ข่าวเรื่องดวงดาวนี้ก็รั่วไหลออกไปยังเผ่าพันธุ์อื่นๆ ซึ่งทำให้ดราก้อน เดสทรอยเยอร์และปราสาทนภาส่งคนของพวกเขามาด้วย
หลังจากที่เหล่ามาร์ควิสถูกส่งมาเหยียบลงบนผิวของดวงดาว พวกเขาก็ได้รู้ว่าที่นี่น่ากลัวถึงขนาดไหน และหลังนั้นพวกเขาก็ยังค้นพบอีกว่าไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้
ดราก้อน เดสทรอยเยอร์และบุดด้าจึงเริ่มสร้างพันธมิตรกัน พวกเขาฆ่าเดม่อนเกือบทั้งหมดที่ข่านพามาที่ดวงดาวแห่งนี้ ดังนั้นเมื่อข่านสังเกตเห็นคนของปราสาทนภา เขาก็มาหาด้วยความหวังที่จะได้รับความช่วยเหลือ
อวี้เอียะมองไปที่ข่านและพูด “ข่าวเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ถูกปล่อยออกไปเพราะพวกเจ้าพบอะไรบางอย่างผิดปกติใช่ไหม? พวกเจ้าล่อเผ่าพันธุ์อื่นมาที่นี่ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทางดราก้อนและเดสทรอยเยอร์จับมือกับทางบุดด้าเพื่อกำจัดพวกเจ้า ที่ข้าพูดถูกใช่ไหม?”
ข่านถอนหายใจและพูด “ข้าติดแหง็กอยู่ที่นี่มาโดยตลอด แล้วแบบนั้นข้าจะติดต่อกับโลกภายนอกได้ยังไง ข้าไม่รู้ว่าเป็นเผ่าเดม่อนจริงๆหรือเปล่าที่ปล่อยข่าวออกไป”
หลังจากนั้นข่านก็หัวเราะและพูดต่อ “แต่ถึงแม้พวกเราจะเป็นคนที่ปล่อยข่าวออกไปจริงๆ มันก็ไม่ควรจะส่งผลกระทบอะไรต่อการร่วมมือกันของพวกเรา”
“ทำไมพวกเราถึงต้องเข้าร่วมมือกับเจ้าด้วย? ในเมื่อเผ่าดราก้อนดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า” หานเซิ่นถามอย่างสงบ
ดูเหมือนข่านรู้อยู่แล้วว่าหานเซิ่นจะพูดแบบนี้ เขายิ้มออกมาและพูด
“เมื่อพวกเขาสร้างพันธมิตรขึ้นมาแล้ว มันก็ทำให้พวกเขาถือไพ่เหนือกว่า ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจะไม่แบ่งปันข้อมูลอะไรกับพวกเจ้า พวกเขาต้องการเก็บผลประโยชน์เอาไว้เป็นของตัวเองเท่านั้น”
“ผลประโยชน์อะไร?” หานเซิ่นถาม
ถ้าเผ่าพันธุ์อื่นติดอยู่ที่นี่เหมือนกัน ตัวเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขาก็ควรจะเป็นการร่วมมือกันเพื่อหาทางออกไปจากที่นี่ แต่พวกเขากลับร่วมมือกันโจมตีเผ่าเดม่อนแทน ด้วยเหตุนั้นมันดูเหมือนว่ามีเรื่องบางอย่างที่ข่านยังไม่เปิดเผยออกมา
“2 ทีมแรกที่เดินทางมาที่นี่ได้ค้นพบโบราณสถานแห่งหนึ่ง ซึ่งมันอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยยอดฝีมือระดับเทพเจ้า ตอนนี้ทั้ง 3 เผ่าพันธุ์กำลังเฝ้ามันเอาไว้ ถ้าพวกเราร่วมมือกันล่ะก็ พวกเราก็อาจจะเอาชนะพวกเขาและชิงสมบัติมาเป็นของพวกเราได้ ปราสาทนภาแข็งแกร่งก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นพวกเจ้าก็ต่อสู้กับ 3 เผ่าพันธุ์ไม่ได้” ข่านพูดอย่างมั่นใจ
ข่านบอกข้อมูลเกี่ยวกับโบราณสถานนั้นเพิ่มเติม และหานเซิ่นก็ส่งใครบางคนออกไปเพื่อยืนยันความจริงของเรื่องราว
แต่ข่านยังคงไม่ยอมบอกข้อมูลทั้งหมด เขายิ้มและพูด
“พวกเราเดม่อนและบุดด้าค้นพบโบราณสถานในเวลาเดียวกัน พวกเรารู้ข้อมูลเกี่ยวกับมันเท่ากับที่พวกเขารู้ อย่างนั้นแล้วมันก็ไม่ได้มีผลเสียอะไรที่พวกเราจะร่วมมือกันใช่ไหม?”
หานเซิ่นและอวี้เอียะทำการปรึกษากัน พวกเขาทั้งคู่เห็นตรงกันว่าการสร้างพันธมิตรกับเดม่อนเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นหานเซิ่นจึงให้ยวิ๋นอี้และอวี้เอียะจัดการเรื่องรายละเอียดต่างๆของการร่วมมือกัน
“พวกเราควรเคลื่อนไหวในตอนที่พายุแม่เหล็กยังเป็นสีฟ้า และเมื่อพวกเราเข้าไปในโบราณสถานได้แล้ว พวกเราก็จะปลอดภัยและไม่ถูกมอนสเตอร์พวกนั้นโจมตี” ข่านอธิบาย
ข่านมีความลับหลายอย่างที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ข้อมูลส่วนใหญ่ของเขาเป็นเรื่องจริง และมันก็ช่วยประหยัดเวลาให้พวกหานเซิ่นได้มาก และถ้าทางดราก้อนโจมตีพวกเขาขณะที่อยู่ในโบราณสถาน การร่วมมือกับเดม่อนก็จะช่วยปกป้องชีวิตของพวกเขา
หลังจากที่ยืนยันเวลาที่พายุแม่เหล็กจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าและตำแหน่งของโบราณสถานได้แล้ว พวกเขาก็เริ่มออกเดินทาง ในระหว่างทางเดม่อนคนอื่นที่เหลือรอดอยู่ก็มาสมทบกับพวกเขา
ทางเดม่อนอยู่ในสภาพที่เลวร้ายกว่าที่หานเซิ่นจินตนาการเอาไว้มาก นอกจากข่านแล้ว มันก็เหลือมาร์ควิสอีกแค่ 20 คนเท่านั้น แถมพวกเขาทั้งหมดยังได้รับบาดเจ็บ