Super God Gene - ตอนที่ 2386
Super God Gene – ตอนที่ 2386
แต่จิตแห่งดาบของหานเซิ่นนั้นแตกต่างออกไป แทนที่จะเป็นการเรียนรู้จิตแห่งดาบของดาบคลั่ง เขากลับลอกเลียนแบบจิตแห่งดาบพราวด์โบนมาตรงๆ
จิตแห่งดาบนั้นเข้าปกคลุมทั้งยอดเขา มันครอบงำราชวงศ์คนอื่นราวกับเป็นผ้าห่มและข่มจิตแห่งดาบของพวกเขาเอาไว้ แม้แต่จิตแห่งดาบขององค์ชายสี่และองค์หญิงสองที่เป็นระดับเทพเจ้าก็เริ่มสั่นคลอนภายใต้แรงกดดันจากจิตแห่งดาบของหานเซิ่น
จากจิตแห่งดาบทั้งหมดที่กำลังปล่อยออกมาบนยอดเขากระดูกเน่า มีเพียงแค่ของหานเซิ่นคนเดียวเท่านั้นที่กำลังเชื่อมต่อกับตัวอักษร‘ความภาคภูมิใจและกระดูกถูกสร้างขึ้น’ จิตแห่งดาบของหานเซิ่นและจิตแห่งดาบของอักษรที่สลักเอาไว้กำลังปะทะกันราวกับการต่อสู้กันของดาบโบราณ 2 เล่ม
“เป็นไปได้ยังไง…” ใบหน้าของเหล่าราชวงศ์ซีดไป แม้แต่องค์ชายสี่และองค์หญิงสองก็ดูตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น พวกเขาหันไปมองหานเซิ่นที่อยู่ด้านหลังอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ไป๋หลิงซวงเบิกตากว้างราวกับว่าเพิ่งจะเห็นผี
ไป๋เวยกัดริมฝีปากของเธอโดยไม่พูดอะไร อารมณ์ต่างวูบวาบอย่างรวดเร็วบนใบหน้าของเธอ
จิตแห่งดาบที่ออกมาจากร่างกายของหานเซิ่นนั้นกำลังต่อสู้กับจิตแห่งดาบที่ถูกสลักเอาไว้บนโขดหิน ซึ่งแม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้
เนื่องจากจิตแห่งดาบของหานเซิ่นระเบิดพลังออกมา จิตแห่งดาบของอักษรที่ถูกสลักเอาไว้ก็ระเบิดพลังออกมาเพื่อปะทะกับมันอย่างภาคภูมิ
จิตแห่งดาบของหานเซิ่นลอกเลียนจากอักษร‘ความภาคภูมิใจและกระดูกถูกสร้างขึ้น’ที่สลักเอาไว้ เนื่องจากพลังทั้ง 2 นั้นเหมือนกัน พวกมันจึงทำงานเหมือนกับแม่เหล็กที่ด้านเดียวกันจะผลักดันซึ่งกันและกัน
มันเหมือนกับว่าหานเซิ่นกำลังต่อสู้กับภาพสะท้อนของตัวเอง โชคดีที่ในกรณีนี้มันเป็นแค่การต่อสู้โดยใช้จิตแห่งดาบเท่านั้น มันจึงไม่ได้มีพลังทำลายล้างอะไร แต่ถึงอย่างนั้นกลุ่มของราชวงศ์ที่เกี่ยวข้องก็พบว่าจิตแห่งดาบของพวกเขาถูกข่มโดยจิตแห่งดาบทั้ง 2 คนที่อ่อนแอกว่าจำเป็นต้องป้องกันจิตแห่งดาบของตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงจากกการถูกบดขยี้
เลือดเริ่มไหลออกมาจากปากและจมูกของราชวงศ์ที่อ่อนแอ จนในที่สุดพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากลงภูเขาไป พวกเขาไม่อยากจะมายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของจิตแห่งดาบที่น่ากลัว
จิตแห่งดาบไม่ได้ทำร้ายร่างกายของพวกเขา แต่มันสามารถทำลายจิตใจของพวกเขาได้ ซึ่งถ้าจิตใจของพวกเขาถูกทำลาย มันก็จะส่งผลเสียต่อการฝึกฝนในอนาคตของพวกเขา
จิตแห่งดาบทั้ง 2 เข้าครอบงำยอดภูเขากระดูกเน่า ท่ามกลางความโกลาหลนั้นมีเพียงหานเซิ่นที่ได้รับผลประโยชน์
ไม่สำคัญว่าจิตแห่งดาบนี้จะไม่เข้ากับลักษณะนิสัยของเขามากขนาดไหน แต่ตอนนี้ร่างกายของเขากำลังใช้จิตแห่งดาบพราวด์โบนอยู่ ขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไป เขาก็ได้เรียนรู้มากขึ้นเรื่อยๆ
‘แฟรี่น้ำจะลอกเลี่ยนแบบจิตใจของสิ่งมีชีวิตได้ไหมนะ? ถ้าเธอทำได้ เราก็จะเรียนรู้วิชาจีโนไหนก็ได้ ทั้งหมดที่เราต้องทำก็คือเรียนรู้พื้นฐานของวิชาและหายอดฝีมือที่เชี่ยวชาญในวิชาจีโนนั้นๆ หลังจากนั้นเราก็จะขอให้แฟรี่น้ำลอกเลียนจิตใจของพวกเขาและส่งมันเข้ามาในร่างกายของเราเพื่อฝึกฝน ถ้านั่นได้ผล มันก็จะกลายเป็นสิ่งที่เราต้องการ ไม่สิ…มันควรจะกลายเป็นอะไรที่มากกว่าสิ่งที่เราต้องการเป็นสิบๆเท่า’ หานเซิ่นรู้สึกมีความสุขขณะที่คำนึงถึงความเป็นไปได้ของมัน
แต่ในขณะที่หานเซิ่นกำลังคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในอนาตต จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงแตกร้าวของบางสิ่ง บางทีการต่อสู้ระหว่างจิตแห่งดาบอาจจะรุนแรงเกินไป ทำให้โขดหินเริ่มมีรอยร้าวเกิดขึ้นมา
รอยร้าวค่อยๆขยายไปเรื่อยๆทั้ง 2 ข้างของโขดหิน มันเหมือนกับว่าโขดหินถูกฟ้าฝ่า รอยร้าวขยายออกไปจนกระทั่งมันหักครึ่ง มันตัดผ่านตัวอักษร ‘ความภาคภูมิใจและกระดูกถูกสร้างขึ้น’ไป
โขดหินถูกหักครึ่ง ทั้งตัวอักษรที่ถูกสลักเอาไว้และจิตแห่งดาบที่สิงอยู่นั้นหายไป เพราะยังไงซะจิตแห่งดาบก็อยู่ที่นี่เพราะตัวอักษรที่สลักเอาไว้บนโขดหิน เมื่อตัวอักษรหายไป จิตแห่งดาบก็จะหายไปด้วยเช่นกัน
ตูม!
เมื่อโขดหินถูกตัดเปิดออก ดาบแสงก็พุ่งออกมา มันตัดผ่านมิติที่บิดเบือนของภูเขากระดูกเน่าและทะยานขึ้นไปสู่ท้องฟ้าราวกับมีดที่ฉีกผ่านกระดาษ
“ดาบลมปราณพราวด์โบน!” ราชวงศ์ที่อยู่บนยอดเขามองขึ้นไปบนฟ้าขณะที่อ้าปากค้าง
เอ็กซ์ตรีมคิงทุกคนกำลังมองไปที่ภูเขากระดูกเน่า พวกเขารอคอยให้ผู้เข้าสอบลงมาจากภูเขาอีกครั้ง แต่ก่อนที่ผู้เข้าสอบจะกลับลงมาได้ ดาบแสงก็พุ่งขึ้นมาจากยอดเขาและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มันเป็นภาพที่น่าตกตะลึง และพวกเขาไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ดาบลมปราณพราวด์โบน!” สีหน้าของราชาไป๋เปลี่ยนไป เขาสะบัดมือและพลังที่ล้นหลามก็หลั่งไหลออกมาจากเขาและเปลี่ยนเป็นรูปร่างของมือขนาดใหญ่เหนือจินตนาการ มันเกือบจะใหญ่โตพอที่จะเป็นโล่ให้กับทั้งระบบจักรวาล มันฟาดเข้าไปทางของดาบแสงนั้น
เนื่องจากดาบแสงทะลุผ่านมิติที่บิดเบือนของภูเขากระดูกเน่าออก คนที่อยู่ข้างในจึงสามารถมองออกมาข้างนอกและคนที่อยู่ข้างนอกจึงสามารถมองเข้าไปข้างในได้ หานเซิ่นเห็นมือขนาดใหญ่กำลังลงมาทางเขา ดวงดาวนั้นไม่ได้ใหญ่ไปกว่าฝุ่นละอองเมื่อเทียบกับมือนั้น มันเหมือนกับว่ามือนั้นสามารถบดขยี้ดวงดาวได้ด้วยตัวมันเอง
ดาบแสงยังคงทะยานขึ้นและตรงเข้าไปหามือขนาดใหญ่มหึมานั้น มันไม่ได้เปลี่ยนทิศทางหรือแสดงท่าทีที่จะถอยหนี
เมื่อดาบแสงถูกเข้ากับฝ่ามือ มือก็กำมันเอาไว้แน่น พลังของมือนั้นน่าสะพรึงกลัวและน่าเกรงขามที่จะได้เห็น ดาบแสงพยายามจะฝ่าออกไป แต่มันไม่สามารถเคลื่อนตัวไปไหนได้อีก
ปัง!
มือขนาดใหญ่บีบตัวและดาบแสงก็ระเบิดเหมือนกับดอกไม้ไฟ มันแตกกระจายกลายเป็นแสงที่เหมือนกับฝนดาวตกไปทั่วท้องฟ้าของอาณาจักรกษัตริย์
หานเซิ่นมองดูฝนดาบแสงตกลงมาและสังเกตเห็นว่ามันตกลงมาทุกหนทุกแห่ง เมื่อดาบแสงตกถึงพื้น พวกมันก็ไม่ได้มีพลังทำลายล้างอะไร ดาบแสงแตกกระจายไม่ว่าพวกเขาจะสัมผัสกับอะไรก็ตาม มันเป็นเหตุการณ์ที่เหมือนกับความฝัน
ดาบแสงแตกกระจายเมื่อพวกมันสัมผัสกับร่างกายของคนเช่นกัน หานเซิ่นยื่นมือออกไปเพื่อรับดาบแสงเอาไว้ แต่เมื่อเขาสัมผัสมัน มันก็แตกสลายกลายเป็นผุยผงและไม่เหลืออะไรเอาไว้เบื้องหลัง
ราชาไป๋ลดมือลงและขมวดคิ้ว เขามองไปที่ฝนดาบแสงที่ตกลงมา ขณะที่อารมณ์ของเขาถูกซ่อนภายใต้หน้ากากของความสงบนิ่ง
ฝนดาบแสงตกลงมาทั่วทั้งอาณาจักรกษัตริย์ยาวนานกว่า 7 วัน หลังจากที่หานเซิ่นและคนอื่นๆกลับลงมาจากภูเขา พวกเขาก็ถูกถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เหล่าองค์ชายและองค์หญิงอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หานเซิ่นเองก็เช่นกัน แต่เขาบอกแค่ว่าเขาเข้าใจจิตแห่งดาบพราวด์โบนบางส่วน เขาไม่ต้องการจะอธิบายเกี่ยวกับการต่อสู้ของเขากับจิตแห่งดาบของตัวอักษรที่ถูกสลักเอาไว้บนโขดหิน เขาบอกแค่ว่าจู่ๆโขดหินก็ระเบิดและมีดาบแสงพุ่งออกมาแค่นั้น เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับน้ำเต้าหยกหรือแฟรี่น้ำ
ถึงแม้จะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น หลายคนก็ไม่เชื่อว่าหานเซิ่นจะฝึกจิตแห่งดาบได้ถึงระดับนั้น
เมื่อถูกถาม หานเซิ่นก็เปิดใช้งานจิตแห่งดาบพราวด์โบนของเขา แม้แต่ราชาไป๋ก็ตกใจเมื่อได้เห็นมัน
หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าดาบแสงนั้นคืออะไร ซึ่งราชาไป๋ก็ไม่ได้บอกอะไร เขาแค่บอกให้หานเซิ่นกลับไปได้
ตอนนี้ไป๋อี้มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งกว่าเดิม เขาสามารถเรียนรู้จิตแห่งดาบพราวด์โบนถึงระดับสุดยอดในเวลาอันสั้น ทุกคนในอาณาจักรกษัตริย์ต่างก็รู้จักชื่อของไป๋อี้ และพวกเขาก็รู้ว่าไป๋อี้เป็นอัจฉริยะ
แต่หานเซิ่นรำคาญกับความจริงที่ว่าเขาทำได้แค่ยืมพลังจากน้ำเต้าหยกเท่านั้น เขาสามารถใช้จิตแห่งดาบพราวด์โบนได้ก็ต่อเมื่อแฟรี่น้ำเข้าสิงเขา ถ้าแฟรี่น้ำไม่ได้ผสานตัวเข้ากับเขา จิตแห่งดาบก็จะกลับสู่ระดับปกติ
ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะทีเดียว การได้สัมผัสกับจิตแห่งดาบที่ทรงพลังอย่างนั้นสามารถช่วยในการพัฒนาได้
ฝนดาบแสงยังคงตกลงมา ดังนั้นการสอบจึงต้องหยุดไปชั่วคราว เพราะอย่างนั้นหานเซิ่นจึงเดินทางกลับไปที่ดาววอเทอร์โซน