Super God Gene - ตอนที่ 2509
Super God Gene – ตอนที่ 2509
หานเซิ่นขับวาฬขาวบินไปในทะเลที่ปกคลุมด้วยหมอกเป็นเวลานานกว่าร้อยชั่วโมง แต่เขาก็ยังไม่สามารถหาทางออกไปได้
พลังอวกาศภายในกระเพาะของแมงมุมหลุมดำนั้นประกอบด้วยชั้นหลายชั้นราวกับเขาวงกตอวกาศขนาดใหญ่ยักษ์ และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการที่รอยแยกของอวกาศสามารถสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงกับตัวถังของวาฬขาว
โชคดีที่หานเซิ่นมีอาณาเขตตงเสวียนและวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงที่ช่วยให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงรอยแยกของอวกาศได้ ไม่อย่างนั้นวาฬขาวก็คงจะถูกฉีกขาดไปแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังต้องเผชิญกับการที่กระเพาะของแมงมุมกำลังย่อยสลายพวกเขา เรื่องดีเพียงอย่างเดียวของเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือความจริงที่ว่าวาฬขาวสามารถซ่อมแซมตัวเองได้เร็วกว่าที่มันถูกกัดกร่อน
ถึงอย่างนั้นการซ่อมแซมตัวเองของวาฬขาวก็เป็นกระบวนการที่ใช้พลังงาน ถ้าพลังงานของมันหมด ความตายก็คือสิ่งเดียวที่รอคอยพวกเขาอยู่ ทุกคนบนวาฬขาวต่างก็รู้สึกหดหู่ ชะตากรรมที่ไม่แน่นอนทำให้ทุกคนรู้สึกเป็นกังวล นอกจากเป่าเอ๋อที่กำลังพยายามปลอบหนิงเยวี่ยแล้ว มันก็ไม่มีใครคนไหนที่จะยิ้มออกมาได้
หานเซิ่นตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมากที่จะต้องแก้ไขวิกฤตนี้ เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเอง เพราะเขาสามารถหนีกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ได้ แต่ถ้าเขาทำแบบนั้นหนิงเยวี่ยและฟางชิงอวี่ก็จะต้องตาย
“น้องฟาง เจ้าติดต่อผู้อาวุโสแยกสมบัติได้ไหม? เจ้าลองถามเขาหน่อยว่าจะช่วยพวกเราได้ไหม?” หานเซิ่นพูดกับฟางชิงอวี่อย่างมีความหวัง
ฟางชิงอวี่ยิ้มแห้งๆและนำเอารูบิคว่านเจียออกมา ลูกรูบิคทั้งลูกนั้นเป็นสีเทาและไร้ชีวิตชีวา มันไม่สามารถจับสัญญาณอะไรได้
“ข้าลองพยายามดูแล้ว แต่รูบิคว่านเจียทำงานในสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ รูบิคว่านเจียเป็นสมบัติธาตุอวกาศ แต่แมงมุมหลุมดำเองก็เป็นซีโน่เจเนอิคธาตุอวกาศ ด้วยเหตุนั้นพลังของมันจึงส่งผลต่อการทำงานของรูบิคว่านเจีย” ฟางชิงอวี่ฝืนยิ้มออกมา
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรอีก เขายังคงขับวาฬขาวไปข้างหน้าต่อไป ในตอนนี้เขายังไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่คอยดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
เหล่าโจรสลัดดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีหานเซิ่นอยู่ที่นี่ด้วยอีกคน พวกเขาก็คงจะเป็นบ้ากันไปหมดแล้ว ถ้าไม่มีหานเซิ่นอยู่ ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรลงไป
หนิงเยวี่ยไม่จำเป็นต้องตกอยู่ในสถานการณ์กดดันอะไรที่จะร้องไห้ออกมา เพียงแค่เป่าเอ๋อแกล้งเธอก็มากพอที่จะทำให้น้ำตาไหลออกมาแล้ว เธอกำลังร้องห่มร้องไห้ราวกับผู้หญิงที่เป็นบ้า
แต่ในสายตาของเหล่าโจรสลัด เธอเป็นอย่างอื่นที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
พวกเขาได้เห็นหนิงเยวี่ยกลายร่างเป็นผู้ชายและฆ่าครึ่งเทพคนหนึ่งอย่างง่ายดาย หนิงเยวี่ยอาจจะดูเป็นบุคคลที่เปราะบางในตอนนี้ แต่ไม่มีใครกล้าจะทำให้เธอโกรธ
ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เห็นเงาสีดำในหมอก เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร แต่มันดูเป็นบางสิ่งที่ใหญ่โตมากบนทะเลสีดำ
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาตัดสินใจขับวาฬขาวเข้าไปดู มันไม่มีอะไรเลวร้ายกว่าสถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้แล้ว แบบนั้นมันก็คุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงไปดู
“มันคืออะไร?” เมื่อวาฬขาวเข้าไปใกล้เงานั่นเรื่อยๆ ในที่สุดคนอื่นบนยานก็เริ่มจะสังเกตเห็นมัน
“แผ่นดิน… มันมีแผ่นดินอยู่!” เมื่อพวกเขาสามารถเห็นว่ามันคืออะไร พวกเขาก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ
ภาพที่ไม่น่าเชื่อปรากฏให้เห็นตรงหน้าพวกเขา มันมีแผ่นดินสีแดงเข้มที่ทอดยาวอยู่ข้างหน้า หานเซิ่นเห็นเกาะหินและแนวปะการังรอบๆ
จากระยะไกลหานเซิ่นเห็นพืชประหลาดบางอย่างขึ้นอยู่บนดินแดนแห่งนั้น พืชเหล่านั้นแทนที่จะเป็นต้นไม้ หญ้าหรือเถาวัลย์ที่หาพบเจอได้ตามเกาะ พวกมันกลับเป็นเห็ดที่มีขนาดและรูปร่างหลากหลาย
เห็ดขนาดใหญ่บางดอกใหญ่โตราวกับชิ่งช้าสวรรค์ ในขณะที่บางดอกมีขนาดพอกับห้องๆหนึ่ง มันยังมีเห็ดที่เล็กเท่ากับเม็ดถั่วอีกด้วย พวกมันหลากสีสันและดูสวยงามมากๆ
นอกจากนั้นเห็ดมากมายยังเรืองแสงออกมา พวกมันทำให้ทะเลสีดำนั้นสว่างไสวขึ้นมา
หานเซิ่นและคนอื่นๆมองไปที่แผ่นดินเห็ดราวกับว่าพวกเขากำลังจ้องมองไปที่ดินแดนในเทพนิยาย พวกเขาดูประหลาดใจมากๆ
“ถ้ามันมีแผ่นดินอยู่ นั่นหมายความว่าพวกเราไม่ได้อยู่ในท้องของแมงมุมหลุมดำใช่ไหม?” เมื่อหนิงเยวี่ยเห็นแผ่นดินเห็ด เธอก็กลับมาดูมีความหวังอีกครั้ง
แต่หานเซิ่นไม่ได้มองโลกในแง่ดีแบบนั้น เขาเคยเห็นร่างกายของซีโน่เจเนอิคหลายตัวที่มีดินแดนหรือปราสาทอยู่ แมงมุมหลุมดำนั้นมีขนาดใหญ่โต ดังนั้นการมีแผ่นดินอยู่ภายในตัวจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่ไม่ว่าจะยังไง ถ้าบนแผ่นดินนั้นมีพืชอยู่ มันก็แสดงว่ามันเหมาะสมสำหรับสิ่งมีชีวิต แถมหมอกนั้นดูเหมือนจะไม่ปกคลุมแผ่นดินเห็ดด้วย อย่างน้อยนั่นก็ช่วยป้องกันวาฬขาวจากการถูกกัดกร่อนไปมากกว่านี้ นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี
ขณะที่หานเซิ่นขับวาฬขาวไปยังดินแดนที่เต็มไปด้วยเห็ด เขาไม่ได้รีบลงจอดในทันที ก่อนอื่นเขาบินไปรอบๆแผ่นดินเห็ด แต่เมื่อเขาบินจนครบรอบ เขาก็ขมวดคิ้ว
แผ่นดินเห็ดนี้ดูงดงามมากๆ และเห็ดนั้นปกคลุมทั่วเกาะด้วยนานาสีสันราวกับสายรุ้ง แต่นอกจากเห็ดแล้ว มันไม่มีอะไรอย่างอื่นอยู่เลย
มันไม่มีทั้งซีโน่เจเนอิคหรือพืชชนิดอื่น มันมีเพียงแค่เห็ดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
จากประสบการณ์ของหานเซิ่นแล้ว ยิ่งเห็ดดอกหนึ่งดูสวยงามมากเท่าไหร่ พิษของมันก็จะอันตรายมากเท่านั้น เห็ดพวกนี้ดูสวยเป็นพิเศษ ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าพิษของมันต้องเป็นอะไรที่อันตราย
“นั่นคืออะไร?” ฟางชิงอวี่ถามขึ้นมาขณะที่ชี้ไปที่ป่าเห็ด
หานเซิ่นมองไปทางที่ฟางชิงอวี่ชี้ และเขาก็เห็นว่าในป่าเห็ดมีภูเขาหินลูกหนึ่งอยู่ ภูเขาหินนั้นกลมอย่างมาก และมันก็มีรูปร่างเหมือนกับซาลาเปา
ถัดไปจากภูเขาเล็กนั่นมียานลำหนึ่งจอดอยู่ มันดูเก่าแก่และทรุดโทรม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่ามันเป็นยานของใคร
“มีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นี่!” โจรสลัดคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
หานเซิ่นขับวาฬขาวเข้าไปใกล้ยานลำนั้น แต่ทันใดนั้นประตูของยานก็เปิดออกมาและมีสิ่งมีชีวิตปีนออกมา
เมื่อหานเซิ่นสิ่งมีชีวิตนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความแปลกใจ
เขาเคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดมามากมาย แต่สิ่งมีชีวิตที่ออกมาจากยานนั้นยังคงดูประหลาดสำหรับเขา สิ่งมีชีวิตนั้นมีสีขาวเหมือนกับหิมะ และร่างกายของมันก็สูง 2 เมตร มันดูเหมือนกับเสือ แต่บนหัวของมันมีเห็ดสีชมพูงอกขึ้นมา มันทำให้เสือที่ดุร้ายดูน่ารักแทน
“เป็นเสือที่น่ารักอะไรอย่างนี้!” หนิงเยวี่ยมองไปที่เสือตัวนั้นด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
เสือขาวที่มีเห็ดสีชมพูอยู่บนหัวหันมองมาที่วาฬขาว มันอ้าปากและปลดปล่อยเสียงออกมา “เหมียว!”
หานเซิ่นและคนอื่นแลกเปลี่ยนสายตากัน หนิงเยวี่ยดูเหมือนกับว่าหัวใจกำลังละลาย เธอมองไปที่เสือขาวบนหน้าจอและพูดออกมาอย่างหลงไหล “น่ารัก!”
ตูม!
ก่อนที่ใครจะพูดอะไรได้อีก เสือขาวก็กระโดดขึ้นมาบนหลังของวาฬขาว ทันใดนั้นหลังของวาฬขาวก็บุบลงมาและวาฬขาวเองก็ถูกกดลงไปยังป่าเห็ด