Super God Gene - ตอนที่ 2804
Super God Gene – ตอนที่ 2804
ชายแก่และไป๋ว่านเจี้ยตกตะลึง โอเวอร์แบริ่งอายเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างที่สุดสำหรับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ถ้ามีบางสิ่งเกิดขึ้นกับมัน มันก็จะส่งผลกระทบต่อทั้งเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง
ปัง!
ลูกตาสีดำและขาวระเบิดออกมาจากเบ้าตา มันมีขนาดพอๆกับลูกฟุตบอล ครึ่งหนึ่งมันเป็นสีขาวขณะที่อีกครึ่งเป็นสีดำ ชายแก่ตกใจกับเรื่องนั้น ร่างกายของเขาระเบิดด้วยเปลวเพลิงสีเงินที่ทะลักออกมาจากร่างกายของเขาราวกับสึนามิ เขากลายเป็นปีศาจที่จะหยุดลูกตาสีดำและสีขาวเอาไว้
แต่หลังจากที่สัมผัสเพียงแค่นิดเดียว พลังของชายแก่ก็หายไป พลังปีศาจของชายแก่สลายเป็นผุยผงอย่างง่ายดาย และโอเวอร์แบริ่งอายก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าของหานเซิ่น
ร่างกายของหานเซิ่นเป็นอิสระอีกครั้ง แต่ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงก็เข้าไปในดวงตาข้างซ้ายของเขา
มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าภาพที่กำลังเกิดขึ้นเป็นภาพแบบไหน ลูกตาสีดำและสีขาวที่มีขนาดเท่ากับลูกฟุตบอลเข้าไปในดวงตาข้างซ้ายของหานเซิ่น ดวงตาของเขาค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับมนุษย์คนอื่น แต่พวกมันไม่ได้ใหญ่โตเท่ากับลูกฟุตบอล มันทำให้ดวงตาของเขาดูเหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุ มันปลดปล่อยแสงสีดำและสีขาวออกมา
ภายใต้ความเจ็บปวดที่แสนสาหัส หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะกุมดวงตาของเขา มือของเขาไม่สามารถห้ามแสงสีดำและสีขาวจากการระเบิดออกมาได้
ไป๋ว่านเจี้ยและชายแก่ตกตะลึง พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ดังนั้นพวกเขาแค่ยืนอยู่กับที่ พวกเขาจ้องมองไปยังหานเซิ่นที่ลอยอยู่กลางอากาศ เขากำลังใช้มือปิดดวงตาของตัวเองขณะที่แสงสีดำและสีขาวรั่วไหลออกมาจากช่องว่างระหว่างนิ้วมือของเขา มันเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆเป็นสีขาวดำ มันเป็นเหมือนกับหนังสือการ์ตูนที่ไม่มีสี
ตูม! ตูม! ตูม!
ทั้งอาณาจักรของกษัตริย์สั่นไหวเล็กน้อยราวกับว่าบางสิ่งแตกหัก
“โอ้ ไม่นะ!” ใบหน้าของไป๋ว่านเจี้ยเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาดูมืดมนและเกือบจะมีน้ำตาไหลออกมา ดูเหมือนกับว่าจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง ซึ่งนั่นส่งผลต่อระบบป้องกันของอาณาจักรกษัตริย์
ก่อนที่ไป๋ว่านเจี้ยจะคิดเกี่ยวกับมันได้มากกว่านั้น เขาก็เห็นคนหลายคนปรากฏตัวขึ้นมา พวกเขาทุกคนมีออร่าที่น่าสะพรึงกลัว หนึ่งในพวกเขาคือกษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิง
ราชาไป๋หันไปมองหานเซิ่นที่กำลังลอยตัวอยู่ในอากาศขณะที่ดวงตาข้างซ้ายของเขาปล่อยแสงสีดำและสีขาวออกมา หลังจากนั้นเขาก็หันไปหาชายแก่และถาม “ผู้อาวุโสเถี่ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ฝ่าบาท…” ชายแก่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไป๋ว่านเจี้ยพูดขัดขึ้นมา
“ท่านพ่อ มันเป็นความผิดของลูกเอง” ไป๋ว่านเจี้ยคุกเข่าต่อหน้าราชาไป๋และอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไปตามมิสเตอร์ไวท์มาที่นี่” หลังจากที่ราชาไป๋ได้ยินเรื่องราว เขาก็ไม่ได้เอาโทษอะไรไป๋ว่านเจี้ย เขาแค่หันไปพูดกับยอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงที่มาพร้อมกับเขา
ยอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงคนนั้นพยักหน้าและรีบทำตามที่ราชาไป๋สั่ง ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็กลับมาพร้อมกับมิสเตอร์ไวท์
“คารวะฝ่าบาท” มิสเตอร์ไวท์โค้งคำนับราชาไป๋
“มิสเตอร์ไวท์ เจ้าอธิบายได้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
ราชาไป๋มองไปที่มิสเตอร์ไวท์ เสียงของเขาฟังดูอ่อนโยน แต่มันมีแรงกดดันซ่อนอยู่ในคำพูดของเขา ถ้าเป็นคนที่มีจิตใจที่มีอ่อนแอ ถึงแม้คนๆนั้นจะไม่ได้ทำผิด เขาก็จะต้องคุกเข่าต่อหน้าราชาไป๋
มิสเตอร์ไวท์มองหานเซิ่นที่กำลังลอยตัวอยู่ในอากาศ เขามีรอยยิ้มที่แดกดันบนใบหน้า เขาโค้งคำนับราชาไป๋และพูด
“มันเป็นความผิดของข้าเอง ถ้าฝ่าบาทจะลงโทษ ก็ได้โปรดลงโทษข้า”
“ทำไมเจ้าถึงพูดแบบนั้น?” ราชาไป๋ไม่เคลื่อนไหว เขาแค่ถามอย่างเป็นกันเอง
“ข้าเป็นคนที่แนะนำให้องค์ชายว่านเจี้ยใช้โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง”
มิสเตอร์ไวท์พูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “ข้าไม่ได้คาดคิดว่าซีโน่เจเนอิคตัวนี้จะดึงดูดโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง เรื่องนี้เป็นความผิดของข้า”
“โอ้ เจ้าบอกว่านเจี้ยว่ายังไง?” ราชาไป๋ถาม
มิสเตอร์ไวท์อธิบายถึงสิ่งที่เขาบอกกับไป๋ว่านเจี้ย ก่อนที่ถอนหายใจและพูดต่อ “มันเป็นความผิดของข้าเอง ฝ่าบาทควรจะลงโทษข้าแทน”
ราชาไป๋เลิกสนใจมิสเตอร์ไวท์และหันไปมองไป๋ว่านเจี้ยที่กำลังคุกเข่าไป๋ว่านเจี้ยอยู่
“มิสเตอร์ไวท์ได้พูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
“ไม่มี” ไป๋ว่านเจี้ยพูดขณะที่ก้มหัวต่ำ ร่างกายทั้งร่างของเขากำลังสั่นไหว
“ถ้ามันเป็นอย่างที่เจ้าพูด ในตอนที่เจ้าพบถึงความผิดปกติของโอเวอร์แบริ่งอาย ทำไมเจ้าถึงไม่หยุดมัน?” ราชาไป๋ถาม
“ลูก…” จู่ๆไป๋ว่านเจี้ยก็พูดอะไรไม่ออก มิสเตอร์ไวท์ได้กำชับกับเขาว่าอย่าได้ใจร้อน แต่ทั้งหมดที่เขาคิดคือเรื่องของสเปชการ์เด้นและสิ่งประจำตัวของพระเจ้า
ไป๋ว่านเจี้ยรู้ว่าถ้าไม่อธิบายเรื่องนี้ เขาก็จะมีความผิดใหญ่หลวง เขาอาจจะต้องสูญเสียตำแหน่งองค์รัชทายาทไป
“ท่านพ่อ มันมีบางสิ่งที่ลูกอยากจะพูดกับท่านพ่อเป็นการส่วนตัว” ไป๋ว่านเจี้ยกัดฟันขณะที่พูดออกมา
“พูดมันออกมา” ราชาไป๋ไม่ได้ขยับไปไหน แต่มันมีพลังที่มองไม่เห็นแยกตัวพวกเขาออกมาจากทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ
ไป๋ว่านเจี้ยไม่กล้าจะปกปิดความจริงอีกต่อไป เขาบอกทุกอย่างเกี่ยวกับหานเซิ่นให้ราชาไป๋ฟัง และนั่นรวมถึงข้อสันนิษฐานของเขาด้วย
“นั่นเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรอ?” เมื่อราชาไป๋ได้ยินเรื่องราว เขาก็หันไปมองหานเซิ่นที่ยังคงลอยอยู่กลางอากาศด้วยความแปลกใจ เห็นได้ชัดว่าสิ่งประจำตัวของพระเจ้าทำให้เขาประหลาดใจพอสมควร
“มันเป็นเพราะลูกโง่เขลา ลูกโลภมากเกินไป…” ไป๋ว่านเจี้ยยังคงก้มหัวขณะที่พูด
“ถ้าเจ้าไม่ใช่คนทะเยอทะยานและเด็ดขาด เจ้าก็ไม่ใช่ลูกของข้า”
ราชาไป๋เปลี่ยนโทนเสียง “แต่เจ้ายังคงทำอะไรเหมือนกับเด็ก…”
ก่อนที่ราชาไป๋จะพูดจบ จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา พวกเขาเห็นหานเซิ่นร่วงลงมาที่พื้นของห้องโถง ดวงตาข้างซ้ายของเขาไม่ได้ปล่อยแสงสีดำและสีขาวออกมาอีกแล้ว แต่มันก็ไม่ได้กลับเป็นเหมือนปกติซะทีเดียว ดวงตาข้างซ้ายของหานเซิ่นยังคงมีลูกตาสีขาวและรูม่านตาสีดำเหมือนเดิม แต่ทว่ามันแตกต่างไปจากดวงตาอีกข้าง ลูกตาสีขาวและรูม่านตาสีดำนั้นตัดกันอย่างชัดเจน มันมีสีขาวของหิมะกับสีดำของหมึก มันดูไม่มีชีวิตชีวาเหมือนกับเป็นดวงตาของคนที่ตายไปแล้ว
“ฝ่าบาท เป็นข้าเองที่ไม่ระมัดระวัง และทำให้โอเวอร์แบริ่งอายประสบกับอุบัติเหตุนี้”
ชายแก่พูด “ได้โปรดฝ่าบาทลงโทษข้า”
ราชาไป๋โบกมือเพื่อบอกให้ชายแก่หยุดพูด “ไม่มีความจำเป็นที่ผู้อาวุโสเถี่ยจะต้องทำแบบนี้ เจ้าคอยเฝ้าโถงแห่งกฎของเอ็กซ์ตรีมคิงมาเป็นเวลายาวนาน เจ้าดีกับพวกเรามาโดยตลอด เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ดังนั้นอย่าได้โทษตัวเอง”
ราชาไป๋มองไปที่หานเซิ่นและเดินเข้าไปหาเขา
หานเซิ่นรู้สึกแย่ เขาไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา และแม้แต่ราชาไป๋ก็มาอยู่ที่นี่ หานเซิ่นรู้สึกว่าบางสิ่งที่เลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้
ขณะที่ราชาไป๋เดินเข้ามา หานเซิ่นก็ดูหดหู่มากๆ เขาคิดกับตัวเอง
‘ดูเหมือนไม่ว่ายังไงมันก็จะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเรา ถ้าอย่างนั้นเราก็ควรจะเป็นฝ่ายลงมือก่อน’
หลังจากที่คิดได้แบบนั้นเขาก็ลุกขึ้นมาจากพื้น เขายืนตัวตรงและจ้องมองไปที่ราชาไป๋ เขาจะไม่ก้มหัวให้กับอีกฝ่าย