Super God Gene - ตอนที่ 2956
Super God Gene – ตอนที่ 2956 เข้าไปในปราสาทศักดิ์สิทธิ์
หานเซิ่นรับตะเกียงหินและกระจกไนน์สปินเดสทินี้ที่เป่าเอ๋อปล่อยทิ้งไป เธอได้เปลี่ยนร่างกลายเป็นสเปชชาร์มเรียบร้อยแล้ว
เมื่อไม่มีพลังของกระจกไนน์สปินเดสทินี้ กลุ่มของสเปชชาร์มก็ถาโถมเข้ามาราวกับคลื่น
แต่ในจังหวะต่อมาเป่าเอ๋อที่กลายเป็นสเปชชาร์มก็ส่งเสียงร้องออกมา ในตอนที่เสียงร้องนั้นแพร่กระจายออกไป สเปชชาร์มที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาหาหานเซิ่นก็หยุดชะงักไป พวกมันหันไปมองเป่าเอ๋อที่กลายเป็นสเปชชาร์มด้วยความสับสน
เป่าเอ๋อยังคงส่งเสียงร้องไห้ออกมาอีก หลังจากที่ส่งเสียงร้องไปได้สักพัก เธอก็หันมาพูดกับหานเซิ่น “พ่อ ปิดไฟ”
หานเซิ่นแปลกใจ แต่เขาก็เข้าใจอย่างรวดเร็วว่าเธอหมายถึงอะไร เขาเก็บตะเกียงหินไปและปล่อยให้ความมืดเข้าปกคลุม ตอนนี้มีเพียงแค่ปิ่นปักผมของปีศาจสาวที่ยังคงปลดปล่อยแสงประหลาดออกมา
Sob! Sob!
เป่าเอ๋อร้องไห้อีกครั้ง เสียงร้องไห้นั้นแพร่กระจายออกไปในความมืดมิด ไม่นานหลังจากนั้นก็มีเสียงร้องไห้ดังขึ้นจากทุกหนทุกแห่งในความมืด สเปชชาร์มมากมายที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเริ่มบินเข้ามาในตำแหน่งของพวกเขา
อีแร้งแก่และอสูรยักษ์ไร้ดวงตาอึ้งไป พวกเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ปีศาจสาวเองก็ดูสับสนเช่นกัน เธอไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่สามารถเปลี่ยนเป็นสเปชชาร์มได้
ทันใดนั้นสีหน้าของปีศาจสาวและคนอื่นๆก็เปลี่ยนไป สเปชชาร์มสีขาวของปีศาจสาวและสเปชชาร์มสีฟ้าที่ออกมาจากความมืดนั้นกำลังส่งเสียงร้องไห้ร่วมกัน หลังจากนั้นพวกมันก็บินมาทางพวกเขา
พลังของปีศาจสาวนั้นให้กำเนิดสเปชชาร์มขึ้นมากว่าสามสิบตัว แต่กลุ่มของสเปชชาร์มที่กำลังเข้ามาหาพวกเขานั้นมีมากยิ่งกว่านั้น มันทำให้แม้แต่อีแร้งแก่ก็เริ่มมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดี
“นี่มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ยัยผู้หญิงบ้ากาม ทำไมสเปชชาร์มของเจ้าถึงได้ก่อกบฏ?” อสูรยักษ์ไร้ดวงตาตะโกนถามขึ้นมา เมื่อเห็นสเปชชาร์มกำลังตรงเข้ามาหามัน
สีหน้าของปีศาจสาวดูย่ำแย่ เธอได้พยายามใช้พลังอย่างเต็มที่แล้ว แต่เธอก็ไม่สามารถควบคุมสเปชชาร์มได้อีกต่อไป
เป่าเอ๋อส่งเสียงร้องต่อไป และเสียงร้องไห้ของเธอก็ดึงดูดสเปชชาร์มมามากขึ้นเรื่อยๆ สเปชชาร์มจำนวนมากบินตรงเข้าไปหาพวกปีศาจสาวและเริ่มทำการโจมตีพวกเขา
“พ่อ! พวกเรารีบไปกันเถอะ” ขณะที่พวกปีศาจสาวกำลังต่อสู้กับสเปชชาร์ม เป่าเอ๋อที่ยังคงเป็นสเปชชาร์มก็ดึงมือของหานเซิ่นไปทางปราสาทศักดิ์สิทธิ์ เธอบินไปพร้อมกับส่งเสียงร้องไปด้วย มันทำให้สเปชชาร์มบินเข้าไปหาปีศาจสาวกับคนอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ
“หยุดพวกเขาเอาไว้!” ปีศาจสาวทั้งตกใจและโกรธ เธอต้องการจะเข้าไปหยุดพวกเขาเอาไว้ แต่สเปชชาร์มจำนวนมากกำลังขวางทางเธออยู่ เธอไม่สามารถตามพวกหานเซิ่นไปได้
อีแร้งแก่นั้นรวดเร็วที่สุด แต่สเปชชาร์มก็ได้ล้อมมันเอาไว้เช่นเดียวกัน หลังจากที่มันต้องพยายามกำจัดเหล่าสเปชชาร์มที่มาขวางทาง มันก็ไม่สามารถไล่ตามพวกหานเซิ่นทันอีกแล้ว
ปีศาจสาว อีแร้งแก่และอสูรไร้ดวงตาพยายามไล่ตามพวกหานเซิ่นไปจากด้านหลัง แต่หานเซิ่นและเป่าเอ๋อกำลังวิ่งอย่างรวดเร็ว ขณะที่เป่าเอ๋อกำลังส่งเสียงร้องไห้ ซึ่งทำให้สเปชชาร์มพากันบินเข้าไปหาปีศาจสาวและคนอื่น มันหยุดพวกเขาจากการไล่ตามพ่อและลูกสาว ทำให้พวกเขาไม่สามารถไล่ตามสองพ่อลูกได้ทัน
โดยปกติแล้วถ้าไม่มีแสงสว่างจากตะเกียงหิน หานเซิ่นก็พบว่ามันยากที่จะป้องกันพลังของความมืดได้ แต่เนื่องจากเป่าเอ๋อมีพลังของสเปชชาร์ม พลังของความมืดจึงไม่สามารถทำร้ายอะไรหานเซิ่น
สเปชชาร์มสามารถเต้นระบำในความมืดได้อย่างสนุกสนาน แต่ปีศาจสาวและคนอื่นๆได้รับผลกระทบจากพลังของความมืด ทำให้มันเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเดิมที่พวกเขาจะไล่ตามหานเซิ่นให้ทัน
เป่าเอ๋อดึงแขนของหานเซิ่นมุ่งหน้าผ่านความมืดไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานหลังจากพวกเขาก็เห็นแสงสว่างสลัวๆในความมืดมิด มันเป็นแสงจากตะเกียง
“ที่นี่ควรจะเป็นปราสาทศักดิ์สิทธิ์ เสี่ยวฮวาจะอยู่ในนี้ไหมนะ”
หานเซิ่นไม่ได้เชื่อเรื่องที่ปีศาจสาวและคนอื่นๆบอก เขาจะเชื่อเสี่ยวฮวาไม่อยู่ที่นี่ก็ต่อเมื่อเขาเห็นมันด้วยตาตัวเอง
“พ่อไม่ต้องกังวลไป พวกเราจะได้พบกับเสี่ยวฮวาน้องชาย” เป่าเอ๋อพูด ขณะที่เธอยังคงดึงมือของหานเซิ่นไปข้างหน้า
เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้แสงสว่าง ในมุมหนึ่งของโลกอันมืดมืด หานเซิ่นก็เห็นปราสาทที่ดูเหมือนกับวิหารของเทพเจ้าสมัยโบราณ และลานกว้างขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้า
บนลานกว้างนั้นมีตะเกียงอยู่ทั่งสี่มุม แต่แค่เพียงพอที่จะทำให้ลานกว้างสว่างขึ้นมา
หานเซิ่นเคยเห็นที่แห่งนี้มาก่อนจากในวีดีโอที่แมวเก้าชีวิตส่งมาให้กับเขา เสี่ยวฮวาเคยใช้เวลาฝึกฝนวิชาจีโนอยู่ในลานกว้างนี้
“ที่นี่แหละ! ที่นี่คือสถานที่ในวิดีโอ! เสี่ยวฮวา…” หานเซิ่นตะโกนชื่อลูกชายของเขาออกไป แต่เขาไม่ได้รับเสียงตอบกลับ
เป่าเอ๋อพาหานเซิ่นไปที่ลานกว้าง ขณะที่เธอยังคงเป็นสเปชชาร์ม ในตอนที่ร่างกายของเธอสัมผัสกับแสงสว่าง ร่างกายของเธอก็สร้างควันสีขาวขึ้นมา มันเหมือนกับว่าเธอกำลังระเหย
เป่าเอ๋อรีบกลับสู่ร่างเดิมของเธอและผลกระทบนั้นก็หายไป
“เสี่ยวฮวา… น้องเสี่ยวฮวา…” หานเซิ่นและเป่าเอ๋อบินตรงไปที่ปราสาทขณะที่ตะโกนเรียกชื่อของเสี่ยวฮวา แต่สถานที่แห่งนี้นั้นเงียบสนิท มันไม่มีแม้แต่เสียงสะท้อนของพวกเขา พวกเขาไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงของตัวเอง
หานเซิ่นไม่ได้สนใจอะไรปราสาทมากนัก มันจะถือเป็นเรื่องดีถ้าเสี่ยวฮวาอยู่ข้างในนั้น แต่ถ้าไม่อยู่ มันก็ไม่เป็นอะไร หานเซิ่นคิดจะพังปราสาทเฮงซวยนี่เพื่อที่เซเคร็ดจะได้ไม่มีวันถูกสร้างขึ้นมาใหม่
“หยุดเดี๋ยวนี้! ใครก็ตามที่เข้าไปในปราสาทศักดิ์สิทธิ์จะต้องตาย!”
อีแร้งแก่ อสูรยักษ์ไร้ดวงตาและปีศาจสาวตะโกน แต่พวกเขายังคงถูกขวางเอาไว้โดยสเปชชาร์ม พวกเขาไม่สามารถไล่ตามพวกหานเซิ่นได้ทัน
หานเซิ่นและเป่าเอ๋อไปถึงประตูหน้าของปราสาทศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว มันเป็นประตูหินที่ดูเก่าแก่มากๆ มันเหมือนกับว่าทุกฝุ่นผงบนประตูนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน
แต่หานเซิ่นกับเป่าเอ๋อไม่ได้สนใจอะไรมันมาก พวกเขาบินตรงเข้าไปและใช้เท้าเหยียบลงบนประตู
มีเสียงบูมดังขึ้นมา ประตูหินทั้งซ้ายและขวาถูกถีบเปิดออกโดยพ่อและลูกสาว เมื่อประตูถูกถีบเปิดออกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างข้างในปราสาทก็เผยออกมาให้เห็น
“พวกเจ้า… พวกเจ้าสมควรตาย…” อีแร้งแก่โกรธจนตัวสั่น ในดวงตาของมันเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่มันยังคงอยู่ห่างจากปราสาทศักดิ์สิทธิ์ไปพอสมควร ถึงมันจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่มันก็ช้าเกินกว่าที่จะหยุดหานเซิ่นกับเป่าเอ๋อได้
หานเซิ่นเข้าไปในปราสาทขนาดใหญ่และสังเกตทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ
สิ่งแรกที่เขาเห็นคือรูปปั้นหิน มันมีรูปปั้นตั้งอยู่บนแท่นหินที่อยู่ท้ายห้องโถง รูปปั้นนั่นดูเหมือนกับราชาที่สามารถปกครองทั้งโลกได้
หานเซิ่นรู้ว่านั่นคือรูปปั้นของฉินซิวที่เป็นผู้นำเซเคร็ด
มันเป็นเพียงแค่รูปปั้น แต่มันก็ยังคงมีออร่าที่ดูสูงส่ง ถ้าสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจอ่อนแอมามองดูรูปปั้น พวกมันก็คงจะต้องคุกเข่าลงไปกับพื้น
ด้านข้างของรูปปั้นฉินซิวมีรูปปั้นอยู่อีกข้างละสองรูป รูปปั้นข้างซ้ายนั้นเป็นรูปปั้นของฟินิกซ์และกิเลนศักดิ์สิทธิ์ รูปปั้นข้างขวานั้นเป็นรูปปั้นของโกสต์คาร์และแมวเก้าชีวิต พวกมันคือสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเซเคร็ด
และลงมาหน่อยจะเห็นรูปปั้นของขุนพลทั้งสิบของเซเคร็ด มันมีทั้งเพอเพิลไฟต์ โกสต์โบนและผีเสื้อเนตรม่วง แต่ละรูปนั้นต่างก็มีเอกลักษณ์และมีออร่าของตัวเอง มันเหมือนกับว่ารูปปั้นนั้นมีชีวิตขึ้นมา
Boom!
ในจังหวะที่พ่อและลูกสาวเข้าไปใกล้รูปปั้นหิน ห้องโถงที่เดิมมืดสนิทก็สว่างไสวขึ้นมาด้วยแสงสว่างของตะเกียงที่เรียงแถวกันอยู่ ขณะเดียวกันรูปปั้นของหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของหานเซิ่นก็เริ่มร้อนขึ้นมา มันเหมือนกับว่ารูปปั้นจะกระโดดออกไปจากอกของเขา