Super God Gene - ตอนที่ 3049
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ถึงแม้หานเซิ่นคิดว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะขอแบ่งส่วนแบ่งจากการเดินทางในครั้งนี้ แต่พีชฟูลก็ยังคงพาพวกเขากลับไปที่เมืองและแนะนำตัวพวกเขากับคนอื่นๆ คนพวกนั้นดีใจอย่างมากที่ได้พบกับมิสเตอร์หยาง และพวกเขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เมื่อรู้ว่าพวกเขาต้องเสียส่วนแบ่งยี่สิบเปอร์เซ็นต์เพื่อแลกกลับความช่วยเหลือ
ในตอนที่กลับไปถึงห้อง หานเซิ่นก็มองไปที่มิสเตอร์หยางด้วยรอยยิ้มและพูด
“มิสเตอร์หยาง ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีชื่อเสียงมากถึงขนาดนี้”
มิสเตอร์หยางยิ้มแห้งๆออกมา “ในบางครั้งมันก็เป็นเรื่องแย่ที่มีชื่อเสียงมากเกินกว่าความสามารถของตัวเอง ถึงแม้ข้าจะมีความรู้ในเรื่องของการตามหาชีพจรพระเจ้า แต่ข้าไม่มีพลังพอที่จะปกป้องตัวเอง นั่นเป็นเหตุผลที่บ่อยครั้งข้ามักจะถูกบังคับให้ช่วยค้นหาชีพจรพระเจ้า ถ้าไม่มีนายท่านอยู่ พีชฟูลก็ไม่มีทางจะดีกับข้าแบบนี้ ข้ากลัวว่านางจะบังคับให้ข้าทำงานให้กับนางโดยที่ไม่ได้ส่วนแบ่งด้วยซ้ำ”
ขณะที่หานเซิ่นกำลังพูดคุยกับมิสเตอร์หยาง เขาก็เอาร่างของโอเวอร์แบริ่งบั๊กเข้าไปในเตาอบเพื่อทำมันเป็นอาหาร พวกเขาอยู่โรงแรมภายในเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อต ดังนั้นมันจึงไม่สะดวกที่หานเซิ่นจะก่อไฟ แต่เตาอบของโรงแรมก็ถือว่าดีมากๆ
แมวน้อยนั่งรออยู่ข้างๆเตาอบ มันมองผ่านกระจกของเตาอบไปและจ้องไปที่เนื้อของโอเวอร์แบริ่งบั๊ก มันอยากะกินสิ่งที่อยู่ข้างในมากจนมีน้ำลายไหลออกมา ในตอนที่อบเสร็จแล้ว หานเซิ่นก็แบ่งเนื้อออกเป็นสามส่วน เขามอบเนื้อหนึ่งส่วนให้กับมิสเตอร์หยาง แต่มิสเตอร์หยางรีบส่ายหัว
“ร่างกายของคนแก่อย่างข้าทนรับเนื้อของยีนเรซไม่ได้ นายท่านกินให้สบายเถอะ”
“มนุษย์คนอื่นๆเองก็ไม่กินเนื้อยีนเรซเหมือนกันอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยความสงสัย
“ผู้คนจะกินอะไรแบบนั้นก็ต่อเมื่อพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นอีก แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็จะไม่กินมากจนเกินไป เนื้อของยีนเรซนั้นมีพลังงานประหลาดอยู่เป็นจำนวนมาก ร่างกายของมนุษย์จึงทนรับพลังงานนั้นไม่ได้ มีเพียงแค่ยีนเรซที่จะกินมัน” มิสเตอร์หยางพูด
เขามองดูหานเซิ่นกินเนื้อของโอเวอร์แบริ่งบั๊กเข้าไป และเขาคิดกับตัวเอง
‘นี่เขาเป็นตัวอะไรกันแน่? ปริมาณของเนื้อที่เขากินเข้าไปนั้นเกินกว่าที่มนุษย์จะรับได้ มันทำให้เขาเป็นเหมือนกับยีนเรซ แต่ถ้าเขาเป็นยีนเรซ เขารวมร่างกับยีนเรซอื่นได้ยังไงกัน?’
หานเซิ่นและแมวน้อยกินเนื้อของโอเวอร์แบริ่งบั๊กเข้าไปจนหมด แมวน้อยถึงแม้จะตัวเล็ก แต่มันก็กินเนื้อของโอเวอร์แบริ่งบั๊กที่น้ำหนักเท่าวัวเข้าไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร หลังจากที่กินเสร็จ มันก็ยื่นเท้าหลังออกไปขณะที่นอนเอนหลังอย่างสบายตัว ท้องมันป่องเล็กน้อย ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
หานเซิ่นกินเนื้อของโอเวอร์แบริ่งบั๊กเข้าไปพอสมควร แต่มันไม่ได้มีเสียงประกาศดังขึ้นมา ซึ่งทำให้เขารู้สึกผิดหวัง
มิสเตอร์หยางต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นท้องฟ้าในยามค่ำคืนส่องสว่างขึ้นมา
หานเซิ่นและมิสเตอร์หยางรีบมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นลำแสงสีม่วงพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้า มันเหมือนกับเสาแห่งแสงที่เชื่อมระหว่างท้องฟ้าและผืนดิน
“นั่นคือตำแหน่งของวิหารอีวิลโลตัสก็อต เกิดอะไรขึ้นที่นั่น” หานเซิ่นขมวดคิ้วขณะที่มองไปที่แสงสีม่วงจากริมหน้าต่าง
มิสเตอร์หยางมองไปทางแสงสีม่วงอยู่สักพักก่อนที่จะพูดด้วยความอิจฉา
“ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนได้รับโลหิตชีพจรที่สมบูรณ์ของอีวิลโลตัสก็อต ไม่คิดเลยว่าในเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตจะมีอัจฉริยะแบบนั้นอยู่”
หานเซิ่นมองไปที่มิสเตอร์หยางและถาม “เจ้าหมายความว่ายังไง?”
มิสเตอร์หยางอธิบาย “คนปกติจะได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริตที่ไม่สมบูรณ์ เหมือนกับที่นายท่านได้เห็นในพิธีเปิดโลหิตชีพจรที่ผู้คนจะได้รับดอกบัวแสงสีม่วงหนึ่งหรือสองดอก หรืออย่างมากที่สุดก็สี่ดอก พวกเขาเหล่านั้นจะได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริตที่ไม่สมบูรณ์ ปรากฎการณ์ประหลาดที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้หมายความว่ามีคนที่ได้รับโลหิตชีพจรที่สมบูรณ์ของอีวิลโลตัสก็อต คนๆนั้นจะมีพรสวรรค์เหนือผู้อื่น และมันเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะทำให้ยีนเรซยอมเชื่อฟัง”
หลังจากนั้นมิสเตอร์หยางก็ถอนหายใจและพูดต่อ
“คนเราแต่ละคนเกิดมาไม่เท่าเทียมกันจริงๆ ข้าต้องการโลหิตชีพจรเทพสปิริตแค่ดอกเดียว แต่ข้ากลับไม่ได้มัน ขณะที่คนอื่นได้อะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการ อัจฉริยะแบบนั้นข้ากลัวว่าแม้แต่เจ้าเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตก็คงจะต้องการตัวเขา”
“โลหิตชีพจรเทพสปิริตสำคัญขนาดนั้นเลย?” หานเซิ่นไม่เข้าใจแนวคิดนี้จริงๆ
ในสถานที่ที่หานเซิ่นจากมานั้น การเติบโตของแต่ละคนจะขึ้นอยู่กับความพยายามและพลังของคนๆนั้น ถ้าพวกเขามีพลัง พวกเขาก็จะใช้พลังนั้นเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของตัวเองในก็อตแซงชัวรี่ แต่โลกใบนี้ดูเหมือนจะแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ในโลกนี้โลหิตชีพจรเทพสปิริตนั้นดูเหมือนจะกำหนดชะตากรรมของทุกคน ถ้าไม่มีโลหิตชีพจรเทพสปิริต คนๆนั้นก็จะไม่มีโอกาสแข็งแกร่งขึ้น
“พวกมันสำคัญมาก” มิสเตอร์หยางพูดอย่างขื่นขม
“สำหรับคนที่ได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริตหนึ่งดอก การจะทำให้ยีนเรซระดับบารอนยอมเชื่อฟัง พวกเขาจำเป็นต้องสื่อสารกับมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมไม่มีอะไรมารับประกันว่าพวกเขาจะทำได้สำเร็จ ขณะที่คนที่ได้โลหิตชีพจรเทพสปิริตที่สมบูรณ์นั้นทำให้ยีนเรซระดับราชันยอมเชื่อฟังได้ นายท่านลองคิดดู ถ้าเด็กชายอายุแค่สิบขวบคนหนึ่งรวมร่างกับยีนเรซระดับราชันเพื่อต่อสู้ได้ เขาก็จะกลายเป็นยอดฝีมือของเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตในชั่วข้ามคืน อนาคตของเขาจะสดใส แบบนั้นโลหิตชีพจรเทพสปิริตจะไม่สำคัญได้ยังไง?”
สำหรับมิสเตอร์หยางแล้ว การที่เขาไม่ได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริตมานั้นทำให้เขาต้องเจ็บปวดและเสียเปรียบทุกวินาทีของชีวิต
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน แสงสีม่วงก็แพร่กระจายออกเหมือนกับดอกบัว มันก่อให้เกิดดอกบัวแสงสีม่วงขนาดยักษ์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าหลายนาที ก่อนที่จะหายไป
ตอนนี้หานเซิ่นเริ่มรู้สึกสนใจวิหารพระเจ้าขึ้นมาอีกครั้ง เขาอยากรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาทำการทดสอบ
“อีวิลโลตัสก็อตจะมอบโลหิตชีพจรเทพสปิริตให้กับเราไหมนะ?” หานเซิ่นมองวิหารอีวิลโลตัสก็อตด้วยความสนใจ
น่าเสียดายที่มันมีกฎของการเข้ารับการทดสอบเพื่อรับโลหิตชีพจรเทพสปิริต ซึ่งหานเซิ่นไม่ต้องการทำตามอย่างกฎที่ต้องสวดภาวนาต่ออีวิลโลตัสก็อต มันไม่มีทางที่เขาจะทำอะไรแบบนั้น
ในห้องของโรงแรมมีเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ เทคโนโลยีของโลกใบนี้ดูทันสมัยมากๆ อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคอมพิวเตอร์ของโลกที่หานเซิ่นจากมา หานเซิ่นจึงใช้เวลาว่างไปในชุมชนเสมือนเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม เขาต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้ให้มากขึ้น
มันเป็นอย่างที่มิสเตอร์หยางพูด ในโลกใบนี้สิ่งที่เป็นตัวกำหนดระดับของคนแต่ละคนคือโลหิตชีพจรเทพสปิริตของพวกเขา ไม่ว่าจะในอาณาจักรไหน คนที่มีฐานะต้อยต่ำที่สุดก็คือคนที่ไม่มีโลหิตชีพจรเทพสปิริต ซึ่งคนเหล่านั้นจะถูกปฏิบัติเหมือนกับทาส
ยิ่งคนๆหนึ่งได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริตมากเท่าไหร่ ฐานะทางสังคมของคนๆนั้นก็จะสูงขึ้นมากเท่านั้น แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด การมียีนเรซที่ทรงพลังก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ไม่อย่างนั้นถึงมีโลหิตชีพจรเทพสปิริตไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ราชาของแต่ละอาณาจักรนั้นต่างก็มีโลหิตชีพจรเทพสปิริตระดับแอนนิฮิเลชั่น นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาสามารถปกครองคนอื่นๆได้ แต่สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆก็คือการที่เขาไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับเทพสปิริตหรือวิหารพระเจ้าขั้นรีบูทได้ มันเหมือนกับว่าไม่เคยมีคนที่ได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริตขั้นรีบูทมาก่อน
“เทพสปิริตขั้นรีบูทควรจะอยู่ในจีโนฮอลล์ แต่โลกใบนี้ดูเหมือนจะไม่มีจีโนฮอลล์ นั่นเป็นอะไรที่แปลกจริงๆ”
ขณะที่หานเซิ่นค้นหาข้อมูลในชุมชนเสมือนอยู่นั้น เขาก็ไปพบกับฟังก์ชั่นที่น่าสนใจของชุมชนเสมือนเข้า
มันเป็นฟังก์ชั่นสำหรับทดสอบระดับของโลหิตชีพจรเทพสปิริต