Super God Gene - ตอนที่ 3052 ยีนเรซในภูเขา
โอหยางชิวซานมองไปที่ภูเขา และจู่ๆร่างกายของเขาก็เรืองแสงสีเขียวออกมา
วินาทีต่อมา หานเซิ่นและคนอื่นๆสังเกตเห็นว่าดวงตาของโอหยางชิวซานนั้นกลายเป็นสีเขียวเหมือนกับดวงตาของงู ร่างกายของเขามีเกล็ดงูสีเขียวปรากฎขึ้นมาและมีปีกประหลาดงอกออกมาบนหลังของเขา ร่างกายทั้งร่างของเขาดูเหมือนกับสัตว์ประหลาดจากการรวมร่างกับยีนเรซ
ก่อนที่จะมีใครตอบสนองอะไรได้ โอหยางชิวซานก็แกว่งมือออกไปในทิศทางที่มีเสียงร้องดังขึ้นมา มีดสายลมที่มองไม่เห็นพุ่งเข้าไปในป่า กิ่งไม้ที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยฟุตถูกตัดจนขาด และตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด หลังจากนั้นทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ
“เรียบร้อย” โอหยางชิวซานพูด
หลังจากที่เห็นแบบนั้น พีชฟูลขมวดคิ้ว ส่วนทางด้านมิสเตอร์หยางนั้นมองไปที่โอหยางชิวซานด้วยความแปลกใจและถาม
“ยีนเรซของเจ้าคือวินด์วิงด์สเนคในตำนานอย่างนั้นหรอ?”
โอหยางชิวซานมีสีหน้าที่อวดดี เขามองไปที่มิสเตอร์หยางและพูด
“สมแล้วที่เป็นมิสเตอร์ เจ้ามีความรู้กว้างขวางมาก นี่คือวินด์วิงด์สเนคของตระกูลโอหยาง”
คนอื่นๆไม่รู้ว่าวินด์วิงด์สเนคคืออะไร ดังนั้นพวกเขาจึงมองไปที่มิสเตอร์หยางและถาม
“มิสเตอร์หยาง ระดับของยีนเรซวินด์วิงด์สเนคคือระดับอะไร? มันทรงพลังมากอย่างนั้นหรอ? เมื่อเทียบกับสตอร์มไทเกอร์ระดับราชันมันเป็นยังไง?”
เมื่อโอหยางชิวซานได้ยินแบบนั้น เขาก็มีสีหน้าดูถูก แต่เขาไม่คิดจะพูดอธิบาย
มิสเตอร์หยางพูด “สตอร์มไทเกอร์ระดับราชันแข็งแกร่งก็จริง แต่วินด์วิงด์สเนคนั้นแตกต่างออกไป ในตำนานกล่าวเอาว่าขณะที่คนรุ่นก่อนของตระกูลโอหยางกำลังตามหาชีพจรพระเจ้าบนภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อต จู่ๆพวกเขาก็เห็นพายุก่อตัวขึ้นในระยะไกล ท้องฟ้าที่สว่างไสวนั้นเปลี่ยนเป็นท้องฟ้าที่มืดมิด หลังจากนั้นก็มีพายุสีเขียวที่เหมือนกับมังกรปรากฎขึ้นมาทำลายหุบเขา ต้นไม้มากมายถูกถอนรากและลอยขึ้นไปสู่ท้องฟ้า มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ พายุสีเขียวนั้นไม่หลงเหลืออะไรเอาไว้ในหุบเขาแม้แต่นิดเดียว หัวหน้าตระกูลโอหยางคิดว่ามันต้องมีบางสิ่งผิดปกติในหุบเขานั่น ดังนั้นเขาจึงรอคอยอยู่นอกหุบเขาเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน เขารอจนกระทั่งพายุสีเขียวหยุดลง ก่อนที่จะเข้าไปในหุบเขา มันมีชีพจรพระเจ้าประหลาดอยู่ข้างใน เขาขุดพบไข่ยีนของวินด์วิงด์สเนคจากในชีพจรพระเจ้านั้น”
“ไข่ยีนของวินด์วิงด์สเนคก่อให้เกิดปรากฎการณ์ประหลาดขึ้นอย่างนั้นหรอ?”
ชายคนนั้นพูด “ถ้าอย่างนั้นมันก็ต้องเป็นยีนเรซที่ทรงพลังมากๆ นี่มิสเตอร์ชิวซานนำยีนเรซนี้มาเพื่อช่วยเหลือพวกเราหรอเนี่ย? ข้ารู้สึกปลอดภัยขึ้นมากหลังจากที่ได้รู้เรื่องนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการพบกับยีนเรซที่ทรงพลังอีกต่อไป”
คนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาต่างก็พากันชื่นชมโอหยางชิวซาน มันทำให้โอหยางชิวซานดูอวดดียิ่งกว่าเดิม
หานเซิ่นเห็นว่ารอยยิ้มของพวกเขานั้นไม่ได้เป็นรอยยิ้มที่จริงใจ ผู้คนที่กล้ามาที่ภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อตนั้นไม่มีใครที่อ่อนแอ พวกเขาแค่คิดที่จะหลอกใช้โอหยางชิวซาน พวกเขาต้องการทำให้โอหยางชิวซานหลงตัวเอง และเมื่อพวกเขาไปพบกับยีนเรซที่แข็งแกร่ง โอหยางชิวซานก็จะอยากแสดงความสามารถของตัวเองและเข้าไปต่อสู้เป็นคนแรก นั่นจะทำให้ความเสี่ยงของพวกเขาลดน้อยลงไป
“ไปดูสิว่ายีนเรซนั่นคือตัวอะไร” พีชฟูลสั่งให้ชายคนนั้นไปเอาตัวของยีนเรซที่โอหยางชิวซานฆ่ามา
เครื่องหมายโลหิตชีพจรเทพสปิริตบนหน้าผากของชายคนนั้นเรืองแสงขึ้นมา และทันใดนั้นยีนเรซที่เหมือนกับวานรก็ถูกเรียกออกมา หลังจากที่รวมร่างกับเจ้าของ คนๆนั้นก็ดูเหมือนกับวานร เขาขึ้นไปบนภูเขาที่ลาดชันมากๆได้อย่างรวดเร็ง
“อ้า!”
ทุกคนรอคอยให้คนๆนั้นนำร่างของยีนเรซกลับมา แต่จู่ๆนั้นชายคนนั้นก็ส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาแทน
จ้าวจื่อเย่ที่เป็นหัวหน้าของคนที่ขึ้นไปบนภูเขานั้นรีบตะโกนขึ้นว่า “ลุงเก้า! เกิดอะไรขึ้น?”
ถึงแม้หัวหน้าที่แท้จริงของการเดินทางในครั้งนี้จะคือพีชฟูล แต่เธอพาองครักษ์มาเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นนอกจากหานเซิ่น มิสเตอร์หยาง โอหยางชิวซานและโกสต์คิลล์แล้ว คนอื่นๆทุกคนเป็นคนของจ้าวจื่อเย่
เนื่องจากพีชฟูลไม่ได้แนะนำตัวของจ้าวจื่อเย่ หานเซิ่นจึงไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับจ้าวจื่อเย่
จ้าวจื่อเย่ดูเหมือนกับชายแก่ที่อายุราวๆห้าสิบถึงหกสิบปี ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ชอบพูดตลก เขาดูเหมือนกับชายแก่ที่ใจดีคนหนึ่ง
แต่หานเซิ่นสัมผัสได้ว่าคนอื่นๆดูเหมือนจะเชื่อฟังจ้าวจื่อเย่อย่างน่าแปลก มันไม่ได้ดูเหมือนการเชื่อฟังจากความเคารพ แต่เป็นการเชื่อฟังจากความหวาดกลัวมากกว่า
จ้าวจื่อเย่ตะโกนอีกหลายครั้ง แต่ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา มันทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
ใบหน้าของโอหยางชิวซานดูแย่ขึ้นมา เขาเป็นคนที่บอกว่าภัยอันตรายในภูเขานั้นถูกกำจัดไปเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้คนๆหนึ่งเพิ่งจะส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมา คำพูดของเขาเป็นเหตุผลที่ทำให้คนของจ้าวจื่อเย่ถูกส่งออกไปเพื่อเก็บร่างของยีนเรซ
ตอนนี้เมื่อมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับลุงเก้า ทุกคนก็หันไปมองที่โอหยางชิวซานที่ตอนนี้มีสีหน้าที่มืดมัว
“ข้าจะไปดูเอง” โอหยางชิวซานพูดก่อนที่จะกระพือปีกเกล็ดเขียวเพื่อบินไปในภูเขา
“พวกเราควรไปดูพร้อมกัน” พีชฟูลกังว่ามันจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับโอหยางชิวซานด้วยอีกคน ดังนั้นเธอจึงรวมร่างกับยีนเรซก่อนที่จะขึ้นไปบนภูเขา
ทุกคนเรียกยีนเรซของตัวเองออกมาและรวมร่างกับพวกมันก่อนที่จะตามพีชฟูลไป
“มิสเตอร์หยาง ข้าขอเสียมารยาท” หานเซิ่นถือเสาโลหะอยู่ในมือข้างหนึ่ง ขณะที่ใช้มืออีกข้างจับตัวของมิสเตอร์หยาง หลังจากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปบนภูเขา
หลังจากการกระโดด หานเซิ่นก็วางมิสเตอร์หยางลงและได้ยินเสียงร้องดังมาจากภายในป่า เขารีบตามคนอื่นๆเข้าไปและสิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจ คนอื่นๆเองก็ดูจะตกใจเช่นเดียวกัน
ใบไม้ร่วงหล่นลงมาจากทุกหนทุกแห่ง และบนต้นไม้ที่สูงเก่าฟุตนั้นมีหนังของวานรติดอยู่ตามลำต้น ขนสีทองของมันถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดง และเลือดยังคงหยดลงมาบนพื้น
เมื่อหานเซิ่นมองดูดีๆ เขาก็สังเกตได้ว่ามันไม่ใช่หนังของวานร แต่มันเป็นของลุงเก้าที่รวมร่างกับยีนเรซข ตอนนี้ลุงเก้าเหลืออยู่เพียงแค่หนังเท่านั้น
โอหยางชิวซานนั้นไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และอ้วกออกมา ไม่สำคัญว่าเขาจะมีพรสวรรค์ขนาดไหน แต่เขาไม่เคยเห็นภาพที่น่าสยดสยองแบบนี้มาก่อน
เลือดยังคงหยดลงมาจากหนังบนต้นไม้ มันทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวและหนาวไปถึงกระดูก
หลังจากนั้นก็มีเสียงร้องดังขึ้นมาอีกครั้งจากระยะที่ไม่ไกลออกไป เสียงร้องนั้นคล้ายคลึงกับเสียงร้องของทารกและเสียงร้องของแมว ไม่ว่ามันจะเป็นเสียงร้องของตัวอะไรก็ตาม มันก็ทำให้ทุกคนหนาวจนตัวสั่น
หานเซิ่นมองไปในทิศทางที่เสียงร้องดังขึ้นมา เนื่องจากประสาทสัมผัสที่เจ็ดของเขาไม่สามารถใช้งานได้ เขาจึงมองไม่เห็นที่มาของเสียงนั่น