Super God Gene - ตอนที่ 3071 หุบเขาไนท์คราย
ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าในหุบเขาไนท์ครายคงจะไม่มีคนอื่นอยู่เนื่องจากบริเวณนั้นไม่มีชีพจรพระเจ้าและแมลงแปดเสียงร่างเต็มวัยก็เป็นอะไรที่ยากจะจับตัวได้ มันจึงไม่ควรมีใครอยู่ที่นั่น
แต่หลังจากที่หานเซิ่นเข้าไปในหุบเขาได้ไม่นาน เขาก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ใบหน้าของเธอปกคลุมด้วยผ้าคลุมหน้าสีเขียว เธอกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่ในหุบเขาไนท์คราย ดวงตาของเธอกำลังปิดอยู่ มันดูเหมือนว่าเธอกำลังพักผ่อน
หานเซิ่นสังเกตท่าทีของเธอและเข้าใจว่าเธอเองก็คงจะมาที่นี่เพื่อจับแมลงแปดเสียงเช่นกัน แมลงแปดเสียงจะปรากฏตัวในหุบเขาเฉพาะตอนกลางคืน เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังรอคอยให้ถึงตอนนั้น
หานเซิ่นเชื่อว่ามันคงจะไม่มีใครคนอื่นอยู่ที่นี่ และผู้หญิงคนนั้นเองก็เช่นกัน เธอประหลาดใจไม่ต่างไปจากหานเซิ่น เมื่อพบว่ามีคนอื่นมาที่นี่
ถึงแม้ใบหน้าของเธอจะถูกปกปิดเอาไว้ แต่เพียงแค่มองไปในดวงตาที่เหมือนกับน้ำฤดูใบไม้ผลิของเธอ ผู้คนก็จะรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่งดงามมากๆ
หานเซิ่นคิด ‘บางทีมันอาจจะแค่ดวงตาของเธอที่ดูดีแบบนั้น บางทีส่วนอื่นบนใบหน้าของเธออาจจะดูประหลาดและน่าเกลียด เพราะแบบนั้นเธอถึงต้องปกปิดใบหน้า’
ถ้าหานเซิ่นรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เขาก็คงจะเข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้ปกปิดใบหน้าแบบนั้น
เธอเป็นหนึ่งในสามไอดอลที่โด่งดังในอาณาจักรฉิน เธอมีชื่อว่า เฟิงเฟยเฟย และเธอมีสมญานามว่านักร้องฟีนิกซ์ ในอาณาจักรฉินนั้นเธอมีชื่อเสียงมากๆ เธอมีแฟนคลับมากมาย ดังนั้นถ้าเธอไม่ปกปิดใบหน้า ในตอนที่เธอออกไปไหนมาไหน มันก็จะมีคนตามติดเธอเป็นขบวน
ไอดอลของอาณาจักรฉินนั้นไม่ได้เหมือนกับดาราทั่วๆไป เมื่อก่อนนั้นนักร้องของอาณาจักรฉิน จงลี่ชิง เคยร้องเพลงๆหนึ่ง และขับไล่ยานรบสิบลำของอาณาจักรจ้าวที่พยายามจะบุกโจมตีดาวไช่โม่ไปได้สำเร็จ
แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะจงลี่ชิงมียีนเรซร่างสุดยอดที่เรียกว่าแอปโซลูทซาวด์ สามไอดอลที่โด่งดังที่สุดในยุคสมัยนี้ยังไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ากับจงลี่ชิง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ห่างไกลจากการมีชื่อเสียงระดับนั้นมากนัก พวกเขาล้วนแต่เป็นยอดฝีมือที่มียีนเรซธาตุเสียงระดับเทพเจ้า พวกเขาไม่ได้เป็นแค่นักร้องหรือดาราธรรมดาๆ
ภายในจักรวาลแห่งนี้ถ้าไม่มีการช่วยเหลือจากยีนเรซที่ทรงพลัง มันก็เป็นไปไม่ได้ที่คนๆหนึ่งจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม ทุกคนที่อยู่บนจุดสูงสุดแต่ละวิชาชีพนั้นล้วนแต่เป็นยอดฝีมือที่น่ากลัวกันทั้งนั้น
เฟิงเฟยเฟยมาที่หุบเขาไนท์คลายก็เพื่อจับแมลงแปดเสียง ถึงแมลงแปดเสียงที่ฝักตัวแล้วจะไม่สามารถนำไปเลี้ยงหรือรวมร่างได้ แต่พวกมันก็สามารถใช้ทำเป็นยาที่ทำให้ลำคอชุ่มชื้นได้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับนักร้อง
แน่นอนว่าด้วยระดับของเฟิงเฟยเฟย แมลงแปดเสียงธรรมดาทั่วไปนั้นไม่เหมาะสมกับเธอ ก่อนหน้านี้เธอได้ยินข่าวลือว่าในหุบเขาไนท์คลายนั้นมีแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ที่หาได้ยากอยู่ เธอจึงต้องการมายืนยันด้วยตัวเองว่าข่าวลือนั้นเป็นความจริงหรือไม่ การได้เห็นหานเซิ่นมาอยู่ที่นี่ด้วยนั้นไม่ได้ทำให้เฟิงเฟยเฟยรู้สึกเป็นกังวลแต่อย่างใด ถึงแม้หานเซิ่นจะมาที่นี่เพื่อจับแมลงแปดเสียงเช่นกัน แต่เธอก็ไม่เชื่อว่าเขาจะตัดหน้าเธอได้ แถมเธอต้องการเพียงแค่แมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ เธอไม่ได้ต้องการแมลงแปดเสียงธรรมดาตัวอื่นๆ
เฟิงเฟยเฟยจึงไม่ได้สนใจที่หานเซิ่นมาอยู่ที่นี่ แต่หานเซิ่นไม่ได้คิดเหมือนกัน ด้วยการที่มีคนนอกอยู่ที่นี่ด้วย เขาจะไม่สามารถใช้คัมภีร์นภาอำพันได้อย่างอิสระ ถ้าคนนอกเห็นว่าเขาสามารถเปลี่ยนยีนเรซให้กลายเป็นไข่ยีนได้ ผู้คนอาจจะจับตัวเขาไปทำการวิจัย
ขณะที่หานเซิ่นสังเกตท่าทีของเฟิงเฟยเฟยไปเรื่อยๆ เขาก็เข้าใจว่าเธอไม่ใช่คนที่จะเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น นั่นก็คือความรู้สึกที่เขาได้รับ แต่มันไม่มีอะไรมายืนยันว่านั่นเป็นเรื่องจริง
เมื่อเห็นว่าเฟิงเฟยเฟยหลับตาลงอีกครั้ง หานเซิ่นก็เดินผ่านเธอไป เขาเดินลึกเข้าไปในหุบเขาไนท์คลาย เขาต้องการสร้างระยะห่างระหว่างตัวเองกับผู้หญิงคนนั้น เพื่อที่เธอจะได้ไม่เห็นว่าเขาทำอะไร
แต่โดยปกติแล้วผู้คนที่ร้องเพลงเก่งนั้นมักจะมีความสามารถในการได้ยินด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟิงเฟยเฟย นอกจากนั้นเธอยังรวมร่างกับยีนเรซพิเศษตัวหนึ่งอยู่ ถึงแม้เธอไม่ลืมตาขึ้นมา แต่เธอก็รู้ถึงความเคลื่อนไหวของหานเซิ่นผ่านหูของเธอ
เมื่อรับรู้ว่าหานเซิ่นไม่รู้จักเธอและเดินลึกเข้าไปในหุบเขา เฟิงเฟยเฟยก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก
ถ้าเธอถูกจำได้ มันก็จะเป็นปัญหาสำหรับเธอ ถ้าคนอื่นๆรู้ว่าไอดอลระดับท็อปอย่างเฟิงเฟยเฟยมาต่อสู้เพื่อแย่งชิงแมลงแปดเสียงกับสามัญชน ถึงแม้เธอจะมาที่นี่ก่อน ผู้คนก็อาจจะนินทาเธอได้
เฟิงเฟยเฟยไม่ได้กลัวการนินทาของผู้คน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นบางสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดี
ความจริงแล้วเฟิงเฟยเฟยนั้นคิดมากเกินไป หานเซิ่นไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ เขามาที่นี่เพียงเพื่อจะจับแมลงแปดเสียงธรรมดาๆเท่านั้น
หานเซิ่นเดินลึกเข้าไปในหุบเขาไนท์คลาย ถึงแม้มันเพิ่งจะพลบค่ำและท้องฟ้าก็ยังไม่มืดจนเกินไป แต่ยิ่งเขาเดินลึกเข้าไปในหุบเขามากเท่าไหร่ หุบเขาก็มืดลงมากเท่านั้น
มันไม่ได้มีต้นไม้ภายในหุบเขา มันมีเพียงแค่ต้นหญ้าและพืชขนาดเล็ก แต่ใบของต้นหญ้านั้นค่อนข้างยาว พวกมันมีความสูงมากกว่าสามฟุต เหตุผลที่ที่แห่งนี้ถูกเรียกว่าหุบเขาไนท์คลาย นั่นเป็นเพราะว่ายีนเรซของที่นี่จะปรากฎตัวออกมาเฉพาะในตอนกลางคืน ด้วยเหตุนั้นถึงหานเซิ่นจะเดินลึกเข้าในหุบเขา เขาก็ยังไม่พบยีนเรซเลยสักตัว
เมื่อหานเซิ่นเดินไปถึงทางตันซึ่งเป็นส่วนที่ลึกที่สุดของหุบเขา เขาก็ตัดสินใจจะรอคอยอยู่แถวๆนั้น
ในตอนนี้เขาอยู่ห่างจากผู้หญิงคนนั้นพอสมควร เขามองไม่เห็นเธออีกแล้ว และบริเวณรอบๆตัวเขาก็เต็มไปด้วยหญ้าที่มีความสูงสามฟุต ด้วยเหตุนั้นถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่เดินเข้ามา เธอก็จะไม่เห็นว่าหานเซิ่นกำลังทำอะไรอยู่
ในส่วนที่ลึกที่สุดของหุบเขา มันมีสระน้ำที่ใสมากๆอยู่ มันมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ขนาดของมันพอๆกับครึ่งหนึ่งของสนามบาสเท่านั้น ด้วยความใสของน้ำ หานเซิ่นสามารถมองเห็นก้อนหินที่อยู่ใต้ผิวน้ำ
ใกล้ๆกับสระน้ำมีก้อนหินก้อนใหญ่อยู่หลายก้อน หานเซิ่นเลือกนั่งบนก้อนหินที่ใหญ่ที่สุดและมองสำรวจรอบๆ
เมื่อดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปอย่างสมบูรณ์ หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงหึ่งๆดังขึ้นมา มันเป็นบางสิ่งที่หานเซิ่นค่อนข้างคุ้นเคย มันเป็นเสียงของจิ้งหรีด
หานเซิ่นหันไปตามทางที่เสียงดังขึ้นมา แต่เขาหาจิ้งหรีดไม่พบ เขาค้นพบว่าเสียงนั้นดังมาจากช่องว่างในพื้นหินที่อยู่ใกล้ๆกับสระน้ำ
ในจังหวะที่หานเซิ่นต้องการจะเข้าไปดูว่ามันใช่ยีนเรซหรือไม่ ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวจากภายในสระน้ำ
หานเซิ่นตื่นตัวและจ้องลงไปในน้ำ ถึงแม้แสงภายในหุบเขาจะน้อยมากๆ แต่ด้วยสายตาของหานเซิ่น เขามองเห็นก้นของสระน้ำได้อย่างชัดเจน มันมีสิ่งมีชีวิตประหลาดกำลังขึ้นมาจากน้ำ
สิ่งมีชีวิตนั้นดูเหมือนกับตุ๊กแก ตัวของมันมีขนาดใหญ่และมีความยาวหนึ่งฟุต ร่างกายของมันมีสีเขียวเข้มและมีรอยตะปุ่มตะป่ำเหมือนกับคางคก ในตอนที่มันอยู่ในน้ำมันพลางตัวกับมอสส์ของน้ำ ซึ่งทำให้ยากที่จะสังเกตเห็นมัน
ตุ๊กแกสีเขียวเข้มตัวใหญ่นั้นปีนขึ้นมาจากสระน้ำ มันมุ่งหน้าไปหาเสียงหึ่งๆที่ดังออกมาจากช่องว่างในพื้นหิน มันดูเหมือนกับงูพิษที่กำลังเคลื่อนที่ไปหาเหยื่อของมัน
เมื่อเห็นตุ๊กแกตัวใหญ่กำลังเข้ามาใกล้ ในช่องว่างของพื้นหินก็มีแสงสีแดงเรืองออกมา มีบางสิ่งออกมาจากช่องว่างนั้น