Super God Gene - ตอนที่ 3078 เลือดในคฤหาสน์ตระกูลกงซู
ตอนที่ 3078 เลือดในคฤหาสน์ตระกูลกงซู
โหลวจิ่วรู้สึกตกใจอย่างมากเมื่อเห็นว่าคนที่จับคอของเขาก็คือหานเซิ่น เขาเห็นว่าร่างกายของหานเซิ่นพลุ่งพล่านไปด้วยลมปราณสีม่วง
โหลวจิ่วต้องการจะเรียกยืนเรซออกมาเพื่อรวมร่าง แต่เขาต้องตกใจเมื่อพบว่าการเชื่อมต่อกับโลหิตชีพจรเทพสปิริตของเขาถูกตัดขาด เขาไม่สามารถเรียกยีนเรซออกมาได้
หานเซิ่นจ้องไปที่โหลวจิ่วและถามอย่างเย็นชา “เจ้าอยากจะตายแบบไหน?”
จู่ๆโหลวจิ่วก็รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา เขาเชื่อว่าคงจะต้องถูกฆ่าตายแน่ๆ หานเซิ่นบีบคอของเขาแรงขึ้นเรื่อยๆ และโหลวจิ่วรู้สึกว่าเขาไม่สามารถหายใจได้ มันเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่คิดแม้แต่จะถามคําถามอะไรเขา
โหลวจิ่วไม่สามารถใช้ยีนเรซได้ ดังนั้นโหลวจิ่วไม่มีหวังที่จะตอบโต้อะไรได้ เขาพยายามจะแกะมือของหานเซิ่นที่กําลังบีบคอของเขา เขารีบพูดออกมาว่า
“ข้าแค่ถูกจ้างมาทํางานนี้ เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าใครที่สั่งให้ข้ามาทําแบบนี้กับเจ้า?”
“ข้าจะไปจัดการกับกงซูจินที่หลัง” หานเซิ่นพูดอย่างมั่นใจ แต่จริงๆแล้วเขาแค่ลองทด สอบโหลวจิ่ว ตั้งแต่เขามาถึงที่นี่เขาพบคนเพียงแค่สองคนเท่านั้น ตอนนี้เมื่อมีใครบางคนต้องการจะฆ่าเขา มันจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่หานเซิ่นจะคาดเดาได้ว่าคนๆนั้นต้องเป็นกงซูจิน เมื่อเห็นว่าสีหน้าของโหลวจิ่วเปลี่ยนไป หานเซิ่นก็รู้ว่าการคาดเดาของตัวเองนั้นถูกต้อง
“ที่นี่คือเมืองกําแพงหยก ถ้าเจ้าฆ่าข้า เจ้าจะหนีไปไหนได้” โหลวจิ่วพยายามที่จะพูดออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“จริงอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่โหลวจิ่วอย่างเย็นชา เขาออกแรงมากขึ้นและทําให้โหลวจิ่วไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ใบหน้าของเขาดูเหมือนกับท้องของหมู
แต่ทว่าหานเซิ่นไม่ได้หักคอของอีกฝ่ายโดยตรง เขาอ้าปากและปล่อยลมหายใจที่เหมือนกับควันสีดําออกมา เมื่อโหลวจิ่วเห็นควันสีดํานั้น ดวงตาของเขาก็ดูตกใจ ราวกับว่าเขาเห็นบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ ที่หานเซิ่นปล่อยออกมานั้นไม่ใช่ควันสีดําแต่มัน เป็นแมลงกินอวัยวะ
แมลงกินอวัยวะเหล่านั้นเดิมที่เป็นของเขา แต่ตอนนี้โหลวจิ่วไม่สามารถสัมผัสถึงพวกมันได้ แมลงกินอวัยวะเหล่านั้นกําลังปลดปล่อยควันสีม่วงออกมาและพวกมันตรงเข้าไปในปากของเขา
โหลวจิ่วพยายามจะดิ้นรน แต่หานเซิ่นจับคอของเขาเอาไว้แน่น ทําให้เขาไม่สามารถขัดขืนอะไรได้ เขาทําได้แค่มองดูแมลงกินอวัยวะเข้าไปในปากของเขา
หานเซิ่นรอคอยจนกระทั่งแมลงกินอวัยวะทั้งหมดเข้าไปในร่างกายของโหลวจิ่ว ก่อนที่จะปล่อยมือออกจากคอของอีกฝ่าย หลังจากนั้นเขาก็มองที่โหลวจิ่วราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นแมลงสกปรกที่กําลังนอนตายอยู่บนพื้นและพูดขึ้นว่า
“แมลงกินอวัยวะพวกนี้เป็นของเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะชอบพวกมัน”
โหลวจิ่วพยายามจะเชื่อมต่อกับแมลงกินอวัยวะ แต่เขาไม่สามารถทําได้ แมลงกินอวัยวะนั้นอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา
“อ้า!” โหลวจิ่วรู้สึกราวกับว่าอวัยวะภายในของเขาถูกทิ่มแลงด้วยเข็มนับพันเล่ม เขากุมท้องของตัวเองและส่งเสียงกรีดร้อง ใบหน้าของเขาซีดเผือกและเขาก็กระอักเลือดออกมา
โหลวจิ่วพยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้นและเริ่มจะวิ่งหนีไป ขณะที่มือข้างหนึ่งกุมท้อง เขาต้องการจะมีชีวิตต่อไป เขาไม่ต้องการตายอยู่ที่นี่ เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับการที่อวัยวะภาย ในของเขากําลังถูกกัดกินโดยแมลงกินอวัยวะและความเจ็บปวดจากการตายโดยอะไรแบบนั้น โหลวจิ่วก็ต้องการเพียงแค่วิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด
โหลวจิ่วทุกทรมานจากการถูกกัดกินโดยแมลงกินอวัยวะ ขณะที่เขาวิ่งกลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลกงซู เขากระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง
หานเซิ่นมองดูโหลวจิ่ววิ่งหนีไปโดยที่ไม่ได้พยายามหยุดเอาไว้ ก่อนหน้านี้หานเซิ่นคิดว่าสีหน้าของโหลวจิ่วอาจจะเป็นการแสแสร้ง แต่ในจังหวะความเป็นความตาย ไม่สําคัญว่าจิตใจของคนนั้นๆจะเข้มแข็งขนาดไหน มันก็มักจะมีจุดอ่อนเผยออกมาให้เห็น แถมโหลวจิ่วก็ไม่ใช่คนที่มีจิตใจที่เข้มแข็งอะไร
ในจักรวาลนี้มนุษย์ไม่ได้พึ่งพาร่างกายของพวกเขา พวกเขาจะพึ่งพาพลังจากยีนเรซ ด้วยเหตุนั้นมนุษย์ส่วนใหญ่ในจักรวาลนี้จึงไม่ได้มีจิตใจที่เข้มแข็ง
โหลวจิ่ววิ่งกลับไปจนถึงคฤหาสน์ของตระกูลกงซู ในตอนที่การ์ดเห็นใบหน้าของโหลวจิ่ว เขาก็รู้สึกตกใจ เขาเข้าไปช่วยพยุงโหลวจิ่วเอาไว้และถามขึ้นว่า “มิสเตอร์โหลว เกิดอะไรขึ้น?”
“พา… พาข้าไปพบมิสเตอร์จิน” ทุกครั้งที่โหลวจิ่วเปิดปาก เลือดสีดําก็กระอักออกมา มันมี เนื้อบางส่วนปะปนอยู่ด้วย
ยามพยุงโหลวจิ่วเข้าไปข้างใน ไม่ไกลไปจากคฤหาสน์ของกงซู หานเซิ่นมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นจากตรอกของเมือง เขายิ้มอย่างชั่วร้าย
“นายน้อย! มิสเตอร์โหลวกลับมาแล้ว”
กงซูจินกําลังมองดูผู้คนเต้นระบําอยู่ในสวน ในตอนที่เขาได้ยินเสียงเรียกของยาม ก่อนที่เขาจะพูดอะไร โหลวจิ่วก็เดินโซเซเข้ามาในสวน
กงซูจินขมวดคิ้ว เขารู้สึกไม่พอใจ การกระทําของโหลวจิ่วถือเป็นอะไรที่เสียมารยาท แต่ ในตอนที่เขาเห็นใบหน้าของโหลวจิ่ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาเห็นโหลวจิ่วเข้ามาในสวนด้วย ร่างกายที่สั่นรัว ใบหน้าของเขาซีดเผือกและเบ้าตาของเขาก็เป็นสีดํา เขาดูเหมือนกับซอมบี้
“นาย…น้อย.. ช่วย…ช่วย…” โหลวจิ่วเดินโซเซเข้าไปหากงซูจินเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ในตอนที่เขาอยู่ห่างออกไปเก้าฟุต ปากของเขาก็กระอักเลือดสีดําออกมา ร่างกายของเขาล้มไป ข้างหน้า ดวงตาของเขาหลุดออกมาจากเบ้า ขณะที่มือของเขาพยายามยื่นออกไปในทิศทางของกงซูจินเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่พลังชีวิตของเขาดับลงไปซะก่อน
กงซูจินทั้งตกใจและโกรธที่ได้เห็นโหลวจิ่วตายต่อหน้าต่อตา
หานเซิ่นกลับไปที่โรงแรม เขาเห็นเจียงปู้กู่และมิสเตอร์หยางรอคอยเขาอยู่ในห้องนั่งเล่น เขาเดินเข้าไปและถามขึ้นว่า
“มันมีทางไหนที่พวกเราจะหลีกเลี่ยงจากการถูกทําร้ายโดยยีนเรซได้ไหม?”
ตัวหานเซิ่นเองไม่ได้หวาดกลัวว่าแมลงกินอวัยวะจะทําร้ายอะไรเขา แต่เขากลัวว่ามันจะทําร้ายผู้คนรอบกายของเขา โชคดีที่ครั้งนี้เจียงปู้กู่อยู่ที่นี้ด้วย แต่ถ้าเกิดว่าครั้งต่อเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ล่ะ?
ครั้งนี้เป็นแมลงกินอวัยวะ แต่ครั้งต่อไปมันอาจจะเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่า มันมีโอกาสที่แม้แต่ร่างกายของเขาก็ไม่จะสามารถป้องกันได้
มิสเตอร์หยางเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “มันมียืนเรชอยู่ชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่าลิสเซิน มันตรวจจับยีนเรซได้ ถ้ามียืนเรซเข้ามาใกล้นายท่านลิสเซินก็จะตรวจพบมันในทันที แต่ลิสเซินเป็นยีนเรซที่มีอยู่แค่ในตํานาน มันไม่เคยมีใครได้เห็นมันมาก่อน มันพอจะมียีนเรซที่มีพลังคล้ายๆกันอยู่ แต่ถ้าระดับของพวกมันต่ำจนเกินไป พวกมันก็จะสัมผัสได้แค่ยีนเรซที่มีระดับต่ำเหมือนกันเท่านั้น แถมพวกมันยังเป็นยีนเรซที่หาได้ยากมากๆ”
หานเซิ่นมองไปที่เจียงปู้กู่และพยักหน้า “ยีนเรซประเภทนั้นหายากจริงๆนั่นแหละ และถ้าระดับของพวกมันต่ำเกินไป พวกมันก็จะไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร ผู้ใช้ยีนเรชทั่วๆไปนั้นมักจะใช้แลมกราสบัก แต่อย่างเต็มที่แลมป์กราสบักที่มีระดับไวเคานต์จะตรวจจับได้แค่ยืนเรซระดับเอิร์ลเท่านั้น และความสามารถในการตรวจจับยีนเรซธาตุน้ำของพวกมันยังต่ำมากๆ ด้วยเหตุนั้นถึงแม้ นายน้อยจะมีแลมป์กราสบักอยู่นายน้อยก็ตรวจจับแมลงกินอวัยวะระดับมาร์ควิสไม่ได้อยู่ดี”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เจียงปู้กู่ก็พูดต่อไปว่า “แต่มันมียีนเรซอยู่ชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสัมผัสสิ่งต่าง ถึงแม้มันจะเป็นแค่ระดับราชัน แต่ถ้ามียีนเรซระดับเทพเจ้าเข้ามาใกล้ มันก็จะ สัมผัสถึงยืนเรซนั้นได้ เพียงแต่ว่าไข่ยืนของยีนเรซชนิดนี้หาได้ยาก เท่าที่ข้ารู้ ร้านของหลูสือพอจะมีพวกมันอยู่บ้าง แต่พวกมันล้วนเป็นยีนเรซที่ตัวเต็มวัยแล้ว พวกเราจึงได้แต่ซื้อมันไปไว้ตามบ้านเท่านั้น ดังนั้นประโยชน์ของพวกมันจึงค่อนข้างจํากัด”