Super God Gene - ตอนที่ 3086 ขุนนางเลือดพระเจ้า
ตอนที่ 3086 ขุนนางเลือดพระเจ้า
พลังอันร้อนแรงพลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างกายของหานเซิ่น มันทําให้ความร้อนในตัวของเขาเพิ่มสูงขึ้น
“พลังนี้ ดูเหมือนจะกําลังเปลี่ยนแปลงยืนในร่างกายของเรา…”
หานเซิ่นรู้สึกว่าเซลล์ในร่างกายกําลังถูกคุกคามโดยความร้อน เขากําลังประสบกับความเปลี่ยนแปลงประหลาดบางอย่าง
“คุณได้รับยืนเทพมังกรโลหิต โลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตถูกเปิดออก”
เสียงประกาศดังขึ้นในสมองของหานเซิ่น มันทําให้เขารู้สึกตกใจ
หานเซิ่นเช็คข้อมูลและค้นพบว่ามันมีสิ่งที่เรียกว่าโลหิตชีพจรเทพสปิริตโผล่ขึ้นมา
“เทพมังกรโลหิต: โลหิตชีพจรเทพสปิริตขั้นเดสทรัคชั่น”
“นี่คือยืนเทพสปิริตอย่างนั้นหรอ?”หานเซิ่นไม่อยากจะเชื่อ
ในตอนที่หานเซิ่นอยู่ในจักรวาลจีโน ถึงแม้เขาจะฆ่าเทพสปิริตและได้ยืนของพวกเขามา แต่พวกมันก็เป็นแค่สิ่งประจําตัวพระเจ้าเท่านั้น เขาไม่สามารถดูดซับพวกมันเข้าไปได้
หานเซิ่นคิดมาโดยตลอดว่าขั้นทรูก็อตนั้นคงจะเป็นขั้นสุดท้ายที่มนุษย์จะวิวัฒนาการไปได้ แต่ทว่าตอนนี้เขากําลังดูดขับโลหิตชีพจรเทพสปิริตเข้าไปนี้มันไม่ปกติ
“นี่คือยืนของเทพสปิริตจริงๆ? หรือว่าเป็นแคโลหิตชีพจรเทพสปิริตที่มนุษย์ของโลกนี้ได้จากวิหารพระเจ้ากัน?” หานเซิ่นมองไปที่ฟอสซิลมังกรด้วยความสงสัย หินยังคงอยู่ที่เดิม แต่กระดูกมังกรได้หายไปแล้ว
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงตะโกนของบอลด์กายดังมาจากด้านนอก เขาจึงรีบออกจากหลุมเพื่อช่วยชีวิตของบอลด์กาย
ถึงบอลด์กายจะค่อนข้างน่ารําคาญ แต่เขาก็ไม่ใช่คนเลวอะไร หานเซิ่นจึงไม่อยากเห็นบอลด์กายตายต่อหน้าของเขา ที่สําคัญยิ่งไปกว่านั้นหานเซิ่นไม่ต้องการให้กงซูจินได้ในสิ่งที่ต้องการ
หานเซิ่นบดขยี้มีดโคลด์โกลด์และมองไปที่กงซูจินก่อนที่จะพูดว่า
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้เรียนรู้บทเรียนจากความตายของโหลวจิ๋ว”
ในตอนที่กงซูจินได้ยินหานเซิ่นพูดถึงโหลวจิ๋ว สายตาของเขาก็ดูอาฆาตขึ้นมา แต่สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาพูดอย่างเย็นชา
“ฆ่าพวกเขาให้หมด แต่อย่าปล่อยให้พวกเขาตายเร็วจนเกินไป”
เหล่าผู้ใช้ยืนเรซนับสิบรับคําสั่ง พลังต่างๆนาๆถูกปล่อยออกไปใส่หานเซิ่นและบอลด์กาย ในชั่วพริบตาทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยสายฟ้า สายลม และเปลวไฟ แสงสีต่างๆนั้นถูกปล่อยลงมาใส่พวกเขา
สีหน้าของหานเซิ่นยังคงสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง เขาแค่ก้าวออกไปข้างหน้า แต่มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ มันทําให้ผู้คนมองไม่เห็นตําแหน่งที่เขาก้าวออกไป ขณะเดียวกันหมัดของเขาก็ถูกชกออกไป
หมัดของหานเซิ่นปลดปล่อยลมปราณมังกรสีม่วงออกไป มันปะทะกับพลังของเหล่ายืนเรซนับสิบและส่งพวกเขากระเด็นออกไป
ผู้ใช้ยืนเรซบางคนหัวกะโหลกแตกร้าว ขณะที่บางคนหน้าอกยุบลงไป ผู้ใช้ยืนเรซบางคนถึงกับตัวระเบิด ผู้ใช้ยืนเรซนับสิบถูกฆ่าตาในชั่วพริบตาจากผู้ใช้ยืนเรซนับสิบ มีเพียงแค่สามคนที่รอดชีวิต แต่ถึงจะอย่างนั้นกระดูกแขนและขาของพวกเขาก็แตกหัก พวกเขากลิ้งไปมาบนพื้นพร้อมกับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าพลังของโลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตจะทรงพลังถึงขนาดนั้น แม้ แต่เขาเองก็ยังรู้สึกแปลกใจ
พลังหมัดของเขานั้นรุนแรงอย่างมาก มันเทียบได้กับพลังของเทพสปิริตขั้นเดสทรัคชั่น มันเหมือนกับว่าเขาไม่ได้มีแคโลหิตชีพจรของเทพสปิริตแต่เขาเป็นเทพสปิริตซะเอง
บอลดกายอ้าปากค้างขณะที่เขามองดูสิ่งที่เกิดขึ้น หานเซิ่นเป็นเหมือนกับเทพสปิริตที่จุติลงมาจากท้องฟ้า
ใบหน้าของกงซูจินซีดเผือก หานเซิ่นฆ่าเหล่าผู้ใช้ยืนเรซนับสิบที่รวมร่างกับยืนเรซระดับราชันได้ในหมัดเดียว แม้แต่เขาที่มียีนเรซระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถทําอะไรแบบนั้นได้
“รวมร่างกับเทพสปิริต เขาถูกเลือกโดยพระเจ้า
ขุนนางเลือดพระเจ้าที่แท้จริง…”
สีหน้าของฮว่าหนองเยว่เปลี่ยนไป เขารีบพากงซูจินหนีไป พวกเขาเคลื่อนที่ไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
ฮว่าหนองเยวรู้ดีว่าขุนนางเลือดพระเจ้านั้นน่ากลัวขนาดไหน บุคคลที่ทรงพลังถึงขนาดรวมร่างกับเทพสปิริตได้นั้นไม่ใช่บางสิ่งที่พวกเขาจะต่อกรได้
ขุนนางเลือดพระเจ้าแต่ละคนนั้นเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งมากๆ พวกเขามักจะเป็นผู้นําหรือไม่ก็ผู้พิทักษ์ของอาณาจักร
ราชาของแต่ละอาณาจักรต่างก็เป็นบุคคลที่ถูกเลือกโดยพระเจ้า พวกเขาสามารถรวมร่างกับเทพสปิริตได้ ถึงขุนนางแบบนั้นจะมีอยู่ในทุกอาณาจักร แต่มันก็มีจํานวนอยู่ไม่มากนัก เพราะยังไงซะมันก็ไม่ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนจะถูกเลือกโดยเทพสปิริต
ขุนนางเลือดพระเจ้านั้นสามารถต่อสู้ร่วมกับเทพสปิริตได้ ด้วยเหตุนั้นแม้แต่ขุนนางเลือดพระเจ้าขั้นต่ําที่สุดก็มีพลังเหนือกว่าที่มนุษย์ทั่วๆไปจะมีได้
ใบหน้าของกงซูจินซีดเผือกในจังหวะที่เขาได้ยินคําว่า “ขุนนางเลือดพระเจ้า”
ถึงตระกูลกงซูจะมีผู้คนอยู่มากมาย แต่มันก็ไม่มีใครคนไหนที่กล้าล่วงเกินขุนนางเลือดพระเจ้า
“เป็นไปไม่ได้ เขาเป็นแค่คนบ้านนอกที่มาจากเมืองเล็กๆ เขาจะเป็นขุนนางเลือดพระเจ้าได้ยังไง….” กงซูจึงตกตะลึง
“พวกเจ้าจะไปไหน?” ร่างกายของหานเซิ่นห่อหุ้มด้วยลมปราณมังกรที่ดูเหมือนกับหมอกสีม่วง ทันทีที่เขาเริ่มเคลื่อนไหว เขาก็หายตัวไปปรากฏอยู่ด้านหลังของฮว่าหนองเยว่และกงซูจินอย่างกะทันหัน
ฮว่าหนองเยว่ใช้มือผลักกงซูจินออกไป ขณะที่ร่างกายของเขาเริ่มปลดปล่อยสายฟ้าออกมา เส้นผมของเขาตั้งตรง ขณะที่หมอกสีแดงเข้าปกคลุมร่างกายของเขาราวกับว่าเขาเป็นเทพปีศาจ เขามีออร่าที่ดูเหมือนกับว่าสามารถทําลายจักรวาลนี้ได้ เขาชกหมัดออกไปใส่หานเซิ่น
หานเซิ่นชกหมัดออกไปปะทะกับหมัดของคู่ต่อสู้ ลมปราณมังกรสีม่วงของเขาทําลายสายฟ้าของฮว่าหนองเยวได้อย่างง่ายดาย
ในตอนที่ร่างกายของฮว่าหนองเยว่ถูกลมปราณมังกรสีม่วงเข้า เขาก็เปลี่ยนกลีบดอกไม้ที่แตกกระจายออกไป เขาเหมือนกับดอกซากุระที่ถูกพัดไปทุกหนทุกแห่ง หลังจากนั้นดอกไม้ก็กลับมารวมกันและกลายร่างเป็นฮว่าหนองเยว่อีกครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้าของเขาดูซีดไป เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่งและเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถหลบพลังของโลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตได้พ้น
เมื่อเห็นแบบนั้น กงซูจินก็ถูกครอบงําด้วยความหวาดกลัว เขารู้ดีว่าฮว่าหนองเยว่นั้น แข็งแกร่งขนาดไหน แต่ฮว่าหนองเยว่ก็ยังเกือบตายด้วยหมัดเดียว ตอนนี้เขาเชื่อแล้วว่าหานเซิ่นจะต้องเป็นขุนนางเลือดพระเจ้าตัวจริงเสียงจริง
กงซูจินพยายามจะบินหนีไปให้เร็วที่สุด แต่ถึงเขาจะรวดเร็วแค่ไหน มันก็ไม่ได้รวดเร็วเหมือนอย่างโลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตของหานเซิ่น
หานเซิ่นถีบพื้นเพื่อส่งตัวออกไป เขาไปปรากฏตัวด้านหลังของกงซูจินและชกหมัดที่ห่อหุ้มด้วยลมปราณมังกรสีม่วงออกไป
ปัง!
ในจังหวะที่หมัดของหานเซิ่นกําลังจะถูกเข้าที่ด้านหลังของกงซูจิน มันก็มีเงาของนกกระเรียนปรากฏขึ้นมา เงาของนกกระเรียงนั้นกางปีกออกเพื่อปกป้องร่างกายของกงซูจินเอาไว้
ลมปราณมังกรสีม่วงของหานเซิ่นปะทะเข้ากับนกกระเรียน และทําให้เงาของนกกระเรียกนั้นแตกสลายไป แต่ในขณะเดียวกันลมปราณมังกรสีม่วงก็ได้ถูกหยุดเอาไว้
มีเสียงแตกร้าวของอะไรบางอย่างดังขึ้นมา ทันใดนั้นสร้อยคอที่อยู่บนอกของกงซูจินก็ระเบิดออกและมีควันพุ่งออกมา มันแสดงใบหน้าของชายแก่ผมขาวคนหนึ่ง
“ข้าคือกงซูจอ ไม่สําคัญว่าลูกชายของข้าจะล่วงเกินเจ้ายังไง ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบผลกรรมที่เขาก่อเอง ได้โปรดปล่อยลูกชายของข้าไป”
เงาของชายแก่คนนั้นก็คือกงซูจื่อที่มีชื่อเสียงของอาณาจักรฉิน