Super God Gene - ตอนที่ 3090 ไปที่ภูเขาเพื่อขอความช่วย เหลือจากพระเจ้า
ตอนที่ 3090 ไปที่ภูเขาเพื่อขอความช่วย เหลือจากพระเจ้า
ใบหน้าของหลี่ปิงหยูเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอดูเหมือนกับถูกไฟฟ้าช็อต ขณะที่เธอกระโดดออกจากตัวหานเซิ่น เธอจับผ้าเช็ดและรีบวิ่งออกไปจากห้องของหานเซิ่น
พลังของบิ๊กสกายเดม่อนนั้นน่ากลัวเกินไป แม้แต่หานเช่นเองก็ไม่สามารถต่อต้านมันได้หลี่ปิงหยูรู้สึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เธอไม่สามารถหยุดตัวเองเอาไว้ได้
หลี่ปิงหยูรู้ว่ามันต้องเป็นพลังของยืนเรซบางอย่าง แต่เธอไม่รู้ว่ามันเป็นพลังของบิ๊กสกายเดม่อน เธอคิดว่านี่อาจจะเป็นการแก้แค้นของกงซูจื่อ
“ไอ้กงซูจื่อเวรนั่น! ถ้าเจ้าต้องการจะแก้แค้น ก็ไปแก้แค้นเขาด้วยตัวเอง เขากล้าดียังไงมาใช้พลังแบบนั้นกับข้า”
หลี่ปิงหยูกลับไปที่ห้องอย่างรู้สึกแย่ หลังจากที่ต้องทนดูตัวเองทําแบบนั้นกับหานเซิ่นเธอก็อยากจะขุดรูเพื่อลงไปซ่อนตัวจากความอับอาย
หลังจากที่หลี่ปิงหยูออกไปแล้ว หานเช่นก็ตรวจเช็คห้องของเขา เขาไม่เห็นบิ๊กสกายเดม่อนอยู่ที่ไหน ผู้หญิงคนนั้นนสามารถไปๆมาๆได้ตามใจชอบ แม้แต่หานเซิ่นก็ไม่สามารถตรวจจับถึงการมีอยู่ของเธอได้
“เราจําเป็นต้องหาทางกําจัดนาง เราจะปล่อยให้มีใครบางคนตามหลอกหลอนเราแบบนี้ไม่ได้มันเริ่มจะเป็นอะไรที่น่ารําคาญ” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
หานเซิ่นเอาไข่ยืนของเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ออกมาวางบนมือ เขาลองใช้พลังของโลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตเพื่อดูว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นยีนเรซเอ็กซ์คลูซีฟเทพมังกรโลหิตได้ไหม แต่หานเซิ่นต้องผิดหวังกับผลลัพธ์ที่ออกมา บางทีมันอาจจะเป็นเพราะธาตุที่ขัดแย้งกันแต่โลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตนั้นไม่สามารถเชื่อมต่อกับเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ได้
เมื่อไม่มีทางอื่น หานเช่นก็จําเป็นต้องหยดเลือดของเขาลงบนไข่ยืนของเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ ไม่นานหลังจากนั้นเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ก็ฝักตัวออกมา
เพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ที่ฝึกออกมานั้นมีขนาดไม่ใหญ่มาก เท้าทั้งสี่ของมันดูผอมบางและมันมีร่างกายที่กึ่งโปร่งใส มันดูเหมือนกับงานแกะสลักหยก มันดูน่ารักมากๆ
“คุณได้รับยืนเรซระดับราชันเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์” เสียงประกาศดังขึ้นมา
หานเซิ่นลองรวมร่างกับเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ แต่มันยังคงเป็นแค่ร่างวัยเยาว์ ด้วยเหตุนั้นพลังของมันจึงค่อนข้างอ่อนแอ หานเช่นรู้สึกได้ถึงพลังบริสุทธิ์ที่เข้าไปในร่างกายของเขา บนหัวของเขามีเขาหยกสีขาวงอกขึ้นมา ถ้ามียีนเรซไหนเข้ามาในระยะหนึ่ง เขาหยกสีขาวก็จะส่งสัญญาณเตือน และสีของเขาจะเปลี่ยนไปตามธาตุของยืนเรซนั้นๆ
ถึงแม้เขาหยกจะไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไร แต่มันก็ดูน่าขบขันอยู่ดี ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงรู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่และรีบแยกร่างออกจากเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ได้รวมร่างกับมัน แต่เพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ก็จะยังคงสามารถตรวจจับยืนเรซที่เข้ามาใกล้ได้อยู่ดี หานเซิ่นลองเรียกบลัดโกสต์สปิริตออกมาและพบว่าเขาของเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์นั้นเปลี่ยนเป็นสีแดง
เนื่องจากเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ยังเป็นแค่ร่างวัยเยาว์ ระยะการตรวจจับยืนเรซของมันจึง ไม่ไกลมากนักอย่างดีที่สุดมันก็สามารถสัมผัสได้แค่ยืนเรซที่อยู่ในระยะสามสิบฟุตเท่านั้น แต่สําหรับหานเช่นนั้นถือเป็นอะไรที่เพียงพอแล้ว
ที่นี่คือเมืองหลวงของอาณาจักรฉิน พวกเขาไม่ได้อยู่ในป่า หานเซิ่นแค่ต้องการมันเพื่อจะหลีกเลี่ยงการลอบสังหารที่อาจจะเกิดขึ้น
“ว่าแต่เพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์จะตรวจจับบิ๊กสกายเดม่อนได้ไหมนะ”
หานเซิ่นมองไปที่เพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ แต่เขาไม่สังเกตเห็นปฏิกิริยาใดๆจากมัน บางทีกสกายเดม่อนอาจจะไม่ได้อยู่ใกล้ๆ หรือไม่อย่างนั้นเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ก็ไม่สามารถตรวจจับถึงการมีอยู่ของบิ๊กสกายเดม่อนได้
“ด้วยการมีเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์อยู่ มันก็จะปลอดภัยขึ้นมาก แต่ก่อนอื่นเราจําเป็ นต้องช่วยให้มิสเตอร์หยางได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริต”
หานเช่นตัดสินใจพามิสเตอร์หยางไปที่วิหารพระเจ้าของเฟเธอร์แฟรี่
ภายในคฤหาสน์ของตระกูลกงซู คนรับใช้แก่คนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากงซูจือ
“นายท่าน ข่าวจากพวกเขามาถึงแล้ว พวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่เห็นแม้แต่เส้นผิวหนังหรือเส้นผมของหานเซิ่นภายในโรงแรมของเขา” ชายแก่พูดอย่างเป็นกังวล
“เป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาจะหาผิวหนังหรือเส้นผมของหานเช่นไม่ได้? นี่พวกเขาทํางานกันยังไง?” กงซูจื่อพูด
คนรับใช้พูด “ไม่ใช่ว่าพวกเขาทําผิดพลาด ข้าเองก็ได้ลองปลอมตัวเป็นคนทําความสะอาดเพื่อเข้าไปในห้องของหานเซิ่น แต่ข้าไม่แห็นเส้นผมแม้แต่เส้นเดียวของเขา มันไม่มีแม้แต่รังแคหล่นลงบนพื้น ข้าคิดว่าเขาเตรียมตัวมาดี”
“ถ้าเป็นแบบนั้น เขาก็ต้องเป็นชนชั้นสูงที่ปลอมตัวมา” กงซูจ่อขมวดคิ้วและถามต่อไปว่า “แล้วทางด้านยาเออร์ล่ะ?”
“ยาเออร์เป็นเพื่อนรักของเฟิงเฟยเฟย” คนรับใช้แก่พูด
“ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นางใช้ข้ออ้างเรื่องการฉลองวันเกิดของเฟิงเฟยเฟยเพื่อจะอยู่อาศัยในบ้านของนาง มันควรจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะหาเส้นผมของเฟิงเฟยเฟย มันควรจะมาถึงในเร็วๆนี้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้เฟิงเฟยเฟยไปหาลูกชายของข้าเป็นคนแรก” กงซูจอพูดอย่างเลือดเย็น
“นายท่าน ถ้าพวกเราหาผิวหนังหรือเส้นผมของหานเซิ่นไม่ได้ ซื่อหมิงเดม่อนเรซก็จะทําอะไรไม่ได้” คนรับใช้แก่พูดอย่างเป็นกังวล
“แบบนั้นพวกเราจะจัดการกับหานเซิ่นยังไง?”
กงซูจื่อหัวเราะอย่างชั่วร้าย “ข้าเดินทางท่องจักรวาลเป็นเวลากว่าร้อยปี ข้าขุดชีพจรเทพเจ้าที่สั่นสะเทือนท้องฟ้ามานับไม่ถ้วน ข้ามียืนเรซที่ทรงพลังมากกว่าหนึ่งตัว ข้าไม่ได้มีแค่ชื่อหมิงเดม่อนเรซ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะฆ่าใครสักคน กําจัดเชิงเฟยเฟยนั่นซะ หลังจากนั้นก็จัดการกับเขา”
วันต่อมาหานเป็นพามิสเตอร์หยางไปที่ดาวกู่หย่าง
หลังจากที่เดินทางมาได้สักพัก มิสเตอร์หยางก็ชี้ไปที่ภูเขาลูกหนึ่งและพูดขึ้นว่า
“นายท่าน ดูเหมือนว่าที่ภูเขาลูกนั้นจะมีชีพจรพระเจ้าอยู่ ที่นี่สมกับเป็นเมืองหลวงจริงๆ มันมีชีพจรพระเจ้ามากกว่าที่เมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตมาก”
หานเซิ่นส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้ข้าไม่ได้มาเพื่อหาชีพจรพระเจ้า”
มิสเตอร์หยางแปลกใจ “นายท่านไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาชีพจรพระเจ้า? ถ้าอย่างนั้นทําไมนายท่านถึงพาข้ามาที่นี่? นายท่านมีเรื่องจําเป็นต้องพูดกับข้าอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นพูด “มันไม่มีอะไรมาก ข้าไปพบกับวิหารพระเจ้าที่ไม่มีเมืองใดเมืองหนึ่งเป็นเจ้าของมันจะมีเพียงแค่เทพสปิริต ด้วยเหตุนั้นข้าจึงจะพาเจ้าไปที่นั่นเพื่อดูว่าข้าจะขอเทพสปิริตให้มอบโลหิตชีพจรเทพสปิริตกับเจ้าได้ไหม”
มิสเตอร์หยางยิ้มแห้งๆ “ขอบคุณในความหวังดีของนายท่าน ในช่วงเวลาทศวรรษที่ผ่านมาข้าได้ตะเวนไปตามวิหารพระเจ้าต่างๆมากมาย แต่ข้าก็ไม่ได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริตมา ดูเหมือนว่ายีนของร่างกายข้าจะแย่เกินไป ตอนนี้ข้าได้ตัดใจในเรื่องนั้นไปแล้ว มันไม่มีความจําเป็นที่นายท่านต้องลําบากเพื่อข้าอีก”
“ไหนๆพวกเราก็มาถึงนี่แล้ว ลองดูสักหน่อยจะเป็นอะไรไป” หานเป็นยิ้ม
เมื่อหานเซิ่นพูดแบบนั้น มิสเตอร์หยางก็ไม่พูดอะไรอีก แต่เขายังคงไม่มีความหวังกับการ เดินทางในครั้งนี้
ในตอนที่เขายังหนุ่ม เขาเคยมีความหวัง เขาได้ไปเยือนวิหารพระเจ้ามากมาย แต่ในท้ายที่เขาก็รู้สึกสิ้นหวังมันไม่มีเทพสปีริตไหนที่จะมอบโลหิตชีพจรเทพสปิริตให้กับเขา
ด้วยเส้นทางลับที่เฟเธอร์แฟรี่บอก หานเซิ่นสามารถเดินทางไปที่ภูเขาโฮไลท์ได้อย่างปลอดภัย ในระหว่างทางพวกเขาพบกับยืนเรชหลายชนิด หานเซิ่นจึงใช้บลัดโกสต์สปิริตเพื่อทําให้พวกมันหวาดกลัวจนหนีไป
ในเวลาไม่นานพวกเขาทั้งสองก็มาถึงภูเขาซึ่งปกคลุมในแสงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งภูเขานั้นกําลังเรืองแสงเหมือนกับว่ามันอยู่ในตําแหน่งที่พระอาทิตย์ขึ้น มันดูสว่างไสวอย่างมาก