Super God Gene - ตอนที่ 3103 ลวดลายสายฟ้าสีทอง
ตอนที่ 3103 ลวดลายสายฟ้าสีทอง
ก่อนที่หานเชิ่นจะมีโอกาสได้ไปหาเฟิงหยินหยินเฟิงเฟยเฟยก็พาเฟิงหยินหยินมาหาเขาที่โรงแรมซะก่อน
“พี่ซานมู่ หนูได้ปรึกษากับน้าแล้ว”
เฟิงหยินหยินพูดอย่างดีใจขณะที่เธอดึงแขนของหานเช่น “พี่ชานม่ควรจะย้ายมาอยู่ในบ้านของพวกเรา”
หานเชิ่นหันไปมองที่เฟิงเฟยเฟย เธอยิ้มและพูดขึ้นว่า “ข้ายังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณที่เจ้าช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ เซียวหยินดูเหมือนจะสนิทสนมกับเจ้า ถ้าเจ้ายินดี ข้าก็ยินดีที่จะอนุญาตให้เจ้ามาอยู่ด้วย”
“โอเค” หานเชิ่นยิ้มและตอบตกลงในทันที เขามีเรื่องที่อยากจะขอให้เฟิงหยินหยินช่วย ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธคําเชิญ
เฟิงเฟยเฟยไม่ได้คาดคิดว่าหานเช่นจะตอบตกลงอย่างรวดเร็วแบบนั้นเธอรู้สึกแปลกใจ
“คุณหาน ข้ามีบางสิ่งอยากจะพูดกับเจ้า” เฟิงเฟยเฟยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ข้ามีห้องรับร้องแค่ห้องนี้ห้องเดียว ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ เจ้าก็เข้าไปคุยในห้องของข้าได้”
หานเซิ่นรู้ว่าเฟิงเฟยเฟยต้องการจะพูดกับเขาเป็นการส่วนตัวดังนั้นเขาจึงพูดไปแบบนั้น
เฟิงเฟยเฟยลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเธอก็ตอบตกลง “โอเค”
หานเชิ่นให้เจียงซื่อดูแลเฟิงหยินหยินไปก่อน ขณะที่เขากับเฟิงเฟยเฟยเข้าไปคุยกันในห้อง
ในสถานการณ์ปกติเฟิงเฟยเฟยจะไม่เข้าไปในห้องของผู้ชายแต่นี่เป็นเรื่องที่สําคัญมากๆ เธอ จึงไม่ได้สนใจว่ามันจะเหมาะสมหรือไม่
เธอมองไปรอบๆห้องของหานเชิ่นและพบว่าภายในห้องไม่ได้มีอะไรพิเศษการตกแต่ งของห้องนั้นดูเป็นอะไรที่ดูพื้นๆซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ทางโรงแรมจัดเตรียมเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วทําให้เฟิงเฟยเฟยรู้สึกผิดหวัง เธอคิดว่าคนอย่างหานเชิ่นจะมีงานอดีเรกที่พิเศษ แต่ห้องของเขากลับดูธรรมดามากๆ
“เจ้าพูดมาได้แล้ว” หานเชิ่นพูดขณะที่นั่งลงบนโซฟาและมองไปที่เฟิงเฟยเฟย
เฟิงเฟยเฟยมีสีหน้าจริงจังขณะที่เธอมองไปที่หานเซิ่นเธอโค้งคํานับและพูดขึ้นว่า “ข้ามาที่ นี่เพื่อขอบคุณที่เจ้าช่วยชีวิตของข้าและข้าก็มาที่นี่เพื่อช่วยชีวิตของเจ้า”
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” หานเชิ่นมองไปที่เฟิงเฟยเฟยด้วยความสนใจ
เฟิงเฟยเฟยไม่ตอบ แต่เธอถามกลับไปว่า “เจ้าคือคนที่ฆ่ากงซูจินถูกใช่ไหม?”
“ใช่” หานเชิ่นไม่ปฏิเสธ
เฟิงเฟยเฟยถอนหายใจและพูด “ถ้ากงซูจื่อต้องการจะฆ่าข้าเพื่อแก้แค้นให้กับกงซูจิน เขาก็คง จะคิดฆ่าเจ้าเช่นเดียวกัน”
“เจ้าจะบอกว่ากงชูจื่อคือคนที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าที่งานปาร์ตี้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นแปลกใจ
เฟิงเฟยเฟยพยักหน้า “ข้าขอให้พวกเพื่อนๆของข้าช่วยตรวจสอบและพบว่าคนที่อยู่ เบื้องหลังก็คือกงซูจือ เขาใช้เพื่อนสนิทของข้าชิย่าไม่อย่างนั้นข้าก็คงจะไม่ตกอยู่ภายใต้พลังของ ยืนเรซโดยที่ข้าไม่รู้ตัวข้าต้องขอบคุณเจ้าที่ช่วยข้าเอาไว้แต่เรื่องนี้จะทําให้กงซูจื่อต้องการจะฆ่าเจ้ายิ่งกว่าเดิม”
หานเซิ่นยิ้มให้กับเฟิงเฟยเฟยและถาม “ถ้าเจ้ารู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือกงซูจื่อและซิตุย่า ทํา ไมเจ้าถึงปล่อยพวกเขาไป?”
“ข้าไม่ได้คิดจะปล่อยพวกเขาไป แต่ข้าทําได้แค่เฝ้าจับตาดูพวกเขาเมื่อวานนี้พวกเขา ถูกเชิญไปที่เมืองไอซ์สโนว์”
เฟิงเฟยเฟยเห็นสีหน้าสับสนของหานเชิ่น เธอจึงอธิบายต่อไปว่า “เมืองไอซ์สโนว์นั้นเป็น เมืองของขุนนางเลือดพระเจ้าสตีลซีน ยิ่งไปกว่านั้นสตีลซีนมีทหารองครักษ์ของอาณาจักรเขา เป็นบุคคลที่มีอํานาจในอาณาจักรฉิน ขณะที่ข้าเป็นเพียงแค่นักร้อง ถึงข้าพอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้างแต่ไม่มีใครที่จะกล้าล่วงเกินสตีลซีนเพื่อนักร้องคนหนึ่ง”
“ทําไมสตีลซีนคนนั้นถึงได้ปกป้องกงซูจือ?” หานเชิ่นถาม
“จากข้อมูลที่ข้าได้รับ กงซูจื่อมอบยืนเรซระดับเทพเจ้าที่เขาเก็บสะสมเอาไว้ให้กับสตีลซีน ตอนนี้เขาจึงได้รับความคุ้มครองจากสตีลซีนและเขาจะฆ่าพวกเราทั้งคู่”ในตอนที่เฟิงเฟยเฟยพูดแบบนั้นเธอฟังดูเศร้าใจ
ถ้ามีแค่กงซูจือ เฟิงเฟยเฟยมั่นใจว่าเธอสามารถจัดการเรื่องนี้ได้แต่ขุนนางเลือดพระเจ้าอย่าง สตีลซีนนั้นอยู่เหนือความสามารถของเธอถึงเธอจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไป แต่อีกฝ่ายไม่มีทาง ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปแน่
ขุนนางบางคนยินดีที่จะช่วยเหลือเธอ แต่เงื่อนไขในการช่วยเหลือของพวกเขานั้นเป็นสิ่งที่เธอไม่อาจจะยอมรับได้
เฟิงเฟยเฟยจึงตัดสินใจมาหาหานเชิ่นเพื่อที่พวกเขาจะได้ช่วยกันรับมือกับสตีลชน คนอื่นๆ อาจจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของหานเชิ่นแต่เธอรู้ดีว่าหานเชิ่นเองก็เป็นขุนนางเลือดพระเจ้าเช่ นกัน ถึงเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับสตีลซีนแต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะถูกฆ่าตายง่ายๆ
แถมเมืองกําแพงหยกก็ไม่ใช่เขตอํานาจของสตีลชื่นเขาไม่สามารถฆ่าใครโดยไร้เหตุผลได้
หานเชิ่นไม่ได้พูดอะไรมาก แต่จิตสังหารในดวงตาของเขาดูเหมือนว่าเขากําลังตัดสินบางอย่าง
หานเซิ่นตัดสินใจจะย้ายไปอยู่กับเฟิงเฟยเฟยในทันที เขาไม่คิดจะรอช้าหลังจากนั้นพวกเขา ก็เดินทางไปยังปราสาทภายในเมืองกําแพงหยกที่เฟิงเฟยเฟยอยู่อาศัย
เมื่อไม่มีงานปาร์ตี้ ภายในปราสาทก็ดูค่อนข้างเงียบเหงาเฟิงเฟยเฟยให้หานเช่นครอ บครองส่วนหนึ่งของปราสาทเป็นการส่วนตัว
หานเชิ่นและเฟิงหยินหยินไปเล่นด้วยกันในสวน ในตอนที่ไม่มีใครอยู่รอบๆหานเช่นก็เอาซุ นหินออกมาและมอบมันให้กับเฟิงหยินหยิน
“เชียวหยิน เจ้าลองดูสิว่าเจ้าเปาซุนนี้ได้ไหม ซุนนี้มันประหลาดเจ้าจําเป็นต้องใส่พลัง เข้าไปเพื่อที่จะทําให้มันส่งเสียงออกมา”
ถึงแม้พลังของเฟิงเฟยเฟยจะเหนือกว่าของเฟิงหยินหยิน แต่หานเช่นไม่ได้เชื่อใจเธออย่างเต็ม ที่ เขาไม่ต้องการให้เธอได้เห็นสายฟ้าสีทองภายในก้อนเมฆด้วยเหตุนั้นเขาจึง ให้เฟิงหยินหยินเป็นคนเปามัน
“ข้าจะลองดู” เฟิงหยินหยินรับซุนหินไปและเรียกแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์กับออทัมน์ซิเค ด้าออกมาเพื่อรวมร่าง
การรวมร่างกับยืนเรซถึงสองตัวเป็นสิ่งที่ใช้พลังจิตใจและพลังกายอย่างมากผู้ใช้ยื่นเรซธรรม ดาทั่วไปจะสูญเสียพละกําลังของพวกเขาไปจนหมดในการพยายามทําแบบนั้น
เฟิงหยินหยินเพิ่งจะเป็นเจ้าของยืนเรซทั้งสองนี้ได้เพียงไม่นานแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็สา มารถรวมร่างกับพวกมันทั้งสองได้แล้ว เธอมีพรสวรรค์มากๆ
หลังจากที่รวมร่างเสร็จแล้ว เฟิงหยินหยินมองมาที่หานเชิ่นและถาม“พี่ชานม่ต้อง การให้ข้าเล่นเพลงอะไร?”
“เล่นเพลงอะไรก็ได้ที่กระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกมากที่สุด”
หานเชิ่นพูด ถ้าการสันนิษฐานของเขาถูกต้อง มันไม่ใช่โทนเสียงที่ทําให้สายฟ้าสีทองปรากฏขึ้นมา แต่มันขึ้นอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกที่ถูกใส่เข้าไป
เฟิงหยินหยินพยักหน้า เธอคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะยกซุนหินมาขึ้นมาที่ริมฝีปากเพื่อเปามัน
เสียงของซุนควรจะฟังดูเศร้า แต่เสียงที่เฟิงหยินหยินเปากลับทําให้ผู้คนรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าหานเซิ่นรู้สึกมีชีวิตชีวา
ขณะที่เฟิงหยินหยินเปามัน ซุนหินก็เริ่มปล่อยควันออกมา มันก่อตัวเป็นก้อนเมฆเหนือหัวของเธอภายในก้อนเมฆนั้นมีเสียงพึมพําที่เหมือนกับการสวดมนต์ดังออกมา
หลังจากผ่านไปสักพัก หานเชิ่นก็เห็นว่าก้อนเมฆเริ่มจะมีสายฟ้าสีทองปรากฏขึ้นมา สายฟ้าสีทองปรากฏมามากขึ้นเรื่อยๆ และค่อยๆกลายเป็นลวดลายสายฟ้าสีทอง
หานเซิ่นรู้สึกดีใจ เขาสังเกตลวดลายสายฟ้าสีทองอย่างตั้งใจเพื่อที่จะไขปริศนาของมัน