Super God Gene - ตอนที่ 3113 ความกล้า
ตอนที่ 3113 ความกล้า
บนโต๊ะทํางานของราชาจิงเจิ้นนั้นเต็มไปด้วยจดหมายจากเหล่าขุนนาง ถึงแม้เขาจะไม่ได้เปิดอ่านพวกมัน แต่เขาก็รู้ว่าเนื้อหาของจดหมายนั้นเต็มไปด้วยการตําหนิองค์รัชทายาทฉินไปและขอให้ตรวจสอบความตายสตีลซีนอย่างละเอียด มันเหมือนกับว่าถ้าเขาไม่สั่งประหารหานเชิ้น เขาก็จะเป็นราชาที่ไม่ดี
“ท่านราชา องค์รัชทายาทไม่ยอมกลับมาที่พระราชวัง” ขันทีรายงาน
ราชาจิงเจิ้นดูประหลาดใจ เขารู้ว่าดีว่านิสัยของลูกชายเป็นยังไง ถึงแม้องค์รัชทายาทฉินไป๋จะเป็นคนที่เอาแต่ใจ แต่เขาก็ยังคงเชื่อฟังพ่อ ฉินไป๋นั้นฟังคําสั่งของราชาจิงเจิ้นมาโดยตลอด
แต่ครั้งนี้ฉันไปขัดคําสั่งของเขา นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“องค์รัชทายาทบอกว่า…” ขันทีดูลําบากใจ
“บอกข้ามาตามตรง” ราชาจิงเจิ้นพูด
“องค์รัชทายาทพูดว่าถ้าเขายืนยันความบริสุทธิ์ของเพื่อนไม่ได้ การเป็นองค์รัชทายาทต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก เขาขอไม่เป็นซะดีกว่า” ขันทีพูด
“ไร้สาระ!” ราชาจิงเจิ้นขึ้นเสียง เขาเริ่มรู้สึกสนใจในตัวของหานเซิ่นผู้ลึกลับคนนี้ขึ้นมา
เขาเข้าใจฉินไป๋เป็นอย่างดี ถึงแม้ฉันไปจะเป็นเด็กหัวแข็งและเอาแต่ใจ แต่ถ้าฉันไปเข้าไปเกี่ยวข้องกับบางสิ่งที่เกินกว่าตัวเขาจะรับมือได้ เขาก็รู้ว่าต้องถอยออกมา
แต่ครั้งนี้ฉินไป๋ขัดคําสั่งของราชาจิงเจิ้นเพื่อหานเซิ่นและยังพูดอะไรแบบนั้นออกมา นี่ไม่ใช่พฤติกรรมปกติของฉันไป ปกติแล้วเขาจะไม่ทําอะไรแบบนี้
ราชาจิงเจิ้นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ไปบอกราชครูเทาซันด์ไมล์รีช ให้เขาไปพาตัวลูกชายของข้ากลับมา”
ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชที่ราชาจิงเจิ้นพูดถึงนั้นเป็นครูที่สอนฉันไปตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อพูดถึงคนที่ฉินไป๋กลัวแล้ว ไม่มีใครที่ฉันไปหวาดกลัวมากไปกว่าราชครูเทาซันด์ไมล์รีช ฉินไปนั้นกลัวราชครูเทาซันด์ไมล์รีชมากกว่าราชาจิงเจิ้นซะอีก
จริงๆแล้วเรื่องเล็กแค่นี้ไม่จําเป็นต้องให้ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ราชาจิงเจิ้นต้องการดูว่าฉันไปจะหัวแข็งสักแค่ไหนกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องการให้ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชเป็นคนที่ไปตามตัวฉันไปกลับมา
ส่วนเรื่องความตายของสตีลชนนั้นเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินไป มันไม่ใช่เรื่องที่ราชาจิงเจิ้นจะทําเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจะไม่ปล่อยให้ฉันไปทําตามใจชอบ
ก่อนที่ขันทีจะเดินออกไป เขาก็ถามด้วยความลังเล “ท่านราชา ถ้าเกิดราชครูเทาซันด์ไมล์รีช นําองค์รัชทายาทกลับมาไม่ได้ล่ะ?”
“ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราก็จะเชิญหานเชิ้นมาที่นี่” ราชาจิงเจิ้นพูดด้วยรอยยิ้ม
จริงๆแล้วราชาจิงเจิ้นหวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น การยึดมั่นในจุดยืนของตัวเองนั้นเป็นสัญญาณว่าคนนั้นๆเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ถึงแม้จุดยืนนั้นจะผิด มันก็ยังคงหมายความว่าลูกชายของเขาโตเป็นผู้ใหญ่
ราชาจิงเจิ้นไม่รู้ว่าจุดยืนที่ฉันไปตั้งเอาไว้นั้นคืออะไร แต่อย่างน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าราชครูเทาซันด์ไมล์รีช ฉินไป๋ก็อาจจะไม่ยึดมั่นในจุดยืนนั้น
ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชเป็นราชครูที่เข้มงวดมากๆ ราชาจิงเจิ้นเป็นคนขอให้เขาช่วยเป็นอาจารย์ให้กับฉินไป๋ แต่ฉันไปเป็นเด็กที่ดิ้นรั้นและไม่ยอมฟังใคร แม้แต่อาจารย์ที่ดีที่สุดก็ไม่อาจจะอบรบสั่งสอนเขาได้
ฉินไป๋ถูกราชครูเทาซันด์ไมล์รีชติอยู่บ่อยๆตั้งแต่ยังเด็ก ไม่รู้ว่าเขาถูกราชครูไปกี่ครั้งกัน มันมีครั้งหนึ่งที่ฉันไปทําความผิดที่ใหญ่หลวง ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชตีเขาอย่างรุนแรงกว่าสามสิบครั้งจนมือของฉันไปไม่อาจกินอาหารได้
ขณะที่กําลังนั่งเล่นหมากรุกกับหานเชิ้น ฉินไป๋ก็ตกใจเมื่อเห็นราชครูเทาซันด์ไมล์รีบเดินเข้ามา
“ราชครูเทาซันด์ไมล์รีช… ทําไมท่านถึงได้มาที่นี่?”
ฉินไป๋รีบลุกขึ้นมา เขาโค้งคํานับอย่างเกร็งๆ สีหน้าของเขาดูแย่และเขาไม่กล้าจะเงยขึ้นมามองราชครูเทาซันด์ไมล์รีช เขาดูเหมือนกับเด็กที่ทําความผิด
ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชมองไปที่หานเซิ่น เขาเป็นคนที่เข้มงวด ด้วยเหตุนั้นหลังจากที่ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ไม่ชอบใจในสิ่งที่หานเซิ่นทํา
เมื่อราชครูเทาซันด์ไมล์รีชมองไปที่หานเซิ่น เขาเห็นว่าหานเชิ้นนั้นยังคงนั่งเฉยๆราวกับว่าไม่สนใจอะไร นั่นทําให้เขารู้สึกไม่ชอบหานเซิ่นยิ่งกว่าเดิม แต่ถึงแม้ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชจะไม่ชอบหานเซิ่น เขาก็ไม่คิดจะพูดอะไร เขาไม่ได้มาที่นี่จับตัวของหานเขิน เขาแค่มาที่นี่เพื่อพาฉินไป๋กลับไปเท่านั้น
“องค์รัชทายาทไม่ได้เข้าเรียนมาสองวันแล้ว การจะประสบความสําเร็จ องค์รัชทายาทต้องพยายามให้มากกว่านี้ อย่าเอาแต่ใช้เวลาเที่ยวเล่นไปวันๆ สักวันหนึ่งองค์รัชทายาทจะต้องขึ้นเป็นราชาของอาณาจักรฉิน นั่นไม่ใช่หน้าที่ที่องค์รัชทายาทจะละทิ้งได้ องค์รัชทายาทควรกลับไปที่พระราชวังกับกระหม่อม?” ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชจับมือของฉินไป๋และเตรียมตัวที่จะไปจากปราสาทของตระกูลเฟิง
ฉันไปหันมามองที่หานเซิ่นราวกับว่าเขากําลังขอความช่วยเหลือ เขาไม่ต้องการจะจากไป แต่เขาหวาดกลัวราชครูเทาซันด์ไมล์รีช เขาขัดขืนอะไรไม่ได้
หานเชิ้นยิ้มให้กับฉินไป๋ และไม่ได้พยายามจะหยุดอีกฝ่ายเอาไว้ มันจะเป็นเรื่องที่ดีถ้าฉินไป๋อยู่ต่อ แต่ถึงฉินไปจะถูกพาตัวไป มันก็ไม่เป็นอะไร
ถึงแม้หานเซิ่นจะขอความช่วยเหลือจากฉันไป แต่เขาก็ไม่ได้ฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้ที่ฉินไป๋ ยังไงซะฉินไป๋ก็เป็นแค่เด็กที่เอาแต่ใจคนหนึ่ง หานเซิ่นมีแผนอื่นอยู่ มันจึงไม่สําคัญสําหรับเขาว่าฉินไป๋จะถูกพาตัวไปหรือไม่
ฉินไป๋ถูกจูงมือออกไปโดยราชครูเทาซันด์ไมล์รีช เขามองมาที่หานเซิ่นและคาดหวังว่าหานเซิ่นจะพูดบางสิ่งออกมา แต่หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร หานเซิ่นแค่ยิ้มให้กับเขาเท่านั้น
ด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อฉันไปเห็นรอยยิ้มของหานเซิ่น เขาก็รู้สึกแย่ขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าจะเอาความกล้ามาจากไหน แต่เขาหยุดนิ่งและปฏิเสธที่จะจากไป
ราชครูเทาซันด์ไมล์รีบดึงมือของฉันไปเล็กน้อย แต่ฉินไป๋ยังคงยืนนิ่ง เขามองไปที่ฉินไป๋และถาม “องค์รัชทายาทมีอะไรอย่างนั้นหรอ?”
ฉินไป๋กัดฟันและพูด “ราชครูเทาซันด์ไมล์รีช ข้าให้สัญญากับหานเพิ่นว่าจะอยู่ที่นี่กับเขา เจ้าสอนข้าเสมอว่าลูกผู้ชายจําเป็นต้องรักษาสัญญาและมีแต่คนไม่ดีเท่านั้นที่ผิดสัญญา สิ่งที่ราชาพูดออกไปนั้นเป็นสิ่งที่สําคัญมากๆ ข้าไม่ต้องการเป็นคนที่ไม่รักษาสัญญาของตัวเอง”
คําพูดของฉินไป๋ไม่ได้ถูกพูดออกมาด้วยความมั่นใจ เขาก้มหัวลงและไม่แม้แต่จะมองไปที่ราชครูเทาซันด์ไมล์รีช แต่ถึงอย่างนั้นราชครูเทาซันด์ไมล์รีชก็ดูประหลาดใจ ฉินไป๋นั้นหวาดกลัวเขามาโดยตลอด แต่ตอนนี้ฉันไปรวบรวมความกล้าและพูดแบบนั้นออกมา นี่เป็นบางสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชมองไปที่ฉินไป๋และเห็นว่าถึงแม้ฉินไป๋จะหวาดกลัว แต่ฉินไป๋ก็แสดงเจตนาว่าไม่ต้องการกลับไปกับเขาอย่างชัดเจน ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชไม่อาจใช้กําลังบังคับฉินไป๋ได้ เพราะถ้าราชาจิงเจิ้นต้องการจะใช้กําลังบังคับราชาจิงเจิ้นก็คงจะไม่ขอให้เขามาที่นี่
ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชพยักหน้าและปล่อยมือจากฉินไป๋ เขาเดินไปหาหานเซิ่นนที่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะหมากรุก เขารู้ว่าฉันไปตามลําพังนั้นคงจะรวบรวมความกล้าแบบนั้นไม่ได้ ด้วยเหตุนั้นคนที่มอบความกล้าให้กับฉินไป๋ต้องเป็นชายหนุ่มคนนี้ ถ้าเขาเกลี้ยกล่อมหานเซิ่นได้ ความกล้าของฉินไป๋ก็จะหายไป หลังจากนั้นเขาก็จะพาตัวฉันไปกลับไปได้