Super God Gene - ตอนที่ 3117 โลหิตชีพจรเทพสปิริตระดับสูง
ตอนที่ 3117 โลหิตชีพจรเทพสปิริตระดับสูง
ทั่วทั้งอาณาจักรฉันต้องการให้หานเชิ้นถูกประหารแต่ใครจะรู้ว่าหานเช่นนั้นกลับไม่ถูกจับตัวเขายังคงซ่อนตัวอยู่ภายในปราสาทตระกูลเฟิงที่ถูกล้อมไปด้วยทหารองครักษ์
ถึงแม้ราชาจิงเจิ้นจะมอบบําเหน็จให้กับตระกูลสตีล แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่หานเซ็นเป็นคนที่ฆ่าสตีลซีน เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีนั้นบอกแค่ว่าพวกเขากําลังทําการสืบอยู่เท่านั้น
เมื่อเห็นว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะจบลงเพียงแค่นั้น เหล่าข้าราชการที่ภาคภูมิในกฎหมายก็ไม่อาจจะนิ่งเฉยได้อีก พวกเขาต่างพากันเขียนจดหมายเพื่อขอให้ราชาจิงเจิ้นตัดสินคดีนี้อย่างถูกต้อง ไม่อย่างนั้นกฎหมายของอาณาจักรก็จะไม่เป็นที่เคารพอีกต่อไป และอาณาจักรก็จะตกสู่ความโกลาหล
มันมีแม้กระทั่งข้าราชการที่มานั่งคุกเข่าอยู่ด้านนอกพระราชวัง พวกเขาพากันตะโกนขอให้ราชาจิงเจิ้นทําตามกฎหมายและจับตัวอาชญากรมาลงโทษ มันเหมือนกับว่าถ้าเขาไม่ฆ่าหานเขินทั้งอาณาจักรก็จะล่มสลาย จดหมายของเหล่าข้าราชการเป็นเหมือนกับหิมะที่ทับถมกันบนโต๊ะของราชาจิงเจิ้น โดยปกติแล้วเขาจะไม่ได้รับจดหมายมากมายขนาดนี้
แต่ทว่าภายในพระราชวังนั้นไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอะไรมากนัก มันมีเพียงแค่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีออกมาให้คําตอบว่าหลังจากที่ได้ทําการสืบสวน พวกเขาพบว่าฆาตกรที่ฆ่าสตีลซีนคือคนอื่นและหานเชิ้นถูกใส่ร้าย
แต่ทุกคนรู้ว่าคดีนี้ไม่ได้ถูกสืบสวนเลยแม้แต่นิดเดียว หานเพิ่นยังคงไม่ถูกไต่สวนและซ่อนตัวอยู่ในปราสาทของตระกูลเฟิง คดีนี้จะจบลงแบบนั้นได้ยังไงกัน?
ภายในชั่วข้ามคืนหานเชิ้นนั้นกลายเป็นตัวร้ายที่ใหญ่หลวงที่สุดของอาณาจักร และองค์รัชทายาทฉินไปก็กลายเป็นองค์รัชทายาทที่โง่เขลาและน่าหัวเราะที่สุดในประวัติศาสตร์
ไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนปลุกระดมเรื่องทั้งหมดนี้ ขุนนางมากมายพากันมารวมตัวที่ปราสาทตระกูลเฟิงเพื่อประท้วง ในอาณาจักรฉินเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสถานการณ์ก็กําลังเลว ร้ายขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ราชาจิงเจิ้นก็ไม่รู้ว่าควรจะทํายังไงกับการประท้วงของเหล่าขุนนางดี
กฎหมายของอาณาจักรฉินนั้นเป็นอะไรที่ไม่เหมือนอาณาจักรอื่นๆ พวกมันเป็นสิ่งที่ทําให้อาณาจักรฉินที่กําลังจะล่มสลายกลับมาเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองอีกครั้ง แต่พวกมันก็เป็นสิ่งที่ทําให้ความรุ่งเรืองของอาณาจักรฉินไปถึงระดับที่สูงยิ่งกว่าไม่ได้
ขุนนางของอาณาจักรฉินนั้นมีอิทธิพลมากเกินไป แม้แต่ราชาจิงเจิ้นก็ไม่อาจจะทําอะไรตามที่เขาต้องการได้ สิ่งที่เขาทําได้นั้นถูกจํากัดอย่างมาก ราชวงศ์นั้นมีวิหารพระเจ้าขั้นแอนนิฮิเลชั่นอยู่สองวิหาร แต่ฝั่งขุนนางเองก็มีอยู่สองวิหารเช่นกัน ราชวงศ์นั้นมียอดฝีมือ แต่ขุนนางนั้นมีเยอะยิ่งกว่ามันมีหลายครั้งที่ราชาจิงเจิ้นจําเป็นต้องยอมต่อขุนนางซึ่งทําให้อาณาจักรฉินนั้นมีสมดุลที่บอบบาง
แต่ครั้งนี้ราชาจิงเจิ้นจะไม่ยอมต่อขุนนาง ไม่สําคัญว่าเหล่าข้าราชการจะส่งจดหมายหรือมาร้องตะโกนหน้าพระราชวังมากสักแค่ไหน ราชาจิงเจิ้นก็จะไม่สนใจ เขาบอกว่าคดีนั้นจบลงเพียงแค่นี้แต่เหล่าขุนนางยังไม่ยอมแพ้ พวกเขายังคงคัดค้านการตัดสินใจของราชาจิงเจิ้น
หานเพิ่นไม่ได้สนใจเรื่องที่เกิดขึ้น เขาซ่อนตัวอยู่ภายในปราสาทตระกูลเฟิงและกินดื่มอย่างสบายใจ
“หานเชิ้น ในตอนที่ข้ากลับไปที่วัง ท่านพ่อจะฆ่าข้าไหม?”
ฉันไปถามด้วยความกลัว เขาคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นกลายเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินไปสําหรับเขา
“ไม่ต้องกังวล” หานเพิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม
“ในเมื่อพระราชาไม่มาจับตัวเจ้าหรือข้า มันก็หมายความว่าเขาอนุญาตให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นฉันไปก็รู้สึกดีขึ้น แต่เขายังคงเป็นกังวล ขุนนางของอาณาจักรฉินนั้นทรงพลังที่สุดในบรรดาอาณาจักรทั้งเจ็ด พวกเขากล้าที่จะเผชิญหน้ากับราชวงศ์ ฉินไปรู้ถึงเรื่องนั้น ด้านนอกยังคงมีขุนนางมากมายล้อมปราสาทตระกูลเฟิง นั่นทําให้เขาเป็นกังวลอย่างมาก
หานเชิ้นได้รับรู้ว่าขุนนางของอาณาจักรฉินนั้นมีอิทธิพลมากถึงขนาดนี้ แม้แต่ราชวงศ์ก็ควบคุมพวกเขาไม่ได้
ครั้งนี้เขาได้ฆ่าสตีลซีน ซึ่งเขาก็คือต้นเหตุของความขัดแย้งระหว่างขุนนางและราชวงศ์จากผลลัพธ์ที่ออกมา มันเห็นได้ว่าราชวงศ์นั้นไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้
เมื่อเห็นเจียงคู่กําลังจดจ่ออยู่กับการทํางาน หานเช่นก็รู้สึกอยากจะต่อสู้กับเขาอย่างมากหานเพิ่นอยากจะเห็นว่ายอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุดของโลกนี้นั้นแข็งแกร่งขนาดไหนกัน
แต่น่าเสียดายที่เจียงคู่บอกว่าเขาจะไม่ต่อสู้อีก เขาจะไม่ตอบโต้ ถึงแม้เขาจะต้องตาย หานเชิ้นไปบังคับอีกฝ่ายไม่ได้
หานเชิ้นคิดว่าเหล่าขุนนางจะสร้างความรําคาญไปอีกสักพัก แต่หลังจากผ่านไปสองวันเหล่าขุนนางที่ล้อมปราสาทตระกูลเฟิงก็หายตัวไป
“นี่พวกเขาไร้ความอดทนถึงขนาดนั้นเลยหรอ?” หานเช่นคิดว่าการหายตัวไปของเหล่าขุนนางนั้นเป็นอะไรที่แปลก ในช่วงเวลาที่เขาอาศัยอยู่ในอาณาจักรฉิน เขารู้ว่าเหล่าขุนนางไม่ควรจะยอมถอนตัวไปง่ายๆแบบนั้น
เชิงเฟยเฟยให้คนของเธอออกไปสืบข่าวและพบว่าระบบโกลด์คริสตัลมีแสงที่ไม่มีที่สิ้นสุดปรากฏขึ้นมามันปกคลุมทั้งระบบจักรวาลและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นดวงอาทิตย์สีรุ้ง
ทุกคนรู้ว่านี่เป็นปรากฏการณ์ประหลาดของชีพจรพระเจ้าขั้นสุดยอด ด้วยเหตุนั้นเหล่าขุนนางจึงไม่มีเวลาจะมายุ่งอยู่กับหานเซ็น พวกเขาต่างพากันมุ่งหน้าไปที่ระบบโกลด์คริสตัลเพื่อขุดหาไข่ยื่น
ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์ของบอลด์กาย มิสเตอร์เวยที่เป็นมิสเตอร์อันดับหนึ่งของอาณาจักรฉินได้ คํานวณว่าชีพจรพระเจ้าที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดนี้ได้ก่อตัวเป็นโลหิตชีพจรเทพสปิริ ตระดับสูงเรียบร้อยแล้ว
นี่ทําให้เหล่าขุนนางต่างรีบพากันมุ่งหน้าไปที่นั่น ถ้ามันเป็นโลหิตชีพจรเทพสปี ริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นและพวกเขาได้มันมา อิทธิพลของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้โลหิตชีพจรเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นมันก็ยังคงมีไข่ยืนอีกมากมาย
“ไม่คิดจะมีชีพจรพระเจ้าที่ใหญ่โตขนาดนั้นมาก่อน เราควรจะไปดูมัน”
หานเซินรู้ว่าเหล่าขุนนางจะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ แต่เขาก็ไม่อยากจะซ่อนตัวอยู่ในปราสาทตระกูลเฟิงไปตลอด หลังจากที่เขาได้เห็นพลังของราชครูเทาซันด์ไมล์รีช เขาก็คิดว่าการได้โลหิตชีพจรเทพสปิริตหรือไข่ยืนที่ทรงพลังมานั้นถือเป็นเรื่องดี พวกมันจะช่วยให้เขาบรรลุสิ่งที่ต้องการ
เพราะยังไงซะการจะฝ่าฝืนกฎของโลกก็เป็นอะไรทําให้เขาสูญเสียพลังมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาคงจะทําแบบนั้นเป็นเวลานานไม่ได้
ในเมื่อเหล่าขุนนางได้ถอนตัวไปแล้ว หานเชิ้นจึงส่งฉินไปกลับไป เขาไม่ต้องการให้ฉันไปติดตามเขาไปไหนมาไหน เพราะถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น มันจะเป็นเรื่องยากที่เขาจะกลับมาที่เมืองกํา แพงหยกในอนาคต
มิสเตอร์หยางและเจียงชื่อกับลูกของเธอจําเป็นต้องดูแลร้านขายของออนไลน์ ทําให้พวกเขาไปกับหานเพิ่นไม่ได้ เจียงปู่ภู่เองก็เช่นกัน เขาต่อสู้ไม่ได้ หานเช่นนั้นพร้อมจะไปคนเดียว แต่หลี่ปิงหยุยืนกรานจะไปกับเขาด้วย หานเชิ้นก็ไม่ได้ปฏิเสธ
หานเช่นไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับจักรวาลนี้มากนัก การมีคนที่รอบรู้ไปด้วยถือเป็นอะไรที่มีประโยชน์พวกเขาใช้เครื่องเทเลพอร์ตเพื่อไปที่ชายแดนของระบบโกลด์คริสตัล ที่นั่นพวกเขาได้เห็นดวงอาทิตย์สีรุ้งขนาดยักษ์บนท้องฟ้า ถึงแม้มันจะอยู่ห่างไกลออกไป แต่พวกเขาก็ยังเห็นมันได้อย่างชัดเจน
หานเพิ่นรู้ว่านั่นไม่ใช่ดวงอาทิตย์จริงๆ มันเป็นระบบจักรวาลขนาดใหญ่ ซึ่งแสงที่ส่องออกมานั้นสว่างเกินไปทําให้มันดูเหมือนกับดวงอาทิตย์