Telesma - ตอนที่ 7
พอพวกเราเดินออกมาจากเรือนกระจกก็พบกับกำแพงไม้พุ่มสูงลับหัวที่ล้อมรอบภายนอกของเรือนกระจกแห่งนี้อยู่ และมันก็มีทางเดินอยู่หนึ่งเส้นทางที่ตัดเข้ามายังเรือนกระจก
อืม…เรือนกระจกค่อนข้างสูงกว่ากำแพงพวกนี้อยู่พอตัวเลยแฮะ ลองปีนขึ้นไปดูข้างบนดีกว่า
“เฮ้! แกจะทำอะไรน่ะ!” เลออนตะโกนขึ้นมาระหว่างที่ฉันกำลังปีนขึ้นไปตามรอยต่อของเรือนกระจก
“ตาบอดรึไง ก็เห็นอยู่นี่ว่าฉันกำลังปีนอยู่”
“ตกลงมาขาหักฉันไม่รู้ด้วยนะ”
“รู้แล้ว…น่า ฮึบ…ฟี้ว~”
พอฉันปีนขึ้นมาถึงข้างบนหลังคาของเรือนกระจกก็พบว่าที่นี้ถูกล้อมรอบด้วยเขาวงกตที่มีเส้นทางที่ค่อนข้างซับซ้อน และตามทางเดินเองก็มีหลายจุดที่เชื่อมกับส่วนที่เป็นวงกลมที่มีขนาดแตกต่างกันอยู่ สุดท้ายถัดจากเขาวงกตออกไปไม่ไกลก็คืออาคารฝึกยุทธวิธีที่น่าจะเป็นสนามประลองหลักของการสอบรอบสุดท้ายนี้
“ข้างบนเป็นไงมั่ง” เลออนตะโกนขึ้นมาอย่างสุดเสียง
“อ่า กำลังหาทางออกอยู่รอแป๊บนึง”
ระหว่างที่กำลังกวาดสายตาเพื่อวิเคราะห์เส้นทางที่สามารถพาพวกเราออกไปได้เร็วที่สุดอยู่นั้นก็ได้พบกับร่างของเด็กสาวผมสีน้ำเงินอมเทาที่ฉันคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี โลล่าและเด็กสาวอีกหนึ่งคนกำลังวิ่งควบคู่กันอยู่
ดูเหมือนว่ายัยนั่นเองก็กำลังหาทางออกอยู่เหมือนกันสินะ
และพอหันไปที่อีกฟากหนึ่งของทางที่พวกโลล่ากำลังวิ่งไปอยู่ฉันก็พบกับนักเวทฝึกหัดอีกคู่นึงที่กำลังวิ่งเข้าไปเหมือนจะปะทะกับยัยพวกนั้น
พอเห็นแบบนั้นแล้วฉันก็หยิบคทาเวทขึ้นมาและร่ายพรแห่งสายลมไปที่ลูกศรทั้ง 2ดอกที่อยู่ในมือ พร้อมกับเล็งคันธนูไปยังนักเวทฝึกหัดคู่นั้น
ขอโทษทีนะ แต่คนที่จะล้มยัยนั่นได้มีแค่ฉันเท่านั้นแหละนะ
ลูกศร2 ดอกในหนึ่งลมหายใจ
“ฮึบ”
ลูกศรทั้ง 2ดอกถูกปล่อยและพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่สูงมากจนไม่น่าเชื่อว่าพวกมันถูกยิงออกไปจากธนูสั้น และภายในชั่วอึดใจก่อนที่ทั้ง 2ฝ่ายกำลังจะเข้าปะทะกันลูกศรทั้ง 2ดอกนั้นก็ปักเข้าไปยังจุดตายของนักเวทฝึกหัดคู่นั้นในทันที
[ตกรอบ 1คู่จากการโดนยิงด้วยธนู เหลือผู้เข้าสอบอีก 7คู่ ] เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่นักเวทฝึกหัดคู่นั้นล้มลง
ดูเหมือนว่าโลล่าเองก็ยังตะลึงอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้สินะ งั้นก็รีบไปก่อนที่จะโดนเห็นตัวดีกว่า
“เสียงประกาศเมื่อกี้…หรือว่านั่นฝีมือแกหรอ!” เลออนตะโกนขึ้นมาถาม ระหว่างที่กำลังปีนกลับลงมาข้างล่าง
“มั้งนะ ใครจะไปรู้ล่ะ”
พอลงมาถึงพื้นฉันก็หยิบคทาเวทขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มร่ายเวทลงไปยังดาบไม้ของฉัน
“แล้ว…นั่นแกกำลังทำอะไรน่ะ”
“อินวิซิบิเลีย”
“อินอะไรนะ?” เลออนพูดขึ้นระหว่างที่สายลมค่อยๆ มารวมตัวที่ดาบของฉัน และไม่นานนักดาบไม้เล่มนั้นก็ได้หายไปจากสายตาของด็กหนุ่ม
“หายไปแล้ว! ทำได้ไง”
“สายลมล่องหน เป็นเวทที่ทำให้สายลมเข้าปกคลุมดาบทั้งเล่มจนกลายเป็นกลายเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ”
“ทำให้ฉันมั่งสิ ถ้าเป็นแบบนี้เราคงชนะได้ไม่ยากแน่”
ฉันยื่นคทาที่มีวงเวทล้อมรอบอยู่ให้เลออนดู มันเป็นวงเวทที่มีความซับซ้อนมากพอที่จะเทียบเท่าเวทระดับ 4ได้ไม่ยาก
“ร่ายได้ก็เอาเลย เพราะแค่ของฉันตอนนี้ก็เต็มทนแล้ว”
“ถ้าจะขนาดนี้ก็ขอผ่านดีกว่า… แล้วแกแน่ใจนะว่ามันไม่ผิดกฎน่ะ”
“ฉันเคยลองใช้กับพวกที่มีเมจซีกเกอร์อยู่แล้วก็พบว่าพวกนั้นจะไม่มีทางรู้ว่านี่คือเวทอะไรและเป็นเวทระดับไหน… ก็ถ้าไม่ทำอะไรโผล่งผล่างมากอ่ะนะ….”
“ก็ถ้าว่างั้นฉันก็คงขัดอะไรไม่ได้… แล้วเรื่องทางออกล่ะว่าไง”
“งั้นก็ตามมา”
ฉันวิ่งนำทางเลออนและด้วยความสามารถของฉันก็เลยทำให้พวกเราสามารถวิ่งกันได้อย่างสะดวกและรวดเร็วจนแทบจะไร้ที่ติจนกระทั่งเราต้องเข้าปะทะกับนักเวทฝึกหัดอีกคู่หนึ่ง
“อิกนิส กลาเดียส! จีโอ สไปกา! เฟลมม่า ชิอัส! จีโอ ฮัซตา!” นักเวทฝึกหัดร่ายเวทโจมตีใส่พวกเราอย่างต่อเนื่องแต่ก็ไม่ได้เป็นผลอะไรเพราะดาบล่องหนของฉันมันไม่ได้มีดีแค่มองไม่เห็นหรอกนะ
เพียงแค่ฉันตวัดดาบขึ้นกำแพงสายลมก็ปรากฏขึ้นจากพื้นดินและปัดการโจมตีของนักเวทฝึกหัดคู่นั้นทิ้งทั้งหมด
“เลออน!”
“รู้แล้วน่า!!” พอสิ้นเสียงเลออนก็กระโดดออกไปและจัดการกับนักเวทฝึกหัดที่กำลังอ้ำอึ้งอยู่ด้วยความรวดเร็ว
“ยังไม่ยอมแพ้หรอกน่าา!” นักเวทฝึกหัดอีกคนวิ่งเข้ามาหาฉันพร้อมกับชักดาบออกมา
“อิไอ!”
มือทั้งสองข้างกำดาบล่องหนไว้แน่นและฟาดลงไปที่หัวของนักเวทฝึกหัด สายลมจากดาบกระแทกเข้าปะทะกับใบหน้าของเด็กคนนั้นอย่างแรงจนทำให้เด็กคนนั้นหมดสติและล้มพับไปในที่สุด
[ตกรอบ 1คู่จากการต่อสู้ระยะประชิด เหลือผู้เข้าสอบอีก 5คู่]
? เหลือ 5คู่งั้นหรอ
“สะดวกดีแฮะ ดาบล่องหนนั่นน่ะ”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก”
“แล้วอีกไกลมั้ยกว่าจะถึงทางออก”
“อืม….ไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ว่านะ….”
ฉันอธิบายแผนการและความเป็นไปได้ที่จะโดนดักโจมตีตรงทางออกให้เลออนฟัง ในตอนแรกเด็กหนุ่มก็ยังมีข้อกังขากับแผนของฉันอยู่ แต่ไม่นานนักหมอนี่ก็ตัดสินใจที่จะทำตามแผนของฉัน
“แกแน่ใจนะว่าจะได้ผล” เลออนถามฉันอีกครั้งระหว่างที่พวกเรากำลังใกล้ถึงทางออก
“ต่อให้ไม่ได้ผลมันก็ไม่เสียหายอะไรหรอกน่า”
“ไฟมา!” ฉันยื่นลูกธนูไปข้างหลังเพื่อให้เลออนร่ายเวทไฟใส่
“เรียบร้อย”
ยกเลิกสายลมล่องหนและทำการร่ายพรแห่งสายลมแบบดัดแปลง
“สเตลล่าา!”
ศรเพลิงพุ่งออกไปจากคันธนู แผดเผากำแพงไม้พุ่มที่อยู่รอบข้างจนไหม้เกรียมไปจนถึงปากทางออก
“นำไปเลย”
“โอ้ว!” เลออนวิ่งนำหน้าไปตามแผนที่พวกเราวางกันไว้
อินวิซิบิเลีย
สายลมค่อยๆ กลับมารวมตัวที่ดาบอีกครั้งหนึ่ง
ถ้าเป็นไปตาแผนที่วางไว้อีกฝ่ายจะเสียหลักเพราะตกใจกับลูกศรเพลิงที่ถูกยิงออกไปเมื่อกี้อยู่ พอเป็นแบบนั้นก็ให้เลออนกระโจนเข้าไปจัดการ ถ้าจัดการได้ทั้ง 2คนเลยก็ดี หรือต่อให้จัดการได้แค่คนเดียวก็ดี เพราะยังไงฉันก็กะจะจัดการเองอยู่แล้วล่ะนะ
พอฉันวิ่งมาจนถึงปลายทางก็พบกับร่างของเลออนที่ยืนหอบอยู่ที่ปากทางออก
“เป็นไงมั่ง”
“ไม่…ไม่มีคนเลย…” เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงหอบ
“…งั้นหรอ”
หมายความว่าพวกเรามาถึงเป็นกลุ่มแรกงั้นหรอ? อืม…เป็นไปได้
“แล้ว..จะเอา…ไงต่อ…”
“ไปพักก่อนไป ถ้าขืนเดินต่อกันทั้งแบบนี้มีหวังนายได้สลบกลางทางแน่ เดี๋ยวฉันจัดการที่เหลือเอง”
“อ่า…ฝากด้วย…”
พอพูดจบเด็กหนุ่มเดินไปนั่งพักบริเวณใต้ต้นไม้ใกล้ๆ กับคฤหาสน์เก่าที่เป็นอาคารฝึกยุทธวิธี
จะว่าไปเราจำได้ว่าที่นี่ไม่เคยมีเขาวงกตแบบนี้นะ แถมตอนที่เดินเข้ามาก็ค่อนข้างมั่นใจเลยด้วยว่าเดินเป็นทางตรงเข้ามา พวกผู้คุ้มสอบสร้างมันขึ้นมางั้นหรอ? คงงั้นล่ะมั้ง เพราะถ้าจะให้ต่อสู้ในตัวอาคารเลยมันก็คงจะวุ่นวายเกินไป
เอาเถอะ ไม่ว่าแบบไหนฉันก็ชนะได้ทั้งนั้นนั่นแหละนะ
หลังจากนั้นสักพักฉันเดินกลับมาตรงต้นไม้ที่เลออนนั่งพักอยู่
“หายเหนื่อยรึยัง”
“อ่า ก็ระดับนึง”
“งั้นก็พักให้เต็มที่ซะ ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ มันจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี”
“จะว่าไปเมื่อกี้แกตะโกนว่าสเตลล่าใช่ปะ”
“ก็…ใช่…”
“ถามจริง?! ฮ่าๆ สเตลล่าเนี่ยนะ โคตรขำเลย ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าตะโกนคำนั้นระหว่างที่ยิงธนูออกไปเลย”
…..╬
“ถ้าปากมากได้ขนาดนี้ก็หมายความว่าหายเหนื่อยแล้วสินะ งั้นฉันไปล่ะ”
“ดะ เดี๋ยวซี่ แค่นี้ไม่เห็นต้องเดินหนีเลยนี่! ฉันแค่ไม่คิดว่าคำๆ นั้นมันจะออกมาจากปากแกได้เท่านั้นเอง…” เลออนพูดระหว่างที่กำลังลุกขึ้นยืน
“อย่าทำเป็นรู้ดีเกี่ยวกับฉันไปหน่อยเลย”
“ฉันคงจะมองแกผิดไปนิดหน่อยแหละนะ ไปกันเถอะ”
ไม่หน่อยอ่ะ เยอะเลยแหละ
พวกเราเดินเข้ามาในคฤหาสน์กันผ่านทางประตูหลังซึ่งเป็นประตูที่ใกล้พวกเรามากที่สุด
“ระวังด้วย”
“อ่า”
ดูเหมือนว่าทางที่พวกเราเข้ามาจะเป็นแถวห้องพักคนรับใช้เก่าที่ตอนนี้ก็กลายเป็นแค่ห้องธรรมดา
“แล้วเอาไงต่อล่ะ”
“เข้าไปดักรอในห้องหรือจะเดินดุ่มๆ ไปจนถึงโถงต้อนรับเลยล่ะ”
“พอมีอยู่ที่นึงที่น่าจะเหมาะกับพวกเราอยู่ ตามมาสิ”
ฉันนำทางเลออนไปยังสถานที่ ที่พวกเราน่าจะได้เปรียบในการต่อสู่มากที่สุดนั่นก็คือห้องอาหาร เพราะว่าที่นี่คือคฤหาสน์ของดยุคเก่าทำให้ต้องมีห้องอาหารขนาดใหญ่สมฐานะอยู่ การกวัดแกว่งดาบที่มีความยาวเกือบเท่าบำตัวจำเป็นต้องใข้พื้นที่มากพอประมาณ
“แกนี่รู้ทางที่นี่ดีจังเลยนะ”
“ไม่มีที่ไหนในกรมทหารที่ฉันไม่เคยไปหรอกนะ ถึงตอนนั้นจะแค่มาดูพวกทหารเขาซ้อมรบก็เถอะ”
“สมกับเป็นคนขี้โกงจริงๆ เลยนะ”
อันนี้ฉันก็คงเถียงอะไรไม่ได้หรอกนะเพราะมันก็เป็นความจริงที่ว่าคนที่รู้จักสถานที่ย่อมได้เปรียบเสมอ
“ถึงแล้ว ที่นี่แหละ”
พวกเรามาหยุดอยู่ตรงประตูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในคฤหาสน์ ตรงบานประตูถูกแกะสลักด้วยลวดลายของชนเผ่าทางตอนเหนือและข้างบนสุดของประตูก็เป็นตราประจำตระกูลของอดีตเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้
“ที่นี่หรอ? ประตูบานใหญ่ชะมัด สมกับเป็นคฤหาสน์เก่าเลยแฮะ” เลออนพูดพร้อมกับเอามือทาบไปที่ประตูพร้อมกับชื่ชมลวดลายอันสวยงามของประตูบานนี้
“เปิดสิ”
“ให้ฉันเป็นคนเปิดจะดีหรอ?”
“โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ หรอกนะ”
“งั้นฉันเปิดล่ะนะ”
แอ๊ดด
ประตูบานยักษ์ทั้ง 2บานถูกเปิดออก เผยให้เห็นภายในของห้องอาหาร
มันเป็นโถงกว้างที่มีโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางที่ถูกรายล้อมด้วยเก้าอี้จำนวนนับไม่ถ้วน ทางด้านซ้ายของห้องคือกระจกบานใหญ่ที่เรียงแถวยาวจนสุดขอบห้องเผยให้เห็นวิวจากข้างนอกของคฤหาสน์แห่งนี้ ทางด้านฝั่งขวาของห้องมีระเบียงที่ต้องเข้าจากประตูทางข้างบนจึงจะสามารถเข้ามาได้ และบนฝาเพดานห้องก็มีโคมไฟหรูขนาดใหญ่ห้อยอยู่
“นี่ขนาดของที่ถูกตกแต่งถูกขนออกไปหมดแล้วนะเนี่ย ไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนที่ยังเป็นคฤหาสถ์ปกติอยู่จะดูดีขนาดไหน” เลออนดูจะตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของห้องอาหารเป็นอย่างมาก
หมอนี่เองก็มีมุมที่แปลกๆ เหมือนกันนะเนี่ย
ฉันปิดประตูห้องอาหารและเตรียมสถานที่ให้พร้อมกับการต่อสู้ที่จะมาถึงในอีกไม่นาน
อย่างน้อยๆ ก็ไม่อยากให้ของพวกนี้มันเสียหายอ่ะนะ….
[ตกรอบ 1คู่จากการต่อสู้ระยะประชิด เหลือผู้เข้าสอบอีก 3คู่ ] เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้งนึง
“มีอะไรงั้นหร-” อยู่ๆ ก็มีของเสียงเด็กผู้หญิงดังมาจากข้างนอก
เสียงคุ้นๆ นะ หรือว่ายัยนั่นมาถึงที่นี่แล้วงั้นหรอ?
(นาคาซ) เลออนหันมากระซิบกับฉัน
ดูเหมือนว่าหมอนี่ก็จะได้ยินเหมือนกับเราสินะ
(ไปแอบก่อน เดี๋ยวฉันรับหน้าเอง)
เลออนให้สัญญาณมือตอบกลับมาพร้อมกับหาที่ซ่อนโดยเร็วที่สุด และทันใดนั้นเองเสียงของบานประตูก็ดังขึ้น
แอ๊ดดด
ประตูบานถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างของเด็กสาว 2คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู
เด็กสาวผิวแทนที่ดูเงียบขรึมมากประสบการณ์ และเด็กสาวผมสีน้ำเงินอมเทาแห่งลูน่าไชน์ยืนอยู่ข้างหน้าของฉันพร้อมกับกำอาวุธในมือไว้แน่น
(อึฮึ่ม) “ปล่อยให้ฉันรอซะนานเลยนะ โลล่า”
_______________________________________