The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.14 เอาตัวรอดสุดชีวิต 2
จากนั้น ฮว๋าหวันเดินไปทางฉู่เหยา จับคางนางไว้แน่น แล้วยิ้มชั่วร้าย “แม่นางคนสวย ข้าไม่อยากให้เจ้าตายเลยจริงๆ มาเถอะ ให้ข้าได้เชยชมเจ้าก่อนสักหน่อย”
พูดเสร็จฮว๋าหวันก็ก้มหน้าหวังจุมพิตฉู่เหยา นางดิ้นสุดชีวิตเพื่อที่จะเป็นอิสระ ทว่าฝ่ามือของฮว๋าหวันแข็งแกร่งราวกรงเล็บเหยี่ยว หมดทางสลัดหลุด ถ้าว่ากันเรื่องพละกำลัง เกรงว่าฮว๋าหวันจะแข็งแรงกว่าฉู่เหยามากโข ดูท่าที่ลือกันว่า คุณชายฮว๋าหวันไม่เพียงสำเร็จวิชาปรุงโอสถ แม้แต่ด้านการต่อสู้ก็เป็นถึงวิญญาณสงครามระดับที่ยี่สิบเก้า จะเป็นเรื่องจริง
ขณะที่ฮว๋าหวันกำลังจะลงมือสำเร็จ จู่ๆ นัยน์ตาเหยี่ยวก็ยิ้มเยาะมาแต่ไกล “นายน้อย อย่ามัวแต่หาความสุข ถ้าพยัคฆ์กระหายเลือดอยู่แถวนี้ ข้าเกรงว่าก่อนที่ท่านจะถอดอาภรณ์เสร็จ ท่านอาจตายไปแล้วก็ได้ ข้ากับพี่น้องของข้าต้องวางกับดักและขุดหลุมพราง นายน้อยโปรดออกไปก่อน”
ฮว๋าหวันหันกลับมา สีหน้าไม่พอใจ เขากัดฟันกรอดพูดกับฉู่เหยา “แม่นางคนสวย เจ้าจะต้องมีชีวิตรอดมาให้ได้ เพียงเจ้ารอดมาได้ ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นกลเม็ดบนเตียงของข้า!”
ฉู่เหยาร้องไห้ไป ปากก็ถ่มน้ำลายออกมา “ไอ้เดรัจฉาน ไอ้ชาติชั่ว!”
ฮว๋าหวันไม่ได้ใส่ใจ และเดินจากไปพร้อมเสียงหัวเราะ
ไม่ไกลออกไป นัยน์ตาเหยี่ยวสั่งการให้พวกทหารรับจ้างซุ่มโจมตี รถยิงหินขนาดใหญ่สองคันถูกซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ เล็งเป้าไปทางหลินมู่อวี่และฉู่เหยา เพื่อสังหารพยัคฆ์กระหายเลือดพวกเขาเหมือนคนบ้าไปแล้ว อย่างเช่นถ้ารถยิงหินทำงาน เกรงว่าหลินมู่อวี่และฉู่เหยาก็จะสิ้นชีพไปด้วย แถมยังมีมือธนูซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ พร้อมรับคำสั่งตลอดเวลาอีกด้วย
ในฐานะที่นัยน์ตาเหยี่ยวเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มทหารรับจ้างเหยี่ยวเพลิง เขาถือขวานศึกไว้ในมือ นั่งอยู่บนกิ่งของต้นไม้ที่อยู่ด้านข้าง มองดูรอบบริเวณอย่างใจเย็น นัยน์ตาเหยี่ยวออกคำสั่งทันทีที่เตรียมการเสร็จ
“ทุกคนเตรียมซุ่มโจมตี ก่อนที่พยัคฆ์กระหายเลือดจะปรากฏตัว ห้ามเคลื่อนไหวแม่แต่น้อย ใครกล้าขยับ ขวานในมือข้าจะบั่นศีรษะมันผู้นั้นแน่นอน” นอกจากนี้ยังมีกลุ่มทหารรับจ้างอีกกลุ่มหนึ่งกำลังถือคันธนูและลูกธนูพร้อมซุ่มโจมตีจากภายในพุ่มไม้ รอคำสั่งตลอดเวลา
ลมเย็นพัดผ่าน เหลือแค่หลินมู่อวี่และฉู่เหยาที่ถูกมัดอยู่กับต้นไม้ใหญ่
“อาอวี่ บาดแผลของเจ้า…” ฉู่เหยาถามทั้งน้ำตา
หลินมู่อวี่แสร้งทำท่าทางสบายๆ ยิ้มพูด “ข้าไม่เป็นไร พี่ฉู่เหยา ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ปากแผลเลือดหยุดไหลแล้ว ไม่เป็นไร”
แต่จริงๆ แล้ว เลือดยังคงไหลอยู่ ถึงขั้นที่เขารู้สึกตาลาย นัยน์ตาเหยี่ยวเป็นใคร มันเป็นถึงทหารรับจ้างฆ่าคน แน่นอนว่า มันรู้ว่าต้องฟันตรงไหนถึงจะทำให้เลือดไหลออกมาไม่หยุด พริบตาเดียว แขนขวาของหลินมู่อวี่ก็แดงฉานไปด้วยเลือด
ผ่านไปหนึ่งชั่วยามอย่างรวดเร็ว พยัคฆ์กระหายเลือดก็ยังไม่ปรากฏตัว
“พี่ฉู่เหยา?”
หลินมู่อวี่เขย่าเชือก แล้วพูด “พี่ฉู่เหยา อย่าเพิ่งหลับ ฟังข้าพูด อย่ายอมแพ้เด็ดขาด”
ฉู่เหยาร้องไห้จนน้ำตาแห้งเหือดไม่เหลือแล้ว “อือ ข้าฟังเจ้าอยู่ อาอวี่ เจ้าพูดเถอะ”
หลินมู่อวี่พูด “อีกเดี๋ยวถ้าพยัคฆ์กระหายเลือดปรากฏตัว ท่านอย่าได้ตื่นตระหนก ฟังสัญญาณจากข้า เมื่อข้าพูดว่าย่อ ให้ท่านย่อตัวลงทันที จากนั้นหนึ่งวินาทีกระโดดขึ้นพร้อมกับข้า นี่เป็นทางรอดชีวิตทางเดียวของเราสองคน ท่านเข้าใจไหม”
ฉู่เหยางงงัน “ทำ…แบบนี้จะช่วยได้หรือ”
“ท่านเชื่อข้าหรือไม่”
“อืม…” ฉู่เหยาพยักหน้าเล็กน้อย
“ถ้าเช่นนั้นทำตามที่ข้าพูด”
“ตกลง…”
หลินมู่อวี่ไม่ได้อธิบายว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้ ความจริงก็ไม่มีทางอธิบายเหมือนกัน เพราะว่าจริงๆ แล้ว หลินมู่อวี่รู้จักพยัคฆ์กระหายเลือด มันเป็นบอสเลเวล 100 ในเกมผู้พิชิต มันเป็นเจ้าแห่งพงไพรนี้ ตอนนั้นผู้เล่นหลายคนถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ต้องลงทะเบียนอยู่หลายครั้งกว่าจะสังหารพยัคฆ์กระหายเลือดได้ ถ้าเช่นนั้นในโลกที่มีสมุนไพรอย่างหญ้าไหมเงิน ดอกสาลี่เหล็ก เหมือนกับในเกมทุกอย่างนี้ บางทีสัตว์ประหลาดอาจจะเหมือนกันด้วยก็ได้
พยัคฆ์กระหายเลือดขึ้นชื่อเรื่องความเร็วและพลังการโจมตี แต่มันยังคงมีการเคลื่อนไหวที่เป็นเอกลักษณ์ การโจมตีครั้งแรกของพยัคฆ์กระหายเลือดคือการตวัดกรงเล็บ โดยจะจู่โจมที่ศีรษะของเหยื่อ ดังนั้นมันจึงมีฉายาว่า ‘จอมปลิดศีรษะ’
ถ้าสามารถหลบหลีกการจู่โจมครั้งแรกของพยัคฆ์กระหายเลือดได้ ด้วยพลังของสัตว์วิญญาณอายุสี่พันปีตัวนี้ จะต้องกระชากต้นไม้นี้ออกเป็นสองส่วนได้แน่ ส่วนเชือกที่มัดเอวอยู่ ก็ไม่ได้แน่นมาก ทั้งสองคนกระโดดขึ้นพร้อมกันเพื่อให้เชือกเลื่อนขึ้นไปด้านบนและหลุดออก มีเพียงวิธีนี้วิธีเดียว ถึงแม้จะอันตราย แต่หลินมู่อวี่ก็ไม่มีแผนอื่นแล้วจริงๆ จึงได้แต่ต้องเสี่ยง
“โฮกกกกก”
มันไม่ปล่อยให้คนรอนานเลยจริงๆ เสียงคำรามดังมาแต่ไกล สะเทือนไปทั้งภูเขา พยัคฆ์คือราชันแห่งพงไพร แถมตอนนี้ยังเป็นสัตว์วิญญาณทรงพลังอายุสี่พันปีอีกด้วย ความน่าเกรงขามนี้ทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน
“มาแล้ว….”
หลินมู่อวี่พูดเสียงเบา “พี่ฉู่เหยา เตรียมพร้อมนะ!”
“อือ!”
ฉู่เหยาหยุดร้องไห้แล้ว กฎแห่งธรรมชาติผู้อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง นางเข้าใจดี จะต้องแข็งแกร่งขึ้นด้วยตนเอง มิเช่นนั้นก็คงไม่มีใครมาช่วยให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นหรอก
นัยน์ตาเหยี่ยวลุกขึ้นยืนทันที มือจับขวานศึก พูดเสียงต่ำว่า “ทุกคนเตรียมพร้อม!”
“โฮกกก”
เสียงคำรามของพยัคฆ์ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คลื่นลมปราณที่รุนแรงแล่นไปทั่วผืนป่า ไกลออกไป พยัคฆ์ร้ายขนสีแดงเพลิงทั้งตัวปรากฏกายขึ้นบนเทือกเขา เหนือหัวของมันมีสีทองสี่เส้นส่องสว่างอยู่ใต้แสงอาทิตย์ กลิ่นอายดุร้ายปกคลุมจนน่าเกรงขาม สายตาที่ไร้แววปรานีจับจ้องไปที่หลินมู่อวี่ที่ถูกมัดติดอยู่กับต้นไม้
หลินมู่อวี่วิเคราะห์จากความเร็วและระยะห่างของพยัคฆ์กระหายเลือด พูดขึ้นทันที “พี่ฉู่เหยา ก้ม!”
จังหวะที่ทั้งสองคนย่อตัวลง กรงเล็บของพยัคฆ์กระหายเลือดวาดออกมา ต้นไม้ใหญ่หักครึ่งพอดี วินาทีที่เศษไม้กระจัดกระจายปลิวว่อน หลินมู่อวี่พลันตะโกนขึ้นว่า “กระโดด!”
ทั้งคู่กระโดดขึ้นเบาๆ เชือกอยู่เหนือส่วนที่ถูกตัด ขณะเดียวกันก็มีเสียง “ฟิ้ว” ดังมาจากที่ไกล รถยิงหินเริ่มจู่โจม!
หลินมู่อวี่ไม่มีเวลาคิดเรื่องความเจ็บปวดที่แขน เขารีบโผเข้าใส่ฉู่เหยา กอดนางไว้แล้วกลิ้งเข้าพงหญ้าไปด้วยกัน ที่ตามมาข้างหลังคือเสียง “ฟุ่บๆๆ ” ลูกธนูความยาวราวหนึ่งเมตรที่ยิงใส่ร่างพยัคฆ์กระหายเลือดกระเด้งออกมา ขนของมันเหมือนเข็มเหล็ก พลังการป้องกันต้องเหนือกว่าสัตว์ป่าธรรมดาๆ แน่นอน
“โยนตาข่าย!”
นัยน์ตาเหยี่ยวร้อนใจ จับขวานศึกได้ก็พุ่งออกไป