The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - Ep.279 แลกเปลี่ยนผลประโยชน์
ตลอดช่วงเช้า เจ้าแอปเปิลน้อยกินหมาป่าวาโยและหมีหนามกว่าสิบตัว จนในที่สุดเส้นสีเทาสิบเส้นบนหน้าผากก็กลายเป็นสีเงิน ซึ่งเป็นหลักฐานว่ามันพัฒนาเป็นสัตว์วิญญาณอายุหนึ่งร้อยปีแล้ว แม้ตอนนี้ยังแข็งแกร่งได้มาก ทว่ามันยังสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกอย่างไม่มีขีดจำกัด
เจ้ามังกรเข้ามาพันขาหลินมู่อวี่ก่อนจะนอนอาบแดดอย่างเกียจคร้าน
ฉินอินลูบหัวมันพลางกล่าว “ดูเหมือนเช้านี้คงถึงขีดจำกัดในการดูดซับพลังยุทธ์แล้ว มันจำเป็นต้องย่อยอาหารเพื่อให้กินสัตว์วิญญาณตัวอื่นเพื่อพัฒนาพลังยุทธ์ต่อได้”
“อืม”
หลินมู่อวี่พยักหน้า เขามีพันธสัญญากับมังกร ทำให้สามารถสัมผัสถึงความอิ่มได้จากจิตของมัน อย่างไรก็ตามเจ้าแอปเปิลน้อยนั้นโตไวมาก…อาหารในท้องคงอยู่ได้ไม่นาน มันต้องการกินอีกมาเพื่อพัฒนาพลัง หลินมู่อวี่คงต้องทนลำบากสักหน่อยเพื่อให้เด็กน้อยตนนี้ได้ฝึกฝน
พวกหลินมู่อวี่หยุดพักทานอาหารเที่ยงง่ายๆ ก่อนจะเริ่มทำการออกล่าต่อช่วงบ่าย
ดูเหมือนฉินอินและถังเสี่ยวซีจะเริ่มหมดสนุกกับการล่าสัตว์ ทว่าให้ไปให้ความสนใจกับการพัฒนาสัตว์เลี้ยงของตนมากกว่า หมาป่าวาโยสีทองของฉินอินยังคงไล่กินศพสัตว์อสูรอย่างต่อเนื่อง แม้จะชักช้าแต่ก็ยังเห็นการเติบโต อันที่จริงหลินมู่อวี่ค่อนข้างคาดหวังในตัวของมัน หากหมาป่าของฉินอินพัฒนามากกว่าห้าปี คงพอปกป้องเจ้าของมันได้
แตกต่างจากเจ้าแอปเปิลน้อยที่คุ้มค่าสมการรอคอย ในครึ่งบ่ายมันไล่กินซากศพอีกมากและพัฒนาจนมีอายุสองร้อยปี!
…
ตามคำแนะนำของหลินมู่อวี่ ฉินอินตัดสินใจอยู่ในเขตล่าสัตว์ของป่าล่ามังกรนี้อีกสองวัน
อย่างที่คาด วันต่อมาเจ้าแอปเปิลน้อยยิ่งกินจุมากขึ้น ในตอนเช้ามันกินสัตว์อสูรเข้าไปหลายร้อยตัวราวกับงูตะกละ กระทั่งช่วงเที่ยงวัน…เจ้ามังกรก็ส่งเสียงร้องแปลกๆ ออกมา เส้นสีเงินห้าเส้นค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนหัว!
“ห้าร้อยปี!”
ถังเสี่ยวซีกระโดดจากม้าและลงไปนั่งข้างมังกร “เจ้าแอปเปิลน้อยเป็นอะไรหรือไม่ มันดูเจ็บปวด…”
หลินมู่อวี่ที่สัมผัสได้ถึงพลังที่เปลี่ยนไปของมังกรจึงส่ายหัวพลางกล่าว “ไม่ต้องห่วง…มันไม่เป็นอะไร เพียงแค่จิตวิญญาณในร่างของมันกำลังอัดแน่น ดูเหมือน…มันต้องการจะปลดปล่อย”
“จริงหรือ?”
ถังเสี่ยวซีถามอย่างสงสัย “แล้วมันจะปล่อยออกมาอย่างไรเล่า?”
“ก็…” หลินมู่อวี่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
ทว่าทันใดนั้น เสียงร้องคร่ำครวญของเจ้าแอปเปิลน้อยก็ยิ่งทวีคูณ มันเงยหน้าขึ้นพลางแยกเขี้ยว ในปากของมันเริ่มมีไฟลุกไหม้…ร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง! ดูเหมือนมันกำลังพัฒนาและแข็งแกร่งขึ้น! ขนาดของผนึกสีแดงขยายใหญ่พร้อมกับขนาดตัว สะท้อนแสงอาทิตย์เจิดจรัสไปทั่วบริเวณ
“โฮก…โฮก…”
ทันใดนั้น หางของเจ้ามังกรก็ยกขึ้นและปล่อยปราณสีขุ่นออกมาสองครั้งจนเสียงดังสนั่น
ฉินอินและถังเสี่ยวซีรีบถอยออกห่างโดยเร็ว ใบหน้าสวยเปลี่ยนเป็นซีด “เจ้าแอปเปิลน้อยมัน…”
หลินมู่อวี่หัวเราะคิกคัก “ใช่ การผายลมเป็นวิธีปล่อยปล่อยของมัน บางทีนี่อาจเป็นสิ่งปฏิกูลจากวิญญาณสัตว์อสูรที่มันกินไป ดูเหมือนจะยังเหลืออีกมาก ให้มันปล่อยออกมาให้หมด”
แน่นอนหลินมู่อวี่รู้ดีว่ามังกรผลึกโลหิตเบื้องหน้าตนนั้นไม่ได้ผายลมง่ายๆ มันเป็นการวิวัฒนาการครั้งแรก และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการวิวัฒน์จากมังกรวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่! ไม่ถึงสิบนาทีร่างของมังกรก็ขยายใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่า…กลายเป็นหมายักษ์!
ขณะเดียวกันกรงเล็บทั้งสี่ก็แข็งแกร่งและทรงพลังยิ่งกว่าเดิม ความคมของมันราวกับใบมีด
จากพันธสัญญาของสัตว์วิญญาณ หลินมู่อวี่สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในของมังกร มันได้รับความสามารถจากการเปลี่ยนร่างแล้ว!
…
หลินมู่อวี่หันไปมองฉินอินและถังเสี่ยวซีพลางยิ้ม “เสี่ยวซี เสี่ยวอิน พวกเจ้าอยากเห็นพลังของมังกรผลึกโลหิตอายุห้าร้อยปีหรือไม่?”
“หืม?”
ฉินอินเอ่ยปากถาม “เจ้าแอปเปิลน้อยพร้อมต่อสู้แล้วหรือเจ้าคะ?”
“แน่นอน” หลินมู่อวี่สั่งมังกรผ่านความคิด “เจ้าแอปเปิลน้อย จงสำแดงพลังให้พวกข้าเห็น!”
“โฮก!”
เจ้ามังกรเงยหน้าส่งเสียงร้องอย่างภาคภูมิ สิ้นเสียงคำรามของมังกรน้อยผู้ง่างาม มันพุ่งตรงไปยังต้นสนโบราณขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางห้าสิบเซนติเมตรที่อยู่ไม่ไกลอย่างรวดเร็ว!
“มันจะพุ่งชนต้นไม้!” ถังเสี่ยวซีทนมองไม่ได้
ทว่าขณะที่มันกำลังจะชน “ชิ้ง…” เจ้ามังกรใช้กรงเล็บอันคมกริบรวบรวมพลังแล้วฟาดเข้าใส่ต้นไม้ขนาดครึ่งเมตรทันที ต้นสนยักษ์ถูดฟันขาดล้มลงจนเกิดเสียงดังกึกก้อง สร้างความตกตะลึงอย่างมาก
“ต้นไม้นั่น…ต้นสนเหล็กในตำนานมิใช่หรือ?” ฉินอินประหลาดใจอย่างยิ่ง “เพียงกรงเล็บเดียวก็ล้มต้นสนเหล็กลงได้…ช่างทรงพลังอะไรเช่นนี้”
ต้นสนเหล็กเป็นต้นไม้ตระกูลเดียวกับต้นดอกสาลี่เหล็ก เป็นพืชที่ผิวด้านนอกเคลือบด้วยเหล็กแกร่ง พวกมันแข็งจนไม่สามารถทำลายได้…แม้แต่ดาบคมยังไม่สามารถฟันเข้า ทว่ามังกรผนึกโลหิตโค้นมันได้อย่างง่ายดายด้วยการโจมตีเดียว
ทั้งที่หลินมู่อวี่ยังไม่รู้ว่ากระบี่วิญญาณมังกรของตนจะฟันเข้าหรือไม่ แต่มังกรผลึกโลหิตที่มีอายุเพียงห้าร้อยปีกลับทำลายต้นสนเหล็กได้!
“โฮก…”
เจ้ามังกรน้อยส่งเสียงร้องกระดิกหางไปมาก่อนจะวิ่งกลับไปหาหลินมู่อวี่ผู้เป็นนายหมายจะเอาคำชม หลินมู่อวี่ลูบหัวมันพลางยิ้มกล่าว “ไม่เลว วิวัฒนาการเพียงครั้งเดียวก็มีพลังขนาดนี้ ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
เมื่อครั้งอยู่ในเกมผู้พิชิต หลินมู่อวี่ที่เป็นเทพเจ้าสงครามในตอนนั้น ก็มีมังกรผลึกโลหิตเป็นสัตว์เลี้ยงเช่นกัน มังกรในเกมนั้นมีลักษณะเช่นเดียวกับเจ้ามังกรน้อยเบื้องหน้าเขาในตอนนี้แม้แต่ความสามารถ การวิวัฒนาการของมังกรครั้งแรก จะได้รับความสามารถที่มีชื่อว่า “กรงเล็บวิญญาณ” เป็นกรงเก็บที่พัฒนาจนมีความแข็งแกร่งและโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เพราะมังกรผลึกโลหิตนั้นขึ้นชื่อว่ามีเขี้ยวกับกรงเล็บที่คมมาก
ด้วยขนาดที่เริ่มใหญ่โตขึ้นของเจ้ามังกรน้อย ทำให้หลินมู่อวี่เริ่มเป็นกังวล เขาคงพามันไปเดินตลาดไม่ได้อีกสินะ?
…
หลังจากการวิวัฒนาการครั้งแรกเจ้ามังกรก็ไม่กินสิ่งใดอีก มันต้องใช้เวลาพักอีกนาน มิเช่นนั้นร่างกายคงทนรับอำนาจอันมหาศาลนี้ไม่ไหว!
เมื่อกลับไปยังห้องในตำหนัก หลินมู่อวี่ได้แต่นั่งกังวลถึงขนาดตัวของมังกรในอนาคต
ทันใดนั้นเสียงของราชาปีศาจเจ็ดประทีปจากทะเลจิตก็ดังขึ้น “เจ้าไก่อ่อนหลิน เรามาทำข้อตกลงกันดีหรือไม่?”
“เจ้ามีข้อเสนออะไรมาตกลงกับข้าอย่างนั้นหรือ?” หลินมู่อวี่ถาม
ราชาปีศาจหัวเราะ “ในโลกของเจ้า เจ้าเป็นลูกของนักธุรกิจใหญ่ เจ้ารู้จักการได้ผลประโยชน์ร่วมกันหรือไม่? ข้าจะช่วยเจ้าหนึ่งอย่างแลกกับเจ้าช่วยข้าหนึ่งอย่าง สนใจหรือไม่?”
“แล้วเจ้าจะทำสิ่งใดให้ข้า?” หลินมู่อวี่ถาม
ราชาปีศาจตอบ “เจ้ารู้จักท่องมิติหรือไม่”
“ท่องมิติหรือ?” หลินมู่อวี่ส่ายหัว
“ไม่รู้อย่างนั้นหรือ?” น้ำเสียงของราชาปีศาจแสดงออกถึงความดูถูกอย่างยิ่ง “เจ้านี่มันเป็นไก่อ่อนสมชื่อ ข้าจะบอกให้รู้เอง พลังยุทธ์ของเจ้าในตอนนี้อยู่ขอบเขตนภา ขั้นต่อไปคือขอบเขตปราชญ์ ทว่าว่าระดับปราชญ์นั้นยังคงด้อยนักสำหรับวิทยายุทธ์ เป้าหมายอันสูงสุดของการฝึกฝนพลังคือการเป็นอมตะและมีชีวิตนิรันดร์ เพื่อจะไปถึงขอบเขตเทวะได้เจ้าจะต้องหลอมรวมจิตวิญญาณและสละร่างเนื้อเสีย นี่คือสิ่งที่มันควรจะเป็น”
“แล้วอย่างไรเล่า?”
“เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ก้าวเข้าสู่ขั้นแรกของขอบเขตเทวะ ก็จะสามารถเข้าถึงพลังท่องมิติด้วยตนเอง เป็นวิชาที่ใช้ควบคุมพลังแห่งความว่างเปล่าและช่วยให้แหกกฎของจักรวาลได้ นั่นหมายความว่าหากเจ้าเข้าสู่ขอบเขตเทวะ เจ้าจะสามารถย่นระยะได้ด้วยการกระโดดข้ามมิติโดยอาศัยพลังเทวะเปิดรอยแยกออก ซึ่งตราบใดที่เจ้าช่วยข้า ข้าก็จะยอมสอนวิชาท่องมิติที่เป็นขั้นสูงของเทพเจ้าให้! และเมื่อควบคุมพลังนั้นได้แล้ว เจ้าก็จะสามารถเลี้ยงมังกรผลึกโลหิตนั่นในมิติที่เจ้าเป็นคนสร้าง และเมื่อใดที่ต้องการมันก็เพียงแค่เรียกมันกลับมายังที่ที่เจ้าอยู่”
“มันเป็นวิชาที่ดีขนาดนั้นเชียวหรือ?” หลินมู่อวี่ถอนหายใจพลางกล่าวต่อ “เช่นนั้นแล้วเจ้าต้องการสิ่งใดจากข้า คงไม่ใช่เรื่องดีใช่หรือไม่? จงบอกข้ามา…”
ราชาปีศาจหัวเราะลั่น “ไม่เลย เป็นเรื่องง่ายๆ ข้าเพียงอยากให้เจ้าเปิดทะเลจิตชั้นที่สอง ราชาอย่างข้าจะได้ใช้เป็นที่ฝึกฝนพลังและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”
“ฝึกฝนในทะเลจิตของข้าอย่างนั้นรึ?” หลินมู่อวี่ตกใจ
“ถูกต้องแล้ว” ราชาปีศาจเจ็ดประทีปตอบอย่างภาคภูมิ “อันที่จริงทะเลจิตของทุกคนนั้นไม่มีขีดจำกัด หากเจ้าเปิดทะเลจิตชั้นที่สองให้ข้า ข้าก็จะสามารถฝังรากจิตเพื่อดูดซับพลังจากพื้นที่ด้านในและฝึกฝนพลังยุทธ์ได้ มิเช่นนั้นข้าคงไม่มีสิ่งใดทำ…มันน่าอึดอัดมาก”
หลินมู่อวี่อดยิ้มไม่ได้ “ปีศาจเจ็ดประทีป…เจ้าคิดจะหลอกใช้ข้ารึ? เจ้าปีศาจโง่ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดจะใช้พลังที่ดูดซับได้มาเสริมพลังให้ตัวเองแล้วโจมตีข้าใช่หรือไม่?”
ราชาปีศาจหัวเราะลั่น “เจ้าก็ยังไม่ด้อยปัญญาเสียทีเดียว ถึงกระนั้น…เจ้าก็มีพลังจากติ่งหลอมอันแข็งแร่งช่วยกันพลังเจ็ดประทีปของข้าอยู่แล้ว เจ้าจะกลัวสิ่งใด?”
“ข้าไม่กลัว”
หลินมู่อวี่สงบใจลงก่อนจะคลี่ยิ้มกล่าว “ตกลง!”
ราชาปีศาจถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยิน “เจ้าหนู…เจ้าไม่สบายรึ? จึงได้กล้าแลกเปลี่ยนกับข้าเช่นนี้”
“ข้ามีสิ่งใดให้กลัวเล่า? ข้าอยากได้วิชาท่องมิติ…”
“ฮ่าๆๆ…ช่างบ้าบิ่นเสียจริง ข้าชอบนักคนที่ไม่กลัวตายเยี่ยงเจ้า! ได้เลย…อีกไม่กี่วันข้างหน้าข้าจะสอนวิชาท่องมิติให้เจ้า แต่ร่างกายของเจ้าในตอนนี้ยังไม่สามารถทนแรงบิดเบือนของมิติได้ ดังนั้นเจ้าจึงต้องฝึกฝนวิชาอีกหน่อยเพื่อช่วยในการเคลื่อนย้ายมังกร มิเช่นนั้นร่างของเจ้าจะแตกเป็นเสี่ยงๆ จากพลังที่หนักอึ้ง”
“เข้าใจแล้ว!”
…
หลินมู่อวี่นั่งอยู่บนเตียงพลางตั้งสมาธิเพื่อเปิดทะเลจิตชั้นที่สอง พลังอันแรงกล้าของราชาปีศาจเจ็ดประทีปเข้าสู่ชั้นนั้นอย่างรวดเร็ว รากขอจิตฝังลึกเข้าไปในชั้นจิตนั้นและแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวมันกันก็เพิ่มพลังให้แก่หลินมู่อวี่อย่างมหาศาล พลังอันหนักอึ้งไหลเข้าสู่สมองหลินมู่อวี่ทันทีจนเป็นลมล้มพับไป