CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.304 มอบหมายอีกครั้ง

  1. Home
  2. The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา
  3. EP.304 มอบหมายอีกครั้ง
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

EP.304 มอบหมายอีกครั้ง

แสงดาวสาดส่องผ่านหน้าต่างเหล็กของห้องขัง หลินมู่อวี่นั่งเงียบงันบนฟูกยัดฟาง ขณะที่มีพลังงานไหลเวียนทั่วร่างกาย หลอมกระดูกมังกรยังคงทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น ในปัจจุบันกระดูก เส้นเลือด และส่วนต่างๆ ในร่างกายขอบงหลินมู่อวี่แข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งเหนือกว่าเฟิงจี้สิง ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ฉินเหล่ย และจอมยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตนภาชั้นที่สองเช่นเดียวกัน นี่คือความมหัศจรรย์ที่ได้จากตำราหลอมกระดูกมังกร

หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ หลินมู่อวี่ถอนหายใจและเงยหน้าขึ้นมองแสงดาวนอกหน้าต่าง เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเสี่ยวซีและชวีฉู่อยู่ที่ใดแล้ว ทั้งสองเดินทางได้อย่างรวดเร็วในยามค่ำคืน ซึ่งควรจะไปถึงเมืองชีไห่ภายในสองวันใช่หรือไม่?

ขณะเดียวกันราชาปีศาจเจ็ดประทีปในทะเลจิตพลันกล่าวขึ้น “ไก่อ่อนหลิน เจ้ามาลงเอยที่นี่ได้อย่างไร เฮ้อ ข้าไม่รู้จะพูดอะไรกับเจ้าจริงๆ”

หลินมู่อวี่ยืนพิงหน้าต่างและยิ้ม “ทำไมล่ะ?”

“เจ้าเป็นราชบุตรบุญธรรม แต่กลับต้องมาเข้าคุก เจ้าบอกว่าเจ้าฆ่าถังปินเพื่อหญิงสาวอันเป็นที่รัก แล้วนี่เจ้าได้รับความผิดอะไร?”

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปกล่าวอย่างโกรธเคือง “หากเป็นข้าคงทำลายคุกนี้เพียงฝ่ามือเดียวและมุ่งไปที่ภูเขาหลงหยาน เจ้ามีกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดสองหมื่นนายแล้วยังต้องกลัวผู้ใดอีกหรือ? จากนั้นก็ไปยังมณฑลชางหนาน พังประตูเข้าไปข่มขู่ผู้ว่าการซีกงฝาน ก่อนจะยึดอำนาจทหารของเขาทั้งหมด มณฑลเทียนชู่อยู่ใกล้เคียงมากที่สุด ด้วยความสามารถของเจ้าคงสามารถพิชิตมณฑลเทียนชู่ภายในเจ็ดวัน แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ฝึกฝนพลังยุทธ์สักสองปี จากนั้นก็ข้ามเทือกเขาฉินเพื่อไปพิชิตสี่มณฑลทางใต้ ก่อนจะกลับมาจู่โจมเมืองหลันเยี่ยน เท่านี้ทั้งแผ่นดินก็จะตกเป็นของเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องทนทุกข์อยู่ในคุกแห่งนี้เลย”

หลินมู่อวี่เหล่มอง “ราชาปีศาจเจ็ดประทีป แผนการฟังดูเข้าท่ากว่าการร้องเพลงของเจ้าอีก ทว่าน่าเสียดาย มันไม่ถูกต้อง ด้วยวิธีการนั้นจะต้องมีกี่คนที่ต้องตาย…”

“คนตายจะกลัวอะไร?”

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปยิ้มเยาะ “ข้าเกิดมาเพื่อเป็นจักรพรรดิ ใครก็ตามที่บอกว่าข้าทำผิด ข้าจะกำจัดมันให้สิ้นซาก ข้าจะบอกเจ้าให้ หากต้องการให้ผู้อื่นเคารพ เจ้าก็ต้องทำให้คนเหล่านั้นเกรงกลัวเป็นอย่างแรก หากไม่สามารถทำได้ เช่นนั้นเจ้าจะสามารถปกป้องคนที่ห่วงใยและสั่งการคนอื่นให้ทำตามความประสงค์ของเจ้าได้อย่างไร?”

หลินมู่อวี่สูดหายใจลึก “ข้ารู้จักเจ้ามานาน และคำพูดเหล่านั้นก็สมเหตุสมผล ทว่ามันบ้ามาก”

“ข้าบ้าเหรอ?! ฮ่าๆๆ…” ราชาปีศาจเจ็ดประทีปหัวเราะทั้งน้ำตา “ข้าเพียงพูดในสิ่งที่ข้าทำได้ มันคือความทะนงตัว หากพูดว่าข้าบ้า แล้วการท้าทายเจิ้งอี้ฝานขอบเขตปราชญ์ขณะที่ตนเองเป็นเพียงไก่อ่อนล่ะ เจ้ามันเป็นคนบ้ายิ่งกว่า กล่าวได้ว่าเจ้ามันเป็นคนบ้าอันดับหนึ่งในแผ่นดินนี้!”

“เจ้ากำลังเหน็บแนมข้าอีกแล้ว”

“ใช่ ข้ากำลังทำ!” ราชาปีศาจหัวเราะอย่างสะใจ

หลินมู่อวี่ตบบนเตียงเบาๆ และกล่าวว่า “ข้าไม่เข้าใจ เจ้าหัวเราะเยาะข้า ขณะที่พวกเราต่างใช้ทะเลจิตเดียวกัน เจ้าควรมีความเห็นอกเห็นใจแก่ข้าบ้าง เข้าใจไหม?”

ราชาปีศาจพลันหัวเราะ “เห็นใจเหรอ? ข้าไม่เคยเห็นใจคนอ่อนแอ และเคารพผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น หากเจ้าสามารถยกกองทัพไปทำลายมณฑลอวิ้นจงและมณฑลชีไห่ รวมทั้งทำให้โลกยอมจำนนได้ ข้าจะเคารพเจ้าแน่นอน หากทำไม่ได้เจ้าก็ไม่มีค่าพอ!”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “ราชาปีศาจเจ็ดประทีปเคยทำให้โลกยอมจำนนมาก่อนเหรอ? ผลสุดท้ายที่เจ้าไม่เหลือแม้แต่ร่างกาย ยังมีใครเคารพเจ้าหรือไม่? ท้ายที่สุดก็มีเพียงตัวเจ้าที่รักตนเองมิใช่หรือ?”

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปผงะ หลังจากเงียบไปเล็กน้อยก็พูดขึ้นว่า “ไก่อ่อนหลิน เจ้าพูดจาไม่รู้เรื่อง ข้าไปนอนดีกว่า…”

หลินมู่อวี่โกรธเล็กน้อยและเข้านอน

…

สิบวันผ่านไป

เสียงโซ่คล้องประตูถูกถอดออกพร้อมกลิ่นสุราหอมกรุ่น เฟิงจี้สิงถือขวดสุราเข้ามา ชุดเกราะผู้บัญชาการกองทัพแห่งจักรวรรดิดูสง่างามแตกต่างจากชุดสีดำที่หลินมู่อวี่สวมใส่

“ฮ่า! อาอวี่ พี่เฟิงมาหาเจ้าแล้ว!” เฟิงจี้สิงสั่งให้คนรับใช้วางอาหารสองสามอย่างไว้ และพูดว่า “วันนี้พี่ชายจะดื่มเพื่อฉลองที่เจ้าจะได้ออกจากคุกแล้ว”

“ข้ากำลังจะถูกปล่อยตัว?” หลินมู่อวี่ผงะ “ท่านหมายความว่า ฝ่าบาทประทานอภัยโทษให้ข้าอย่างนั้นหรือ?”

“หึ ช่างเพ้อฝัน…” เฟิงจี้สิงเหลือบตามองและพูดว่า “ฝ่าบาทกักขังเจ้าไว้เพื่อแสดงให้หลานกงเห็นว่าพระองค์เคารพเขา หากหลางกงไม่ยกโทษให้เจ้า คิดหรือว่าฝ่าบาทจะปล่อยเจ้า? ทว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่จะได้ออกไปด้านนอก!”

“หมายความว่าอย่างไร?”

“เจ้ารู้เรื่องการต่อสู้ที่เมืองหน้าด่านอสูรใช่หรือไม่?”

“อืม”

“เมืองชีไห่ส่งกองกำลังมาหนึ่งแสนนายเพื่อเป็นกำลังเสริมที่เมืองอสูร ฝ่าบาททรงประสงค์ให้อวี่เหวินเซี่ยเป็นแม่ทัพบัญชาการทหารหนึ่งแสนสี่หมื่นนายต่อต้านกองทัพอสูรสองแสนตน ทว่าผ่านไปเพียงชั่วโมงเดียว ผู้ส่งสารกลับใสรายงานยังเมืองหลันเยี่ยนว่า อวี่เหวินเซี่ยพ่ายแพ้ต่อกองทัพอสูร ทหารเกือบเจ็ดหมื่นนายที่ออกจากเมืองไปไม่มีใครกลับเข้ามาอีกเลย พวกเขาถูกศัตรูสังหารจนหมดสิ้น แม้แต่นายพลแนวหน้าก็ไม่รอด”

“นี่…” หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “นี่มันอะไรกัน?!”

เฟิงจี้สิงยิ้ม “อวี่เหวินเซี่ยอายุมากแล้ว…เขาไร้ประโยชน์และหัวแข็ง ท่ามกลางแม่ทัพจำนวนมากในเมืองหลันเยี่ยน ข้าเฟิงจี้สิงจำเป็นต้องปกป้องเมืองหลวง ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนอยู่ที่ค่ายเขาเหินเพื่อฝึกฝนกองทัพนี้ซึ่งเดิมมิได้อยู่ใต้อำนาจองค์จักรพรรดิ ฉินเหล่ยนั้นกล้าหาญ แต่ก็มีเพียงความกล้าหาญและไร้หลักการ เจ้าเป็นผู้เดียวที่แสดงให้เห็นถึงความชาญฉลาดในกลยุทธ์เมื่อครั้งที่ปะทะกับหลงเซียนหลิน ณ ภูเขาขวานไฟ ดังนั้นเจ้าจะต้องยุติสงครามที่เมืองหน้าด่านอสูรด้วยกลยุทธ์พิเศษภายในเวลาสามวัน ฝ่าบาททรงออกพระบรมราชโองการให้เจ้าออกจากคุก คงมาถึงในเร็ววันนี้”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “พี่เฟิง ดื่มสิ ฮ่าๆ”

“ฮ่าๆๆ ได้สิ ดื่ม!”

…

โดยไม่คาดคิด วันรุ่งขึ้นข้าราชบริพารได้นำพระบรมราชโองการของจักรพรรดิเข้าไปในคุก เพื่อนำตัวหลินมู่อวี่กลับตำหนักเจ๋อเทียน ขณะนี้มีทหารหลายนายในตำหนัก เสนาบดีคนสำคัญอย่างน้อยหนึ่งร้อยนายกำลังเฝ้าดูองค์จักรพรรดิและราชบุตรบุญธรรมผู้นี้ หลินมู่อวี่ได้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดผู้ดูแลวิหารศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อย

ถังเสี่ยวซีกลับมาแล้ว นางยืนข้างชวีฉู่พร้อมส่งรอยยิ้มจางๆ มาให้หลินมู่อวี่ก่อนจะแลบลิ้นอย่างซุกซน

“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” หลินมู่อวี่เอ่ยเสียงเรียบและคุกเข่าทำความเคารพองค์จักรพรรดิ

ฉินจิ้นขมวดคิ้วและกล่าวว่า “อาอวี่ เจ้าสังหารถังปินโดยไม่ตั้งใจ…หลานกงให้คำสัญญาว่าจะยังไม่จัดการเจ้าในเร็ววัน ขณะนี้เกิดสงครามนองเลือดในเมืองอสูร ถึงเวลาแล้วที่จักรวรรดิต้องจัดการให้เด็ดขาด ข้าตัดสินใจให้เจ้าเป็นแม่ทัพนำกองทหารเจ็ดร้อยนายจากค่ายรังอินทรีไปยังเมืองหน้าด่านอสูร เพื่อรับช่วงต่อแม่ทัพพิทักษ์เมืองอวี่เหวินเซี่ยในการทำศึก เจ้าจะยินดีหรือไม่?”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ”

“เข้ามาสิ รับตราพยัคฆ์ไป!” ฉินจิ้นกล่าวเสียงดัง

ข้าราชบริพารถือกล่องผ้านำมาให้หลินมู่อวี่ ภายในกล่องมีตราพยัคฆ์สีทองซึ่งแตกต่างจากเหรียญตรามังกรทอง อีกทั้งมีม้วนหนังสือพระบรมราชโองการเพื่อนำไปแสดงอำนาจทางการทหารต่อจากอวี่เหวินเซี่ย

ฉินจิ้นมองหลินมู่อวี่จากระยะไกลและกล่าวว่า “อาอวี่ ออกไปทำศึกซะ หากไม่สามารถเอาชนะกองทัพอสูรได้ ก็ไม่ต้องกลับมายังเมืองหลันเยี่ยน เจ้าต้องการสิ่งใดอื่นใดอีกหรือไม่?”

หลินมู่อวี่พยักหน้าและกล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมมิเคยเห็นเผ่าพันธุ์อสูรมาก่อนและมิเคยบัญชาการทหารเกือบหนึ่งแสนนาย ดังนั้นได้โปรดส่งทหารผ่านศึกผู้มีประสบการณ์ในการทำสงครามเพื่อคอยชี้นำข้าเป็นครั้งคราว ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

ฉินจิ้นหันไปทางเหล่าทหาร “นายพลท่านใดยินดีจะออกไปร่วมศึก?”

ทุกคนต่างเงียบงัน ใบหน้าเจิ้งอี้ฝานซีดลงเล็กน้อยขณะที่กลุ่มทหารค่ายเสินเวยต่างพากันนิ่งเงียบ พวกเขาไม่ต้องการให้การช่วยเหลือหลินมู่อวี่…

ทันใดนั้นทหารผ่านศึกผู้มีผมและเคราขาวเดินออกจากฝูงชนก่อนจะประสานหมัด “ทหารผ่านศึกฉือยิงยินดีช่วยท่านแม่ทัพพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินจิ้นยิ้ม “ดีมาก แม้ว่านายพลฉืออายุเกือบเจ็ดสิบปี ทว่ากระบวนดาบมิได้ด้อยลงเลย เป็นเรื่องดีหากได้เจ้าร่วมเดินทางไปกับอาอวี่ จำไว้ว่าดูแลลูกชายข้าด้วย เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของข้า”

ฉือยิงประสานหมัด “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”

…

บนปกเสื้อของฉือยิงมีตราดอกจื่อยินและดาวทองหนึ่งดวงซึ่งหมายถึงผู้บัญชาการทหารกองพัน ยศทางทหารของทหารผ่านศึกผู้นี้ไม่ดีเท่าหลินมู่อวี่ กระนั้นข้าราชบริพารสองคนพลันก้าวเข้ามาเปลี่ยนให้หลินมู่อวี่เป็นดาวทองสามดวง ซึ่งหมายถึงระดับแม่ทัพ และเปลี่ยนดาวทองสองดวงให้ฉือยิง เพื่อขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองหมื่นและมีอำนาจสั่งการกองทหาร

ทั้งสองไม่ได้เตรียมการอะไรมาก ฉือยิงนำทหารรักษาการณ์เพียงห้าสิบนาย ขณะที่หลินมู่อวี่รวบรวมกองทหารเจ็ดร้อยนายจากค่ายรังอินทรี ก่อนจะออกเดินทางในช่วงบ่ายพร้อมพระบรมราชโองการ สำหรับฉินอิน ถังเสี่ยวซี เฟิงจี้สิง และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ทั้งสี่ถูกส่งไปยังประตูทางทิศเหนือของเมืองหลันเยี่ยน

“อาอวี่ สงครามครานี้มิใช่เรื่องเล็ก ดังนั้นจงเชื่อฟังคำพูดนายพลเฒ่าฉือยิงซะ” เฟิงจี้สิงตบไหล่หลินมู่อวี่และหัวเราะ

หลินมู่อวี่พยักหน้า “อืม ข้าจะเชื่อฟัง”

ใบหน้าฉินอินเต็มไปด้วยความกังวลขณะที่ยื่นมือไปแตะบังเหียนม้าของหลินมู่อวี่ “พี่อาอวี่ เผ่าพันธุ์อสูรในตำนานเหี้ยมโหดและดุร้ายมาก ท่านต้องระวังตัว…”

ถังเสี่ยวซียิ้มและพูดว่า “มิต้องกังวล มู่มู่จะต้องกลับมาหาพวกเราอย่างแน่นอน ใช่หรือไม่มู่มู่?”

หลินมู่อวี่ประสานหมัดและยิ้มอย่างสดใส “วางใจเถิดองค์หญิงเสี่ยวอินและองค์หญิงเสี่ยวซี แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเผ่าพันธุ์อสูรเป็นอย่างไร ทว่าก็จะไม่แพ้แน่นอน จงเชื่อมั่นในตัวข้า”

“อื้ม!” สองสาวงามพยักหน้ารับ

ฉือยิงพลันกล่าวขึ้น “ท่านแม่ทัพ เราควรเคลื่อนทัพทันทีและไม่สามารถปล่อยกองทหารของเราไว้เช่นนั้น…”

เว่ยโฉวยิ้ม “ใช่ขอรับ ถึงเวลาที่เราควรเคลื่อนทัพ เหล่าพี่น้องกำลังรอสังหารเผ่าพันธุ์อสูร อีกทั้งพวกเราต่างก็ต้องการเห็นว่าเผ่าพันธุ์อสูรหน้าตาเป็นอย่างไร…”

“อื้ม เคลื่อนทัพได้!”

…

เผ่าพันธุ์อสูรเป็นเผ่าพันธุ์ขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ในป่านิรันดร์ซึ่งอยู่บริเวณชายแดนทางด้านตะวันตกของจักรวรรดิ กล่าวกันว่าจำนวนของสัตว์อสูรมีมากกว่าล้านตัว และจำนวนอสูรที่สามารถต่อสู้ได้มีเกือบสามแสนตัว กระนั้นชุดเกราะและอาวุธของพวกมันธรรมดามาก พวกอสูรส่วนใหญ่ใช้ความสามารถดั้งเดิมในการต่อสู้ ดังนั้นจึงมีประสิทธิภาพในการสู้รบไม่มากนัก นี่จึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดฉินจิ้นจึงไม่ใช้อำนาจทางทหารของจักรวรรดิเพื่อต่อกรกับเผ่าพันธุ์อสูร

แม้กองทัพอสูรมีจำนวนถึงสามแสนตน ทว่ากองทัพมนุษย์นั้นมีมากกว่าหนึ่งล้านนาย!

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "EP.304 มอบหมายอีกครั้ง"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์