The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.328 ซุ่มโจมตีในเมืองหลันเยี่ยน
EP.328 ซุ่มโจมตีในเมืองหลันเยี่ยน
ภูเขาเทียนชู่เป็นยอดเขาที่ตั้งตระหง่านอย่างโดดเดี่ยวระหว่างท้องฟ้าและผืนโลก เมื่อเฟิงจี้สิงนำกองทัพองครักษ์สามหมื่นนายไปยังภูเขาเทียนชู่ก็ไม่เห็นวี่แววของธงจักรพรรดิ ทว่ารอบภูเขากลับเต็มไปด้วยธงของทหารมณฑลเทียนชู่ซึ่งมีทหารกว่าแปดหมื่นนายตั้งค่ายพักอยู่ที่เชิงเขา ผู้นำกองทัพคืออวี่จื้อเทียน และเป็นผู้นำตระกูลอวี่จื้อ
ขณะนี้สิ่งที่กองทัพเทียนชู่สวมใส่มิใช่ตราจักรวรรดิฉินอีกต่อไป แต่แทนที่ด้วยตราจักรวรรดิอี้เหอ อวี่จื้อเทียนกลายเป็นคนทรยศ!
…
‘พรึ่บ…’
ทูตกองทัพเทียนชู่ถือธงขาวเข้ามาด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง เมื่อมาถึงด้านหน้ากองทัพองครักษ์ เขาก็หัวเราะและพูดว่า “ข้าน้อยหลี่ถงมาในฐานะทูตของกองทัพเทียนชู่เพื่อพบท่านผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงขอรับ! พวกท่านต่างชาญฉลาด และควรเข้าใจถึงเจตจำนงนี้ กองทัพเทียนชู่แปดหมื่นคนยอมจำนนต่อจักรวรรดิอี้เหอ และยังมีกองกำลังเสริมอีกห้าหมื่นคนจากหลิงหนาน ซึ่งทั้งหนึ่งแสนสามหมื่นคนกำลังรอคอยท่านเฟิงจี้สิง ราชาเจิ้นหนานกล่าวว่า ตราบใดที่ท่านเฟิงจี้สิงเต็มใจยอมจำนนต่อจักรวรรดิอี้เหอ ท่านจะได้รับการแต่งตั้งเป็น ‘ราชาทิศเหนือแห่งเจิ้นเป่ย’ ไม่ทราบว่าท่านเฟิงคิดอย่างไร?”
เฟิงจี้สิงนั่งอยู่บนหลังม้าด้วยใบหน้าเหนื่อยล้าและมองหลี่ถงอย่างเย็นชา
“ท่านเฟิงมองข้าน้อยเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไรขอรับ?”
เฟิงจี้สิงยิ้ม “ข้าต้องการเห็นว่าหมาขี้แพ้หน้าตาเป็นอย่างไร”
“เจ้า!”
หลี่ถงกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “เฟิงจี้สิง อย่าคิดว่าตนเองเป็นผู้บัญชาการกองทัพองครักษ์แล้วจะหยิ่งผยองได้ จักรวรรดิของเจ้าล่มสลายแล้ว! จากนี้ไปจะเป็นยุคของจักรวรรดิอี้เหอ เจ้ามันก็แค่หมารับใช้จักรวรรดิ! ผู้บัญชาการอวี่จื้อเทียนมีเมตตาส่งข้ามาเจรจาสงบศึก มิเช่นนั้นทหารทั้งหนึ่งแสนสามหมื่นนายของจักรวรรดิอี้เหอจะกำจัดทหารสามหมื่นคนของเจ้าให้ราบคาบ!”
“เช่นนั้นก็ทำสิ!”
เฟิงจี้สิงชักกระบี่ออกมาตัดหัวหลี่ถงทันที เลือดซาดกระเซ็นรอบบริเวณ ขณะที่นายพลของจักรวรรดิไม่มีใครหลบ พวกเขาปล่อยให้เลือดกระเด็นเปื้อนร่างกาย
“เช่นนี้…ก็จะไม่มีใครกลับไปรายงานอวี่จื้อเทียนว่าเราต้องการให้พวกมันยกทัพมา” หลัวเลี่ยพูดแผ่วเบา
เฟิงจี้สิงยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไร ไอ้หมาแก่อวี่จื้อเทียนจะเข้าใจความหมายเอง”
“ตอนนี้ข้าควรทำสิ่งใด?”
“องค์จักรพรรดิถูกลอบปลงพระชนม์แล้ว” เฟิงจี้สิงพึมพำ “ถอยกลับไปที่เมืองหลวง ทว่า…ข้าไม่มั่นใจว่าจะสามารถกลับไปแบบมีชีวิตหรือไม่”
“ข้าจะติดตามท่านผู้บัญชาการ และจะไม่เสียใจหากต้องตายที่นี่” หลัวเลี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเฟิงจี้สิงและคนอื่นๆ หันกลับ เสียงกลองสงครามก็ดังขึ้นจากด้านหลัง กองทัพเทียนชู่ทั้งแปดหมื่นนายพุ่งตรงเข้ามา ขณะเดียวกันในป่าอีกด้านหนึ่งก็มีกองทัพจักรวรรดิอี้เหอปรากฏตัว!
สายตาเฟิงจี้สิงเปลี่ยนเป็นเย็นชาและกล่าวว่า “อย่าชักช้า ทหารม้าเปลี่ยนไปใช้ธนู และยิงโจมตีจากระยะไกลเพื่อปกป้องทหารราบระหว่างถอยหนี”
“ขอรับ!”
จากนั้นการเข่นฆ่าในป่าก็เกิดขึ้น
…
ณ เมืองหลันเยี่ยน สนามรบทางทิศเหนือเต็มไปด้วยฝุ่นควัน ทว่าการต่อสู้ยังไม่จบสิ้น!
แสงอาทิตย์อัสดงแดงระเรื่อสาดส่องทั่วสนามรบสะท้อนคราบเลือด ตลอดทั้งวันทหารรับจ้างมังกรผงาดยังคงไม่สามารถฝ่าวงล้อม ขณะที่กองทหารจักรวรรดิอี้เหอได้รับความเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆ ทหารอาสาหนึ่งแสนห้าหมื่นนายที่นำทัพโดยหลงเซียนหลินถูกทหารค่ายเขาเหินและทหารรับจ้างมังกรผงาดทำลายไปกว่าครึ่ง!
“ท่านแม่ทัพ”
ทหารผ่านศึกที่เฝ้าดูการต่อสู้ในสนามรบทนไม่ได้จึงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ทหารแห่งจักรวรรดิอี้เหอเหล่านี้ล้วนเป็นนักรบหลิงหนานที่ราชาเจิ้นหนานเป็นผู้นำมา…ทหารกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นนายของเรา ตอนนี้ตายไปกว่าเก้าหมื่นคนแล้ว…ข้าเกรงว่าพวกเราจะไม่สามารถสู้ได้อีกต่อไป มิเช่นนั้นหากราชาเจิ้นหนานรู้ความ ท่านแม่ทัพหลงอาจต้องเป็นผู้รับผิดชอบ…”
“ไม่…เราต้องสังหารทหารรับจ้างมังกรผงาดให้สิ้น!”
หลงเซียนหลินมองไปยังสนามรบด้วยใบหน้าซีดเซียว “ทหารรับจ้างมังกรผงาดเหลือเพียงหนึ่งพันคน…การฆ่าพวกเขาถือเป็นชัยชนะที่แท้จริง หากเราไม่กำจัดพวกมันในวันนี้ มันจะต้องเป็นปัญหาใหญ่แก่เราในภายภาคหน้าเป็นแน่!”
ทหารผ่านศึกกัดฟันแน่น “ท่านแม่ทัพ องค์จักรพรรดิมอบอำนาจทางทหารแก่ท่านในการต่อสู้เพื่อความชอบธรรมและแผ่นดิน ทว่าแม่ทัพกลับดูคับแค้นใจกับหลินมู่อวี่เป็นพิเศษ หากเป็นเช่นนั้น ข้าเกรงว่าอาจต้องทูลองค์จักรพรรดิเรื่องนี้”
“เจ้า…”
หลงเซียนหลินหรี่ตา
ทหารผ่านศึกกล่าวต่อ “ข้ายังได้ยินมาอีกว่าหลินมู่อวี่ช่วยภรรยาของท่าน…หูเสี่ยวอวิ๋น ขณะที่ท่านอยู่ที่เมืองห้าหุบเขา ข้าไม่รู้ว่า หากนั่นคือเรื่องจริง ในเมื่อหลินมู่อวี่เมตตากับท่านเพียงนี้ เหตุใดท่านแม่ทัพจึงต้องการสังหารเขา?”
หลงเซียนหลินยิ้ม “เจ้าคิดว่าข้าไม่ต้องการปล่อยให้หลินมู่อวี่ขี่ม้าเข้าไปหรือ? แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าเราต้องจ่ายด้วยสิ่งใดหากหลินมู่อวี่ต้องการแก้แค้น? ข้าเกรงว่าทหารนับหมื่นก็คงไม่เพียงพอ ทว่า…ในเมื่อท่านนายพลอาวุโสกล่าวดังนั้น ก็คงต้องยอมแพ้ ข้าไม่ต้องการให้วีรบุรุษหลินมู่อวี่ต้องมาตายในสนามรบเช่นนี้ ถอยทัพเถิดท่านหมิงจินและปล่อยให้หลินมู่อวี่เข้าไปในเมือง!”
“ขอรับท่านแม่ทัพ!”
เสียงฆ้องดังก้อง ขณะที่ทหารของจักรวรรดิอี้เหอถายใต้การนำของหลงเซียนหลินถอยทัพกลับดั่งกระแสน้ำ และเปิดทางให้ทหารรับจ้างมังกรผงาดเข้าสู่เมืองหลันเยี่ยน
…
หลินมู่อวี่หอบหายใจหนัก พลังปราณและความแข็งแกร่งทางกายภาพถูกใช้จนเกือบหมด ไม่มีแม้แต่แรงจะถือกระบี่วิญญาณมังกร มังกรผลึกโลหิตด้านข้างชุ่มไปด้วยเลือด สัตว์น้อยดูมีความสุขมากหลังจากถูกปล่อยให้ออกมาช่วยต่อสู้ ทว่าขณะนี้มันเหนื่อยล้าและทำตัวราวกับสัตว์เลื้อยคลานติดตามหลินมู่อวี่
เมื่อมองเข้าไปในเมืองหลันเยี่ยน ทุกอย่างอยู่ในความโกลาหล
“เสี่ยวอิน…”
หลินมู่อวี่พึมพำ เขาไม่รู้ว่าคนรักยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
เว่ยโฉวร่างกายอาบไปด้วยเลือดกล่าวอย่างไม่แยแส “ท่านแม่ทัพ พวกมันกำลังเข่นฆ่าคนในเมือง”
“อืม…”
หลินมู่อวี่เห็นสิ่งตรงหน้าได้อย่างชัดเจน ขณะนี้ผู้คนในเมืองหลันเยี่ยนกลายเป็นคนของจักรวรรดิอี้เหอ กองทัพกว่าสองแสนนายได้สังหารผู้คนในเมือง เมื่อใดที่ต่อต้านก็มีเพียงความตายที่รออยู่เท่านั้น
‘ตูม!’
กำแพงเมืองพังทลายลงอีกครั้ง ร่างคนผู้หนึ่งร่วงลงจากกำแพง หญิงสาวผู้นั้นนอนนิ่งท่ามกลางก้อนกรวดพร้อมกู่ฉิน หลินมู่อวี่กวาดตามองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดในใจ นางคือเจิ้งเซียง…
หลินมู่อวี่รีบรุดไปด้านหน้าเพื่อประคองร่างเจิ้งเซียงขึ้นมา และปลดร่างฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนส่งให้ทหารรับจ้างมังกรผงาด “หลัวอวี่ เจ้านำทหารรับจ้างมังกรผงาดไปลาดตระเวนรอบตัวเมืองเพื่อค้นหาองค์หญิงอินและฉู่เหยา เมื่อพบแล้วก็พาพวกนางหนีไป ส่วนเว่ยโฉวและเซี้ยโหวซางพาองครักษ์อวี้หลินที่เหลือเข้าไปในเมืองพร้อมข้าหลังฝังร่างพี่ฉู่และเจิ้งเซียง เมื่อครั้งมีชีวิตพวกเขาไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ อย่างน้อยก็โลกหลังความตายพวกเขาก็จะได้เคียงข้างกัน”
“ขอรับท่านแม่ทัพ!”
ทหารรับจ้างมังกรผงาดเหลือเพียงหนึ่งพันคน และหลินมู่อวี่ไม่ต้องการให้ใครตายในสงครามโกลาหลอีกแม้แต่คนเดียว อย่างน้อยเขาก็ต้องการเหลือทหารฝีมือดีไว้ให้จักรวรรดิบ้าง
…
เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ ทหารรับจ้างมังกรผงาดก็หายตัวไปท่ามกลางความมืด ขณะที่หลินมู่อวี่ เว่ยโฉว และเซี้ยโหวซางเข้าไปในเมืองพร้อมองครักษ์อวี้หลินราวสิบนาย เขาหวังเพียงว่าฉินอินจะสามารถหลบหนีไปได้สำเร็จ ทว่ามันไม่ง่ายเลย…ด้วยจำนวนทหารและขอบเขตปราชญ์ที่ส่งมาไล่ล่ารัชทายาทแห่งจักรวรรดินี้
ห่างออกไปมีเสียงร้องระงมบนถนนทงเทียน ผู้คนนับไม่ถ้วนถูกไล่ต้อนออกมาจากถนนโดยกลุ่มทหารอาสา ท่ามกลางซากปรักหักพังหญิงสาวกรีดร้องอย่างน่าเวทนา หลังจากเมืองถูกตีพ่าย เหล่าหญิงสาวก็จะตกเป็นของศัตรูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“นี่คือสิ่งที่พวกมันบอกว่าทุกสิ่งมีชีวิตมีความเท่าเทียมกันอย่างนั้นหรือ?” เว่ยโฉวอดไม่ได้ที่จะพ่นลมออกจมูกพร้อมใบหน้าเต็มไปด้วยความหม่นหมองและขุ่นเคือง
หลินมู่อวี่นำฝูงชนวิ่งผ่านตรอกไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่กล้ายั่วยุทหารแห่งจักรวรรดิอี้เหอ หากพวกเขาสังหารหนึ่งคน อีกหลายสิบหลายร้อยคนก็จะแห่เข้ามา ซึ่งอาจไม่สามารถช่วยชีวิตฉินอินได้ทันเวลา
ไม่ไกลออกไปมีกองซากศพถูกเผา พวกเขาต่างก็เป็นพลเรือนที่ถูกสังหาร กลิ่นเนื้อไหม้ตลบอบอวลไปทั่วเมืองหลันเยี่ยน พื้นที่ในเมืองถูกเผาไหม้ไปกว่าหนึ่งในสาม เมืองหลันเยี่ยนเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่รองรับคนได้ถึงห้าล้านคน การเข่นฆ่าของทหารจักรวรรดิอี้เหอคงดำเนินไปอีกยาวนาน
เมื่อทุกคนเดินกลับมาใกล้บริเวณตำหนักเจ๋อเทียน ก็พบว่าตำหนักถูกล้อมรอบไปด้วยทหารจักรวรรดิอี้เหอ ด้วยกำลังทหารเพียงสิบกว่าคนของหลินมู่อวี่ คงไม่สามารถต้านทานได้ กระนั้นทหารม้าของจักรวรรดิอี้เหอก็เข้าออกตำหนักราวกับกำลังค้นหาบางสิ่ง
“เสี่ยวอินคงยังไม่ถูกเจอตัว” หลินมู่อวี่แอบยินดี “เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปในตำหนักเจ๋อเทียนแล้ว ซุ่มโจมตีในตรอกเพื่อเค้นความจริงจากมัน”
“ขอรับ”
พวกเขาผูกม้าไว้และซ่อนตัวอยู่ในบ้านร้างด้านข้าง ขณะที่ผู้คนในเมืองยังคงถูกจับและฆ่าตายอย่างต่อเนื่อง พวกหลินมู่อวี่ยังคงอดทนรอ
กระทั่งเที่ยงคืนภายใต้แสงดาว ในที่สุดทหารม้าก็ผ่านเข้ามา พวกเขาเห็นชายในชุดดำพร้อมสวมเกราะเหล็ก บนปกเสื้อมีดาวสามดวงซึ่งบ่งบอกว่าเป็นนายพลยศสูงระดับผู้บัญชาการ!
หลินมู่อวี่กล่าวเสียงเย็นชา “โจมตี!”
‘วิ้ง…’
เถาวัลย์น้ำเต้าทองพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วพันธนาการทุกคนที่ผ่านเข้ามาในตรอก หลินมู่อวี่รีบวิ่งออกไปตวัดดาบ ทันใดนั้น! ศีรษะของผู้บัญชาการถูกตัดขาดสะบั้น ดูเหมือนว่านายพลผู้นี้จะไม่มีวิทยายุทธ์มากนัก
กลุ่มคนที่ติดตามหลินมู่อวี่มาล้วนเป็นองครักษ์ผู้มีพลังยุทธ์ระดับสูง พวกเขาปล่อยม้าออกไปและสังหารจนเหลือผู้รอดชีวิตไว้คนเดียว ชายผู้นั้นมองไปยังศพภายใต้คมดาบของหลินมู่อวี่พร้อมพึมพำ “จบแล้ว…มันจบแล้ว…ท่านผู้นำตายแล้ว…”
เว่ยโฉวกล่าวอย่างเย็นชา “ช่างเป็นผู้นำที่อ่อนแออะไรเช่นนี้!”
ทหารคนนั้นพูดด้วยสีหน้าซีดเซียว “ขะ…เขาเป็นผู้บัญชาการแห่งจักรวรรดิหลินอี้…”
“หลินอี้?”
หลินมู่อวี่ผงะ “นั่นคือหลินอี้ผู้นำทัพใส่ชุดพลางข้ามสันเขาอย่างนั้นหรือ?”
“ขอรับ”
“ตายเสียก็ดี!”
หลินมู่อวี่ชำเลืองมอง “อย่าปล่อยให้มีชีวิต สวมเสื้อผ้าพวกมันและออกค้นหาองค์หญิงอินต่อไป”
“ขอรับ!”
…
ท้องฟ้าสว่างขึ้นอย่างเชื่องช้า ภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยผู้ลี้ภัย ผู้ดูแลวิหารต่างช่วยเหลือกันเองและรอดพ้นจากการเข่นฆ่านี้
ทว่าจะหนีออกไปอย่างไร?
“ตูม!”
ด้วยฝ่ามืออันทรงพลัง ร่างของทหารม้าจักรวรรดิอี้เหอถูกฉีกออกจากกันทันที
ผู้ดูแลเหล่ยหงยืนตระหง่านด้านนอกวิหารศักดิ์สิทธิ์และหันหน้ามองท้องฟ้าด้านตะวันออก “เป็นเวลารุ่งสางแล้ว…”
ทันใดนั้น! รัศมีทรงพลังก็พุ่งตกลงมาจากฟ้า เหล่ยหงรีบเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเขาสั่นไหวไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง “ลั่วหลาน!!”
………………..………………..