The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.331 ตายเพื่อแผ่นดิน
EP.331 ตายเพื่อแผ่นดิน
ทางทิศใต้ของเมืองชีไห่ ภูเขาเจียนเฟิงเป็นยอดเขาเดียวที่สูงตระหง่านขึ้นไปบนท้องนภา ใต้ภูเขามีธงปลิวไสวตามสายลม ค่ายทหารเจียนเฟิงเป็นหนึ่งในกองทหารมณฑลชีไห่ ซึ่งมีกำลังทหารเจ็ดหมื่นนายล้อมรอบจวนเจ้าเมืองชีไห่ โดยความตั้งใจที่แท้จริงของถังหลานก็เพื่อป้องกันการโจมตีอย่างกะทันหันจากเมืองหลันเยี่ยน
ทว่าจักรวรรดิฉินล่มสลายไปแล้ว…ดูเหมือนว่ากองทัพเจียนเฟิงหลิงจะกลายเป็นเสี้ยนหนามของจักรวรรดิอี้เหอ
‘กุบกับ…’
ภายใต้แสงจันทร์มีเสียงเท้าม้าสีขาวตัวหนึ่งวิ่งมาตามถนน บนหลังม้ามีสาวงามสวมเสื้อคลุมสีดำ ดวงตาของนางเผยความวิตกกังวลและทำอะไรไม่ถูก เมื่อถึงประตูเมือง ทหารรักษาการณ์ก็มารวมตัวกันตะโกนเสียงดัง “ใครบังอาจบุกเข้ามายังค่ายเจียนเฟิงโดยไม่ได้รับอนุญาต?”
ถังเสี่ยวซีลงจากม้าและถอดผ้าคลุมหัวออก ใบหน้างามปรากฏขึ้นแก่ทุกสายตา
ผู้บัญชาการคนหนึ่งรีบคุกเข่าลงพร้อมหอกเหล็ก “องค์หญิงซี!”
ทุกคนคุกเข่าตามล้อมรอบนางทันที ถังเสี่ยวซีมองอย่างไม่แยแส “พาข้าไปหาผู้บัญชาการถังเจิ้น”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ถังเจิ้นได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้นำค่ายเจียนเฟิงหลังจากจบศึกที่ประตูเมืองอสูร และกลายเป็นแม่ทัพคนสำคัญของเมืองชีไห่
เมื่อถังเสี่ยวซีขี่ม้าตรงไปยังกระโจมกลางค่ายพัก ถังเจิ้นก็ออกมาต้อนรับ “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะองค์หญิงซี! ไม่ทราบเกิดเหตุอันใดขึ้น พระองค์จึงเสด็จมายังค่ายเจียนเฟิง?”
“ถังเจิ้น โปรดส่งทหารไปเป็นกำลังเสริมแก่เมืองหลันเยี่ยน” ถังเสี่ยวซีกล่าวด้วยสายตาแน่วแน่
ถังเจิ้นถอนหายใจและส่ายหัว “สายเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ…บ่ายวันนี้เราได้รับข่าวว่าเมืองหลันเยี่ยนถูกทำลาย และยังไม่ทราบว่าองค์หญิงอินอยู่แห่งหนใด กองทัพเขาเหินและกองทัพไพรสัณฑ์ถูกทำลาย กล่าวกันว่าฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนและฉินเหล่ยเสียชีวิตไปทีละคน ขณะที่เฟิงจี้สิงนำกองทัพองครักษ์สามหมื่นนายฝ่าวงล้อมออกไป และยังไม่มีข่าวเพิ่มเติม”
“ว่าอย่างไรนะ?”
ถังเสียวซีถอยหลังชนเสวี่ยหลี ข่าวร้ายนี้เป็นดั่งสายฟ้าในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส แน่นอนว่านางรับไม่ได้
“องค์หญิงซีเป็นอะไรไหมพ่ะย่ะค่ะ?” ถังเจิ้นเอ่ยถามอย่างกังวล
ถังเสี่ยวซีรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงในหัวใจ นางวางมือบนอกพร้อมขมวดคิ้ว “มู่มู่อยู่ไหน? แล้วมู่มู่ล่ะ…”
ถังเจิ้นกล่าว “หลินมู่อวี่นำกองทหารรับจ้างมังกรผงาดหนึ่งหมื่นห้าพันคนออกไปนอกเมืองทิศเหนือพร้อมมังกร และต่อสู้อย่างดุเดือดกับกองกำลังหลักของหลงเซียนหลิน หลังจากสังหารทหารอาสากว่าเจ็ดหมื่นนาย ทั้งกองทัพก็ถูกทำลาย ทว่ายังไม่ทราบที่อยู่ปัจจุบันของหลินมู่อวี่พ่ะย่ะค่ะ”
“อา…”
ถังเสี่ยวซียืนนิ่งงันราวกับถูกฟ้าผ่า ขณะที่น้ำตาไหลรินออกจากตา
“องค์หญิง พวกเรา…” ถังเจิ้นลังเลเล็กน้อย “เช้านี้ข้าได้รับสาส์นจากท่านหลานสั่งให้กระหม่อมอยู่เฉยไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น หากไม่มีคำสั่งจากท่านหลานกง กระหม่อมมิสามารถส่งทหารออกไปได้แม้แต่ผู้เดียว”
“ไม่!”
ถังเสี่ยวซีหยิบเหรียญออกมาจากแขน มันคือป้ายเหล็กตระกูลถัง “ถังเจิ้น ข้าขอสั่งให้เจ้าส่งกองกำลังห้าหมื่นนายไปยังเมืองหลันเยี่ยนทันที รวมทั้งส่งทหารม้าไปยังเมืองหน้าด่านอสูร และให้หลิงหูเหยียนจัดกองทัพอสูรหนึ่งแสนตนเพื่อเข้าร่วมเป็นกำลังเสริมแก่เมืองหลันเยี่ยน!”
“ทว่าองค์หญิง…”
“เจ้าจะต่อต้านคำประกาศิตของป้ายเหล็กตระกูลถังหรือ? เจ้ายังเป็นแม่ทัพแห่งตระกูลถังและแม่ทัพแห่งจักรวรรดิฉินหรือไม่?”
“ขะ…ข้า…” ถังเจิ้นกัดฟันพูด “กระหม่อมน้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!”
ดวงตาคู่งามมองขึ้นไปยังดวงดาราบนท้องฟ้าทางใต้และพึมพำ “มู่มู่ เสี่ยวอิน โปรดรอจนกว่าข้าจะกลับไป พวกเจ้าห้ามตายเด็ดขาด…”
…
ทุกหนแห่งของเมืองหลันเยี่ยนและกำแพงเมืองถูกทำลาย
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ขณะที่หลินมู่อวี่ขี่ม้าตามถนนทงเทียนอย่างเชื่องช้าผ่านกองซากศพเย็นที่มีแมลงวันไต่ตอม ไกลออกไปทหารจักรวรรดิอี้เหอจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ พวกเขาล้อมรอบกลุ่มผู้หญิงของเมืองหลันเยี่ยนที่อยู่ตรงกลาง และมีกองไฟกำลังแผดเผา ทหารเหล่านี้มองดูหญิงสาวกรีดร้องอย่างสนุกสนาน
หลินมู่อวี่กำหมัดแน่นขณะที่วิญญาณยุทธ์เกาะอยู่บนแขน ทว่าสุดท้ายก็ต้องอดทนไว้ ใช่…เขายังมีสิ่งสำคัญยิ่งกว่าจะต้องทำ และไม่สามารถทิ้งชีวิตอยู่ที่นี่
หลินมู่อวี่เดินทางมาวิหารอย่างเงียบงัน ก่อนจะพบว่ามีไฟไหม้ใหญ่ด้านใน และมีเปลวเพลิงโหมกระหน่ำสมาพันธ์นกกระจอกเพลิงจากระยะไกล ทั่วทั้งจักรวรรดิกำลังจมดิ่งสู่ความตาย
ด้านหน้าวิหารมีปล่องขนาดใหญ่ หลินมู่อวี่เห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วและใช้ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจ เขาพบร่องรอยของพลังวิญญาณเป็นริ้วอยู่บนหิน หลินมู่อวี่ลงจากม้าและไปตรวจสอบก็พบศิลาชิงหมิงที่เคยมอบเป็นของขวัญแก่เหล่ยหง และเหล่ยหงเคยกล่าวไว้จะไม่ทิ้งมันแม้ตัวตาย
ลมหายใจที่คุ้นเคยอบอวลอยู่ในอากาศรอบตัว นี่คือปราณของเหล่ยหง ทว่าหลินมู่อวี่ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของผู้อาวุโส เหล่ยหงได้จากไปแล้วพร้อมสายลม…
หลินมู่อวี่หยิบศิลาชิงหมิงขึ้นมา ร่างกายสั่นเทิ้มพร้อมความโศกเศร้าถาโถมเข้าใส่ หลินมู่อวี่ทรุดตัวลงกับพื้นและงอตัว ก่อนจะร้องไห้อย่างเจ็บปวดท่ามกลางสายลมหนาว
เหล่ยหงเสียชีวิตในการต่อสู้ และวิหารก็ถูกเผาไหม้
ทว่า…ฉู่เหยาอยู่ที่ไหน?
หลังจากนั้นไม่นานหลินมู่อวี่ก็ยืนขึ้นท่ามกลางซากปรักหักพังอีกครั้ง เจี๋ยดี่ส่งเสียงร้องราวกับรอให้เจ้านายออกคำสั่ง มันเป็นม้าที่ดีมาก แม้จะไม่ได้กินอาหารมาสองถึงสามวันแล้ว แต่มันก็ยังทรหด หลินมู่อวี่หันม้ามาด้านสมาพันธ์โอสถที่อยู่ตรงข้าม ประตูด้านหน้าพังทลาย เขาขี่ม้าเข้าไปอย่างเชื่องช้า ภายในโถงหลักเต็มไปด้วยกองซากศพของนักปรุงโอสถ ทว่าไม่มีศพของฉู่เหยา
“อย่าฆ่าข้า…อย่าฆ่าข้า…”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากบริเวณตู้ใส่โอสถ หลินมู่อวี่ก้าวเข้าไปและพูดเสียงแผ่วเบา “ออกมา!”
ทว่าอีกฝ่ายยังคงสั่นสะท้านและร้องขอชีวิต “อย่าฆ่าข้า…อย่าฆ่าข้า…”
หลินมู่อวี่ชักกระบี่ออกมาฟันตู้ด้วยความโกรธ ก่อนพบคนนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลัง ไหล่สั่นเทิ้มและเต็มไปด้วยเลือด ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ หลินมู่อวี่คุ้นเคยคนผู้นี้ เขาคือลูกชายชางชู่หลิง…หลัวปิน!
“หลัวปิน?” หลินมู่อวี่มองเขาอย่างเย็นชา “เหตุใดจึงซ่อนตัวอยู่ที่นี่?”
หลัวปินจำหลินมู่อวี่ได้ เขารีบคลานมากอดขาเจี๋ยดี่และพูดว่า “หลินมู่อวี่ พาข้าไปด้วย พาข้าไปด้วย! ข้ายังไม่อยากตาย…ข้ายังไม่อยากตาย…”
หลินมู่อวี่มองด้วยสายตารังเกียจ “ฉู่เหยาอยู่ที่ไหน?”
“ฉู่เหยา…ฉู่เหยาและฉินเหยียนออกไปแล้ว พวกเขาถูกไล่ล่าและฆ่า…ถูกไล่ล่าไปที่ประตูทิศใต้…”
“ประตูทิศใต้?”
หลินมู่อวี่รีบหันม้ากลับ คนอย่างหลัวปินสมควรปล่อยให้ดูแลตัวเองไป
…
ความมืดเข้าคลืบคลานอย่างรวดเร็ว เมื่อหลินมู่อวี่มาถึงประตูทิศใต้ ก็พบเพียงทหารรักษาการณ์ไม่กี่คนจากจักรวรรดิอี้เหอ เขาไม่เห็นวี่แววของฉินเหยียน ฉู่เหยา และคนอื่นๆ
“ท่านแม่ทัพจะออกลาดตระเวนยามดึกหรือขอรับ?” องครักษ์ถามด้วยความเคารพ
หลินมู่อวี่มิได้ตอบ ทว่ามีพลังคุกคามที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขตแดนพลังตกลงมาจากท้องนภา หลินมู่อวี่รีบเงยหน้าขึ้นก็พบชายผู้หนึ่งบนอากาศพร้อมฝ่ามืออันทรงพลังกำลังร่วงลงมา!
เร็วมาก!
หลินมู่อวี่รีบลงจากม้าและใช้ฝีเท้าดาวตกหลบ ทันใดนั้น! เสียงเจี๋ยดี่ร้องครวญครางพร้อมถูกฝ่ามือตัดครึ่งอย่างน่าเวทนา ขณะเดียวกันหลินมู่อวี่ก็เงยหน้ามองชายผู้อยู่บนอากาศ เสื้อคลุมของคนผู้นั้นปลิวไสวตามสายลม พร้อมสายตาดูแคลนที่มองลงมา
ลั่วหลาน!
“เจ้าเป็นผู้สังหารผู้ดูแลเหล่ยหงใช่หรือไม่?” หลินมู่อวี่เอ่ยถามอย่างเย็นชา
ลั่วหลานยิ้มจางๆ “เป็นข้าเอง…ดูสิว่าเมื่อเทียบกับเหล่ยหงแล้ว เจ้าจะมีความสามารถมากเพียงใด ผู้ที่เป็นหนึ่งในสี่วีรบุรุษแห่งเมืองหลันเยี่ยน และสุนัขรับใช้หมาแก่ฉินจิ้น!”
“ไอ้สารเลว!”
หลินมู่อวี่รู้ว่าเขาไม่สามารถหลบหนีได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำให้ดีที่สุดเท่านั้น หลินมู่อวี่ส่งพลังปราณเข้าสู่กระบี่เพิ่มความแข็งแกร่งสิบเปอร์เซ็นต์ ด้วยเสียงตะโกนก้องทำให้เลือดในกายแทบเดือดพล่าน พร้อมวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าสีทองพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องนภา ทันใดนั้น! พลังเอ่อล้นราวกับโลกหยุดหมุนและจักรวาลพลิกกลับ…หกประทีปชิงโลกา!
“โอ้ เจ้าต้องการเริ่มต่อสู้ทันทีเลยหรือ?”
ลั่วหลานยิ้มเล็กน้อยและผายฝ่ามืออย่างเชื่องช้า ทันใดนั้น! ดาบโลหิตอสูรทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าปะทะพลังหกประทีปชิงโลกา!
หลินมู่อวี่เย็นสะท้านในหัวใจ ภายใต้เขตแดนพลังขอบเขตเทวะของลั่วหลาน ทำให้การใช้หกประทีปชิงโลกาเป็นไปได้ยาก และส่งผลให้ความเจ็บปวดแล่นผ่านร่างกายราวกับจะระเบิดทุกเมื่อ ขณะเดียวกันเสียงราชาปีศาจเจ็ดประทีปก็ดังขึ้นจากทะเลจิต “พระเจ้า…นี่เจ้าจะสู้กับเทพเจ้ารึ? เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร…”
หลินมู่อวี่คำราม “แล้วข้ามีทางเลือกอื่นเหรอ? รีบช่วยข้าเร็ว…”
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปถอนหายใจ “ข้าติดหนี้เจ้าทั้งชีวิตและครานี้ข้าอยากจะปล่อยให้เจ้าตายเสียจริง ทว่าน่าเสียดาย ข้าเพิ่งฝึกฝนพลังเทวะจนสมบูรณ์ ฮ่า…”
ทันใดนั้น! ราชาปีศาจเจ็ดประทีปก็คำรามก้อง หลินมู่อวี่รู้เพียงว่าพลังศักดิ์สิทธิ์หลั่งไหลเข้ามาในทะเลจิตของตน พร้อมกระแสน้ำอุ่นสีทองไหลเข้าสู่กระบี่และเพิ่มพลังหกประทีปอย่างรวดเร็ว!
“เข้ามา!”
ลั่วหลานหัวเราะเสียงดังขณะมองหลินมู่อวี่ “หมาแก่ฉินจิ้นแต่งตั้งวีรบุรุษแห่งเมืองหลันเยี่ยน และข้าจะเป็นผู้สังหารแม่ทัพทั้งสี่นี้เอง!”
ดาบโลหิตอสูรพุ่งปะทะกระบี่วิญญาณมังกรอย่างรวดเร็ว!
‘ตูม!’
เกิดระเบิดขนาดใหญ่จนทำให้ประตูเมืองทิศใต้พังทลายลงอีกครั้ง ทหารแห่งจักรวรรดิอี้เหอหลายคนหลบหนีไม่ทันจนถูกแรงกระแทกจากการปะทะ พลังของดาบโลหิตอสูรปะทุออกมาอย่างรุนแรงดูดกลืนพลังของอีกฝ่าย ทำให้พลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายหลินมู่อวี่เหือดหายไปอย่างรวดเร็วและกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
“อั่ก…”
เลือดไหลออกจากปาก ขณะที่ไหล่ของหลินมู่อวี่รู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกแผดเผา ทันใดนั้น! แสงเย็นจากดาบโลหิตอสูรพลันเฉือนร่างอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อ๊าก!”
หลินมู่อวี่คำรามอย่างเจ็บปวด พร้อมตวัดกระบี่วิญญาณมังกร ‘เปรี้ยง!’ มันกระแทกลงบนเกราะปราณยุทธ์ของลั่วหลาน ขณะเดียวกันพลังหกประทีปก็แยกออกจากใบดาบพุ่งตรงไป…แหวกรังสี!
ลั่วหลานส่งเสียงร้องพร้อมก้มดูหน้าอกอย่างไม่เชื่อสายตา ขณะที่มีเลือดไหลทะลักออกจากบาดแผล
กระนั้นหลินมู่อวี่ก็ได้รับพลังตีกลับจากหกประทีปอย่างรุนแรงจนถูกส่งกระแทกกำแพงพร้อมส่งเสียงครวญคราง ขณะเดียวกัน ‘โฮก!’ เสียงร้องมังกรผลึกโลหิตดังขึ้น มันออกจากช่องว่างมิติด้วยตนเอง ก่อนจะพุ่งโจมตีลั่วหลานด้วยคมเขี้ยวและกรงเล็บแหลม
“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน ตายซะ!”
ลั่วหลานส่งนิ้วทั้งห้าที่เป็นดั่งกรงเล็บเจาะทะลุหัวของมังกรผลึกโลหิตเต็มแรง
มังกรน้อยตายทันที!
ลั่วหลานยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่องและมองหลินมู่อวี่ด้วยสายตาน่ากลัว ทันใดนั้น! กรงเล็บทั้งห้าก็พุ่งทะลุหน้าอกของหลินมู่อวี่อย่างรวดเร็ว ด้วยพลังที่รุนแรงทำให้เลือดสาดกระจายทั่วทิศ ลั่วหลานพลันหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ไอ้เศษขยะ! คิดหรือว่าจะเปลี่ยนแปลงกฎของโลกนี้ได้? ฮ่าๆๆ ข้าเป็นเทพเจ้าและผู้ควบคุมกฎของโลกนี้!”
ประกายแสงในดวงตาหลินมู่อวี่เผยความเคียดแค้นและสิ้นหวัง เขามองไปยังลั่วหลานและเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฆ่าข้าซะ หากโลกนี้ไม่สามารถทำลายข้า ข้าจะเป็นผู้ทำลายโลกนี้เอง!”
‘ฉึก!’
เลือดไหลทะลักดั่งสายน้ำ ลั่วหลานคว้านหัวใจหลินมู่อวี่และบดขยี้อย่างรุนแรง
จากนั้นฌานสัมผัสก็แตกสลาย พร้อมวิสัยทัศน์ที่ค่อยๆ มืดมิดลง
ราวกับทุกอย่างตกอยู่ในห้วงมิติว่างเปล่า
นี่คือความรู้สึกหลังความตายหรือ?
…
ร่างไร้ชีวิตของมังกรผลึกโลหิตนอนแน่นิ่งข้างกายผู้เป็นนาย เกล็ดผลึกสีแดงหลอมละลายห่อหุ้มร่างกายของหลินมู่อวี่ และรวมตัวเป็นผลึกน้ำแข็งสีแดง จากนั้นผลึกน้ำแข็งก็กลืนกินทุกสิ่งรอบตัวอย่างบ้าคลั่งจนทำให้ลั่วหลานถอยออกไปสองสามก้าว ภายในพริบตาร่างมังกรผลึกโลหิตก็กลายเป็นผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่มีรัศมีราวสิบเมตรท่ามกลางซากปรักหักพังประตูทิศใต้ของเมืองหลันเยี่ยน
มีร่างมนุษย์นอนแน่นิ่งภายในผลึกน้ำแข็งสีแดงนี้
หลินมู่อวี่ได้เสียชีวิตในการต่อสู้…