The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.347 จักรพรรดิสวรรค์
แม้วิญญาณสัตว์ร้ายของมังกรทองสามกรงเล็บจะมีอายุเพียงหนึ่งหมื่นสองพันปี ทว่าก็เป็นวิญญาณมังกร จึงไม่ง่ายเลยที่จะหลอมมันได้อย่างสมบูรณ์ โชคดีที่หลินมู่อวี่มีติ่งหลอมยักษ์ เมื่อรวมกับพลังเผาไหม้จากเพลิงสวรรค์ เขาใช้เวลาราวสี่ชั่วโมงกว่าจะทำให้วิญญาณมังกรสงบลง
ขณะเดียวกันวิญญาณมังกรผลึกโลหิตค่อยๆ หลอมรวมกลายเป็นมังกรตัวเล็กรูปลักษณ์เดิมของตน มันกัดกินทุกสิ่งตรงหน้ารวมทั้งผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่ ก่อนจะพุ่งไปกัดร่างมังกรทองสามกรงเล็บและกลืนศิลาวิญญาณอันล้ำค่าภายในคำเดียว
‘โฮก…’
มันเงยหน้าส่งเสียงร้องพร้อมกลายร่าง
ไม่นานมีเส้นสีทองห้าเส้นปรากฏขึ้นบนหัวมังกรน้อยซึ่งบ่งบอกว่าเติบโตจนอายุห้าพันปี หลังจากกลืนกินร่างมังกรสายเลือดบริสุทธิ์…มังกรน้อยดูเติบโตรวดเร็วกว่าการกินสัตว์วิญญาณทั่วไป นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า…มังกรผลึกโลหิตเป็นเผ่าพันธุ์มังกรศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน
ขณะที่หลินมู่อวี่หลอมวิญญาณมังกรขั้นตอนสุดท้าย เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าตัวเล็ก ตอนนี้เจ้ามีความสามารถใดบ้าง?”
‘ฟิ้ว’
มังกรน้อยพลันก่อตัวเป็นพายุหมุนกวาดไปรอบบริเวณ
‘ตูม!’
พายุหมุนแตกกระจายตัดซากมังกรทองสามกรงเล็บเป็นชิ้นอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันป่าและทุ่งหญ้ารอบด้านในระยะร้อยเมตรก็ถูกกวาดล้างไปพร้อมกัน ทว่าราชาปีศาจเจ็ดประทีปพลันยกมือสร้างเขตแดนพลังปกป้องตนเองและหลินมู่อวี่จากพลังหมุนของมังกรน้อย หลินมู่อวี่จ้องและกล่าวว่า “เจ้าเด็กโง่ ไม่กลัวจะทำให้ข้าบาดเจ็บเลยหรือ?”
มังกรน้อยรีบวิ่งมาหาพร้อมเอาหัวถูขาหลินมู่อวี่อย่างรักใคร่ ทำให้เขาโกรธมันไม่ลง
ในที่สุดหลินมู่อวี่ก็หลอมแก่นแท้จิตวิญญาณมังกรของมังกรทองสามกรงเล็บสำเร็จ ทันใดนั้น! วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าทองรอบตัวส่องแสงเปล่งประกายและพัฒนาเป็นวิญญาณยุทธ์ระดับแปด แสงสีทองแปรเปลี่ยนอย่างเชื่องช้าจนกลายเป็นวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าทองม่วง อีกทั้งยังได้รับความสามารถใหม่…การดูดซับ
ถูกต้อง…มันสามารถดูดซับพลังของคู่ต่อสู้ได้ พลังนี้จะเป็นอย่างไร…เขาคงได้เห็นจากการต่อสู้ในอนาคต
หลินมู่อวี่ถอนหายใจโล่งอก หลังจากนั้นไม่นานปราณในร่างกายก็ค่อยๆ สงบลง ขณะนี้พลังยุทธ์ของเขาเพิ่มมากยิ่งขึ้น จากนั้นหลินมู่อวี่ชักกระบี่และตวัดไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ‘ชิ้ง!’ ปราณยุทธ์สีขาวขุ่นควบแน่นอยู่บนใบดาบ นี่คือความสามารถพิเศษของขอบเขตนภาชั้นที่สาม…การควบแน่นปราณยุทธ์
เป็นความสามารถที่ช่วยเพิ่มพลังของกระบี่ขึ้นถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ จนทำให้หลินมู่อวี่รับรู้ถึงพลังที่แข็งแกร่งนั้นได้
อีกทั้งตามการจำแนกประเภทพลังยุทธ์ของแผ่นดินใหญ่ ขอบเขตนภาชั้นที่สามมีชื่อเรียกที่ดูดีมาก ‘จักรพรรดิสวรรค์’ มันเป็นชื่อค่อนข้างสง่างาม ทว่าก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับฉายา ‘เทพจักรพรรดิ’ ของราชาปีศาจเจ็ดประทีป
…
“อืม ข้าคงต้องไปแล้ว”
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปหายใจเข้าลึก ขณะที่พลังศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนทั่วร่างกาย เขาเหลือบมองหลินมู่อวี่และกล่าวเสียงแผ่วเบา “ไก่อ่อนหลิน ข้ากำลังขึ้นไปสู่ดินแดนสวรรค์ และไม่รู้ว่าอีกกี่ร้อยกี่พันปีจะได้กลับมา หนทางข้างหน้าขึ้นอยู่กับเจ้าเพียงผู้เดียว ห้ามตายเด็ดขาด…แล้วข้าจะกลับมาดูว่าเจ้าแข็งแกร่งขึ้นมากเพียงใด”
“อื้ม” หลินมู่อวี่พยักหน้าและกล่าวอย่างโศกเศร้า “เจ้าก็ต้องดูแลตัวเองเช่นกัน…ราชาปีศาจ”
“ยังเรียกข้าว่าราชาปีศาจอยู่อีก”
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปหันมายิ้ม “อย่าเหนียมอายราวกับเด็กสาวหน่อยเลย”
“พี่ใหญ่…” หลินมู่อวี่พึมพำ
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปสั่นสะท้านเล็กน้อย เขากัดฟันขณะเดินมาตบไหล่หลินมู่อวี่เบาๆ “เด็กดี เดิมทีพี่ใหญ่ต้องการช่วยสังหารลั่วหลานก่อนจากไป ทว่า…นี่เป็นโชคชะตาของเจ้า คงไม่ดีหากข้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว เนื่องจากมันผิดกฎของสวรรค์ เมื่อข้าไปแล้ว…เจ้าควรดูแลตัวเองให้ดี”
“อืม”
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปเงยหน้าขึ้นพร้อมคำราม ทันใดนั้น! แสงสีทองพุ่งทะยานสู่ท้องนภา ก่อเกิดช่องว่างขนาดใหญ่บนอากาศพร้อมอักขระโบราณสีแดงลอยอ้อยอิ่ง จากนั้นแสงสีทองก็ทอดยาวเป็นลำแสงลงมา หรือนี่จะคือทางไปสวรรค์?
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา ทว่าเขาเพียงเก็บมันไว้
“ข้าไปล่ะ”
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปพลันกระโดดขึ้นบนอากาศและกลายเป็นร่างขนาดเล็ก
หลินมู่อวี่ถอนหายใจ เมื่อถึงคราที่ต้องจากลา…ก็มิอาจฝืนโชคชะตาได้ ครั้งที่หลินมู่อวี่พบกับราชาปีศาจเจ็ดประทีปครั้งแรก ทั้งสองต่อสู้กันจนปางตาย แต่ใครจะคาดคิด…สุดท้ายพวกเขาจะกลายเป็นพี่น้องที่ฝ่าฟันความเป็นความตายด้วยกัน
ทว่าทันใดนั้นเสียงคำรามของราชาปีศาจดังมาจากด้านหลังอีกครั้ง หลินมู่อวี่รีบหันกลับไป และพบราชาปีศาจปรากฏตัวบนพื้นพร้อมรอยยิ้ม “มีหนึ่งสิ่งที่ข้าเกือบลืมไป”
“โอ้ มีสิ่งใดหรือ?”
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปหัวเราะและชี้ไปทางป่าห่างไกล “มิใช่ว่าเจ้าต้องวิ่งลงไปป่าด้านล่างหรือ? คงกำลังอาลัยที่ต้องจากพี่ใหญ่ใช่หรือไม่ ฮ่าๆ”
หลังพูดจบ ความรู้สึกโศกเศร้าที่ต้องจากกันพลันหายไป หลินมู่อวี่ส่ายหัว “พูดมากน่า…พี่ใหญ่มีสิ่งใดหรือ?”
“ข้าลืมให้ของดีแก่เจ้า”
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปยกมือขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะคว้าชิ้นส่วนดาบออกมา “สิ่งนี้…แม้มันดูน่าเกลียด ทว่าหากหลอมในติ่งหลอมยักษ์พร้อมเลือดของเจ้า มันจะกลายเป็นของวิเศษที่หาใครเปรียบได้ไม่ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องชอบใจอย่างแน่นอน”
“โอ้”
หลินมู่อวี่รับดาบมา “มันวิเศษถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”
“แน่นอน ข้าเคยโกหกเจ้ารึ? ข้าไปล่ะ ดูแลตัวเองให้ดี และอย่าถูกใครฆ่า ต่อไปนี้จะไม่มีใครช่วยเจ้าฟื้นคืนชีพอีกแล้ว”
“อืม”
ครานี้ราชาปีศาจเจ็ดประทีปจากไปอย่างแท้จริง เขาก้าวเท้าสู่ความว่างเปล่า ก่อนที่รอยแยกจะปรากฏขึ้นบนอากาศและหายเข้าไปในประตูสวรรค์
ไม่นานประตูสวรรค์ก็ปิดลง…
หลินมู่อวี่เงยหน้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ โชคชะตาเป็นเช่นนี้เสมอ เขาไม่เคยสนใจเรื่องจุกจิกเมื่อครั้งที่ราชาปีศาจเจ็ดประทีปอาศัยร่างกายในการฝึกฝนเพื่อเกิดใหม่ ทว่าหลังจากราชาปีศาจฟื้นฟูพลังศักดิ์สิทธิ์ได้สมบูรณ์และก้าวสู่ดินแดนแห่งเทพอีกครั้ง…หลินมู่อวี่กลับรู้สึกว่านี่คือโชคชะตา ซึ่งไม่จำเป็นต้องบังคับทุกสิ่งอย่างให้เป็นไปตามต้องการ เพียงเดินตามทางที่ถูกวางไว้เท่านั้น
…
เมื่อมองร่างกายตัวเองที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง หลินมู่อวี่ถอนหายใจออกมา ชุดเกราะทั้งหมดถูกลั่วหลานทำลาย ตอนนี้เขามีสภาพไม่ต่างจากขอทาน เมื่อเปิดถุงสรรพสิ่งก็พบเพียงเหรียญเพชร เพชรสีขาว ทวนหลีฮวา และอีกมากมาย ทว่าชุดเกราะของวิหารที่เก็บไว้กลับถูกใช้จนหมดแล้ว ช่างเถิด…เขาจะลองกลับไปยังวิหารเพื่อดูอีกครั้ง
บางทีวิหารศักดิ์สิทธิ์อาจยังคงอยู่ที่เดิม…
ขณะเดียวกันหลินมู่อวี่พลันนึกถึงฉินอิน ถังเสี่ยวซี ฉู่เหยา และทุกคน ไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่…แล้วจักรวรรดิฉินตอนนี้จะเป็นเช่นไร…
เป็นเวลากว่าสามปี…เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง
หลินมู่อวี่รวบรวมปราณ ก่อนจะกระโดดหายเข้าป่า เขาเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวเพื่อหาทิศ หากจำไม่ผิด…เมืองหลันเยี่ยนจะต้องอยู่ทางใต้ของป่าล่ามังกร
เขาวิ่งผ่านป่ายามค่ำคืนด้วยความเหนื่อยล้ากระทั่งออกจากป่าล่ามังกรมาถึงชายป่าธรรมดา ที่ป่าแห่งนี้ไม่มีสัตว์วิญญาณอายุเก่าแก่ มีเพียงสุกรไพรวัน แบดเจอร์ หมาป่า และสัตว์อื่นๆ ดังนั้นจึงมีพรานป่าและชาวนาจำนวนมากอาศัยอยู่บนภูเขา หลินมู่อวี่เห็นริ้วไฟส่องสว่างจากบ้านเรือนระยะไกล
ตอนนี้เขารู้สึกหนาวและหิวโหย จึงไม่สนใจอะไรมากนัก จากนั้นหลินมู่อวี่มุ่งหน้าไปยังลานกว้างและเคาะประตู
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’
หลังจากเสียงเคาะประตูดังสามครั้ง ก็มีเสียงชายแก่ถามขึ้น “ใคร?”
หลินมู่อวี่กล่าวอย่างเคารพ “ท่านลุง ข้าเป็นนักเดินทางพเนจร ได้เผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายจนสูญเสียทุกสิ่งอย่าง ข้าหวังว่าจะขออาศัยที่นี่เพียงข้ามคืน ได้กินอาหารร้อนๆ และจากไปในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น”
‘แอ๊ด…’
ประตูถูกเปิดออกเผยให้เห็นชายชราอายุราวหกสิบปี เขายกตะเกียงน้ำมันขึ้นสูงเพื่อมองหน้าผู้มาเยือน หลินมู่อวี่ดูไม่เหมือนคนเลว ชายเฒ่าจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าหนุ่ม ไปเดินเตร็ดเตร่ในป่าตอนกลางคืนเช่นนี้ช่างอันตรายยิ่งนัก รีบเข้ามาสิ”
“ขอบคุณมากท่านลุง”
“แม่เฒ่า ลุกขึ้นทำซุปผักให้เจ้าหนุ่มนี่พร้อมนึ่งซาลาเปาสองลูก และนำเสื้อของลูกชายมาให้เขาสักชุด”
…
ไม่นานหลินมู่อวี่ก็สวมชุดพรานล่าสัตว์ ชายชรามองมาพร้อมหัวเราะ “นี่คือเสื้อผ้าของลูกชายข้าก่อนที่เขาจะไปเมืองหลันเยี่ยนเพื่อเป็นทหารเมื่อสองปีก่อน ซึ่งเขามิได้กลับมานานแล้ว ดังนั้นเจ้าสามารถใส่เสื้อผ้าพวกนี้ได้ หวังว่ามันจะไม่โทรมจนเกินไป”
“ออกไปเป็นทหาร…” หลินมู่อวี่วางถ้วยซุปลง “ท่านลุง เขาไปเป็นทหารของกองทัพไหนในเมืองหลันเยี่ยนหรือ?”
“กองทัพองครักษ์ เมื่อสองปีก่อนกองทัพเปิดคัดเลือกทหารใหม่ เขาจึงเดินทางไปสมัคร”
“กองทัพองครักษ์…”
หลินมู่อวี่เอ่ยถาม “ผู้ใดคือผู้บัญชาการกองทัพองครักษ์หรือ?”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นบุคคลนามว่า…ฟะ..เฟิง”
“เฟิงจี้สิง”
“ใช่ๆ พ่อหนุ่มรู้จักแม่ทัพเฟิงจี้สิงด้วยรึ?”
“ขอรับ” หลินมู่อวี่รู้สึกตื่นเต้น “ท่านลุง เช่นนั้น…จักรวรรดิถูกกอบกู้จากจักรวรรดิอี้เหอแล้วใช่หรือไม่…”
“มะ…มิใช่ว่าเจ้าอยู่บนภูเขามาตลอดเหรอ?” ชายชรามองด้วยความประหลาดใจก่อนกล่าวว่า “ไอ้พวกสารเลวจักรวรรดิอี้เหอถูกขับไล่ไปยังมณฑลหลิงหนานแล้ว เหอะ! ไอ้พวกบัดซบเอ๊ย…”
หลินมู่อวี่เบิกตากว้าง “จักรวรรดิ…ผู้ใดคือจักรพรรดิองค์ปัจจุบันขอรับ?”
“ไม่มีจักรพรรดิ” ชายชราเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“หือ?” หลินมู่อวี่รู้สึกเจ็บปวดในใจและถามว่า “เหตุใดจึงไม่มี?”
“องค์หญิงฉินอินขึ้นครองราชย์ ทำให้มีจักรพรรดินีเพียงพระองค์เดียว และไม่มีคำกล่าวเรียกจักรพรรดิอีกต่อไป”
“เป็นเช่นนี้เอง”
หลินมู่อวี่ตกใจจนแทบหัวใจหยุดเต้น ก่อนจะถามว่า “ท่านลุงรู้จักองค์หญิงถังเสี่ยวซีและฉู่เหยา…รวมทั้งรู้สถานการณ์ของกองทหารมังกรผงาดหรือไม่ขอรับ?”
ชายชรารู้สึกสับสนเมื่อถูกถามอย่างต่อเนื่อง “ข้าเป็นเพียงพรานเฒ่า ไม่รู้จักเหล่าองค์หญิงและกองทหารเหล่านั้น”
“โอ้ ขอบคุณขอรับท่านลุง”
“กินเถิด กินเยอะๆ และเข้านอนตั้งแต่หัววัน เจ้าคงเหนื่อยล้ามามาก”
“ขอรับ”