The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.358 กลยุทธ์ดวงดาราขั้นที่สอง
EP.358 กลยุทธ์ดวงดาราขั้นที่สอง
วันแรกของการเปิดตัวร้านค้าจื่อยิน ตลอดทั้งวันพวกเขาทำเงินได้จำนวนสองแสนสองหมื่นหนึ่งพันเหรียญทอง ซึ่งเป็นจำนวนค่อนข้างมากเกินความคาดหมายของหลินมู่อวี่และถังเสี่ยวซี นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดี มีผู้จัดหาสินค้าเข้ามาติดต่อมากมายช่วงบ่าย พร้อมร้านค้าขนาดเล็กเข้ามาหารือเกี่ยวกับการร่วมมือ จินเสี่ยวถังงานยุ่งตลอดทั้งคืนแต่สิ่งนี้กลับทำให้นางมีความสุขมาก
ขณะที่หลินมู่อวี่ไม่ใช่คนที่หมกมุ่นกับการหาเงิน เขาถนัดด้านการฝึกฝนยุทธ์มากกว่า
…
เวลาดึกสงัดดวงดาวส่องแสงริบหรี่ หลินมู่อวี่ยืนอยู่ในลานกว้างของสำนักงานขณะที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวพร้อมสัมผัสถึงพลังจักรวาลอันยิ่งใหญ่ กลยุทธ์ดวงดารามีทั้งหมดเก้าขั้น ขณะนี้หลินมู่อวี่เข้าใจเพียงขั้นแรก ซึ่งมันไม่เพียงพอ
หลินมู่อวี่เพิ่มปราณยุทธ์อย่างรวดเร็วหลังจากสูดลมหายใจเพียงครั้งเดียว ทันใดนั้นพลังดวงดาราขั้นแรกปกคลุมทั่วร่างกาย…ดาราปรากฏ หลินมู่อวี่ไม่ได้ควบแน่นปราณยุทธ์ ทว่าอาศัยพลังจากดวงดาวในการฝึกฝนทะเลจิต เมื่อเวลาผ่านไปแสงดาวบนท้องนภาค่อยๆ มืดลงจนแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ก่อนจะตกลงมายังพื้นโลกและเข้าสู่ร่างกายหลินมู่อวี่
หากมีใครสักคนสังเกตคงพบว่า…ค่ำคืนนี้แสงดาวในเมืองหลันเยี่ยนริบหรี่กว่าที่เคย
หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ภายในลานกว้างของสำนักงานมีภาพตื่นตาตื่นใจ ดวงดาวสว่างไสวลอยวนรอบกายหลินมู่อวี่อย่างเชื่องช้า สีหน้าของเขาผ่อนคลายและผายมือออกอย่างเป็นธรรมชาติ ดวงดาวสีฟ้าสองดวงพลันปรากฏบนฝ่ามือ ซึ่งทำให้หลินมู่อวี่ดูคล้ายกับเทพเจ้าแห่งจักรวาลที่สามารถกุมดวงดาวไว้ในมือ
‘ซู่…’
ในทะเลจิต…แสงสีฟ้าและสีแดงหมุนวนเป็นเกลียวเข้าด้วยกัน ค่อยๆ รับพลังดวงดาว
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากลยุทธ์ดวงดาราทะลวงเข้าสู่ขั้นสองแล้ว ตราบใดที่สามารถสร้างดวงดาวในทะเลจิต ก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นที่สองและควบแน่นดวงดาวได้ ตามชื่อแล้ว…นี่เป็นพลังวิญญาณชนิดหนึ่ง เมื่อผสานพลังดวงดาวเข้ากับพลังวิญญาณ จะได้ขอบเขตวิทยายุทธ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
โชคดีที่หลังจากฝึกฝนทักษะชีพจรวิญญาณมาหลายปี…วิญญาณของหลินมู่อวี่ก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป
จากนั้นดวงดาวจึงมารวมกันอยู่ในทะเลจิตของหลินมู่อวี่
‘วิ้ง!’
ฌานสัมผัสปรากฏขึ้นในทะเลจิต ขณะที่หลินมู่อวี่เงยหน้าขึ้นมองดวงดาวจำนวนมหาศาลบนท้องนภาของทะเลจิต
‘วิ้ง…’
ดวงอาทิตย์ที่สว่างไสวลอยเด่นเหนือท้องฟ้าและทะเล ขณะเดียวกันมีดวงดาวขนาดเล็กแปดดวงโคจรอยู่รอบ…นั่นมันระบบสุริยะ!? หลินมู่อวี่ตกใจ หรือนี่จะเป็นระบบสุริยะที่ก่อเกิดจากกลยุทธ์ดวงดาราภายในทะเลจิตของตน?
ในพริบตาขอบเขตทะเลจิตขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ระบบสุริยะเล็กลงเรื่อยๆ จนหายเข้าไปในดาราจักรที่ยิ่งใหญ่และตระกาลตา หลินมู่อวี่ตะลึงงันและสัมผัสได้ถึงพลังงานมหาศาลที่ส่งออกมา นี่คือพลังจักรวาลที่เกินขอบเขตความเข้าใจของมนุษย์โดยแท้จริง!
ไม่นานดาราจักรทางช้างเผือกก็มีขนาดเล็กลง และถูกแทนที่ด้วยเนบิวลาขนาดใหญ่ ซึ่งมีแสงดาวระยิบระยับรวมตัวกันราวกับเปลวไฟ ก่อนจะตกลงมาจากฟากฟ้าอย่างรวดเร็วเข้าสู่ร่างจิตวิญญาณของหลินมู่อวี่!
“อ๊า!!”
ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ขณะที่รอบบริเวณร้อนดั่งไฟเผา นี่คือขอบเขตหมื่นดาราที่แผดเผาร่างกายและจิตวิญญาณของเขาอยู่ใช่หรือไม่?
ความเจ็บปวดแสนสาหัสเสมือนถูกตัดขั้วหัวใจ ทำให้หลินมู่อวี่นอนขดตัวร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ทุกตารางนิ้วของร่างกายร้อนขึ้นราวกับมีไฟแผดเผา ทว่าเขาต้องผ่านการทดสอบนี้ให้ได้ มิเช่นนั้นการทะลวงขั้นของกลยุทธ์ดวงดาราอาจล้มเหลว ดังที่ราชาปีศาจเจ็ดประทีปกล่าว…กลยุทธ์ดวงดาราเป็นพลังลึกลับยิ่งกว่าพลังเจ็ดประทีป จึงถูกกำหนดให้ฝึกฝนยากยิ่งกว่าหลายหมื่นเท่า!
เขาไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่กว่าความเจ็บปวดเหล่านี้จะหายไป
หมื่นดาราในทะเลจิตโคจรอย่างเชื่องช้าหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ
“เฮ้อ…”
หลินมู่อวี่ถอนหายใจพร้อมฌานสัมผัสบินออกจากทะเลจิต เขาลืมตาขึ้นพบท้องฟ้าสว่างไสว ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นเวลารุ่งสาง หลินมู่อวี่ฝึกฝนยุทธ์ตลอดคืนโดยไม่รู้ตัว…
ขณะเดียวกันเขารับรู้ได้ถึงพลังบนฝ่ามือ จึงปล่อยพลังออกมาแผ่วเบา ‘วิ้ง…’ สายพลังเส้นหนึ่งลอยออกจากฝ่ามืออย่างเชื่องช้าราวกับผ้าไหมที่งดงาม สิ่งนี้ทำให้หลินมู่อวี่ตื่นตระหนกมาก…มันคือเนบิวลา!
สิ่งนี้เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ซึ่งเทียบไม่ได้กับผ้าไหมเลย…
ในที่สุดการทะลวงกลยุทธ์ดวงดาราขั้นที่สองสำเร็จ และได้รับ ‘โซ่ดวงดาว’ พลังนี้น่าเกรงขามมากในแง่ของความแข็งแกร่งและพลังโจมตี แม้แต่หลินมู่อวี่ก็ไม่กล้าปลดปล่อยพลังนี้ออกมา เนื่องจากแรงระเบิดทรงพลังมาก เขาไม่ต้องการทำลายวิหารที่เพิ่งสร้างเสร็จด้วยมือของตนเอง…
ความแข็งแกร่งค่อยๆ มากขึ้น ขณะที่โซ่ดวงดาวแทรกซึมเข้ามาในร่างกาย
ขณะเดียวกันหลินมู่อวี่สังเกตเห็นเปลวไฟสีน้ำเงินลอยวนรอบกาย…มันคือเพลิงดารา!
เขารู้สึกดีใจมาก เนื่องจากก่อนหน้าไม่สามารถหาเปลวไฟที่แข็งแกร่งมากพอสำหรับติ่งหลอมยักษ์ ทว่าเพลิงดารากลับมาหาเขาเองถึงหน้าประตู โชคดีที่ตัดสินใจฝึกฝนกลยุทธ์ดวงดาราค่ำคืนนี้และได้รับของแถมอีกชิ้น!
หลิอมู่อวี่เรียกติ่งหลอมยักษ์และเคลื่อนย้ายเพลิงดาราเข้าไปทันที ก่อนจะเริ่มหลอมอย่างเชื่องช้า
เพลิงดาราไม่ใช่ไฟบนโลกมนุษย์จึงทรงพลังยิ่งกว่าเพลิงสวรรค์ และกระบวนการปรับแต่งไม่ง่ายอย่างที่คิด
กระนั้นมนุษย์ก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากไม่กินหรือดื่มเลย
กระทั่งพลบค่ำ เพลิงดาราก็เข้าสู่ชั้นที่เจ็ดอย่างเชื่อฟัง และกลายเป็นไฟหลอมชั้นที่เจ็ดของติ่งหลอมยักษ์
หลินมู่อวี่ถอนหายใจอย่างโล่งอกและกล่าวเสียงดัง “ทหาร นำอาหารเย็นมาให้ข้า”
“ขอรับใต้เท้า!”
ทหารรักษาการณ์ไม่กล้ารบกวนการฝึกยุทธ์ของหลินมู่อวี่ ในที่สุดเขาก็รู้สึกโล่งใจที่ผู้นำวิหารยอมกินอาหาร อย่างน้อยเขาก็ไม่ตายเพราะอดอาหาร…
…
อาหารเย็นเลิศหรูมาก มีไก่ย่าง ขาหมูซีอิ๊ว พร้อมข้าวชามโต คนครัวคงรู้ว่าใต้เท้าหลินมู่อวี่ผู้ยิ่งใหญ่ฝึกฝนตลอดทั้งวันจึงต้องการยาบำรุง ไม่ง่ายเลยที่จะได้กินอาหารเช่นนี้ เนื่องจากเมืองหลันเยี่ยนไม่เหมือนเมื่อสามปีก่อนอีกต่อไป…หลังจากการรุกรานของจักรวรรดิอี้เหอ หมู่บ้านและเมืองขนาดเล็กถูกเผาและเข่นฆ่า ทุ่งหญ้าที่เคยอุดมสมบูรณ์กลายเป็นพื้นที่รกร้าง ไม่รู้เลยว่าจะต้องมีผู้คนล้มตายด้วยความอดอยากอีกกี่หมื่นคน แม้เมืองหลันเยี่ยนจะดูเจริญรุ่งเรืองขึ้น ทว่าสถานการณ์ที่แท้จริงไม่ดีนัก หากเดินออกจากตัวเมือง…จะสามารถเห็นผู้คนหิวโหยและอดอยากอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
แม้แต่ฉินอินผู้เป็นจักรพรรดินีก็ต้องอยู่อย่างมัธยัสถ์ หลินมู่อวี่รู้สึกละอายใจที่ต้องกินอาหารเลิศหรู อย่างไรก็ตามขณะนี้เขาหิวโหยจนสามารถกินหมูได้ทั้งตัว!
หลังทานอาหารเสร็จ หลินมู่อวี่ฝึกฝนหมัดเสียงปีศาจเพื่อช่วยย่อยอาหาร
แม้จะฝึกฝนกลยุทธ์ดวงดาราติดต่อกันสองวัน แต่กลับไม่รู้สึกง่วง หลินมู่อวี่จึงตัดสินใจฝึกฝนต่อไป!
จากนั้นหลินมู่อวี่เรียกติ่งหลอมยักษ์ออกมาอีกครั้ง ก่อนจะโยนดาบขึ้นสนิมที่ราชาปีศาจเจ็ดประทีปให้ลงไป ดาบหมุนคว้างในอากาศอย่างเชื่องช้าพร้อมเปลวเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง ครานี้เขามั่นใจว่าจะสามารถหลอมดาบเล่มนี้ได้อย่างแน่นอน
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปเคยกล่าวว่าสิ่งนี้เป็นของดี…แล้วมันดีอย่างไร?
…
หลังจากผ่านไปสามชั่วโมงกระทั่งดึกสงัด ในที่สุดดาบค่อยๆ หลอมละลายเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง หลินมู่อวี่มองเห็นตัวหนังสือเลือนรางบนด้ามดาบ ‘อี้’ มันหมายความว่าอย่างไร…หรือจะหมายถึงดาบเล่มนี้ตั้งตรง?
คำพูดนี้ช่างไร้สาระเกินไป…
มันไม่สำคัญนัก…ค่อยคิดหลังจากหลอมเสร็จแล้วกัน!
ฌานสัมผัสดำดิ่งเข้าสู่ดาบเพื่อนำทางไฟในการหลอมขั้นต่อไป ขณะเดียวกันหลินมู่อวี่รู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่สถิตในดาบราวกับทำหน้าที่ปกป้อง นี่เป็นพลังที่ทำให้เขาไม่สามารถหลอมดาบได้ในคราแรก ทว่าภายใต้เพลิงที่ลุกไหม้รุนแรง…พลังลึกลับนี้แทบไม่สามารถป้องกันตัวเองได้อีกต่อไป!
เวลาผันผ่านไป ขณะที่ใบดาบหลอมละลายอย่างเชื่องช้า
หลินมู่อวี่แอบดีใจ “ในที่สุดก็หลอมสำเร็จ!”
หลังจากนั้นไม่นานดาบทั้งเล่มกลายเป็นน้ำหลอมเหล็ก กระนั้นกลับไม่ใช่น้ำหลอมเหล็กสีแดงแต่เป็นสีทองซึ่งดูลึกลับมาก! หลินมู่อวี่ก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต หรือว่า…นี่อาจเป็นเพราะคุณภาพของเหล็ก เนื่องจากมันเป็นนิลพิศวงอายุกว่าหมื่นปีจึงเป็นของล้ำค่ายิ่ง
แล้วขั้นตอนต่อไปล่ะ?
หลินมู่อวี่กำลังประสบกับปัญหา ราชาปีศาจเจ็ดประทีปทิ้งดาบเล่มนี้ก่อนจากไปและบอกให้หลอมรวมกับเลือดของเขาเอง…ทว่าจะหลอมมันได้อย่างไร?
เขาขมวดคิ้วแน่นในขณะที่ยังควบคุมอุณหภูมิความร้อนไว้อย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด ทันใดนั้นคลื่นพลังของแก่นแท้ถูกแยกออกจากน้ำหลอมเหล็กที่เดือดพล่าน ใช่…มันคือแก่นแท้ทองคำ!
“นำออกมา!”
หลินมู่อวี่ตะโกนดังพร้อมเหยียดแขนซ้ายออกชำระล้าง ขณะเดียวกันแก่นแท้ทองคำหลั่งไหลเข้าสู่แขนก่อเกิดความเจ็บปวดแล่นผ่านราวกับถูกไฟเผาจิตวิญญาณ
“อ๊า…”
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญออกมา ขณะที่ควบแน่นปราณยุทธ์ปกป้องฌานสัมผัสของตนไม่ให้เกิดความเสียหาย แก่นแท้ทองคำเหล่านี้สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและทะลุเข้าสู่เส้นเลือดในกาย…นี่มันกำลังหลอมรวมกับเลือดของเขาอย่างนั้นหรือ?
เขารู้สึกถึงพลังที่กำลังพลุ่งพล่านในกระแสเลือด
ขณะเดียวกันแสงสีทองรอบตัวส่งเสียงออกมาพร้อมจิตวิญญาณน้ำเต้าทองม่วงปรากฏขึ้นต่อต้านบางสิ่ง ก่อนหน้ามันเคยเป็นเช่นนี้กับวิญญาณยุทธ์หมาป่าเพลิงของปู้ไห่ ทว่าครานี้มันกำลังต่อต้านกับสิ่งใด?
ท้ายที่สุดการต่อต้านไม่เป็นผล พลังอันยิ่งใหญ่รุกรานร่างกายหลินมู่อวี่ราวกับนักเลงบุกตลาดมืด ก่อนจะยึดร่างของเขาอย่างไม่แยแสการต่อต้านของน้ำเต้า
…
กระบวนการนี้ใช้เวลาถึงห้าชั่วโมง กระทั่งหลินมู่อวี่ทรุดลงกับพื้นนั่งคุกเข่าอย่างหมดเรี่ยวแรง ราวกับว่าปราณทั้งหมดถูกดูดซับจนแห้ง
ขณะที่ใช้ฌานสัมผัสตรวจสอบ เขาพบว่าในร่างกายไม่ได้มีเพียงวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าทองม่วงเท่านั้น ทว่ามีแสงสีทองอีกสองดวงส่องแสงเรืองรอง
นั่นคือสิ่งใด?
หลินมู่อวี่ตกตะลึงและยกมือเรียกวิญญาณยุทธ์ออกมาอย่างรวดเร็ว!
‘วิ้ง!’
แสงสาดส่องพร้อมโซ่สีทองพวยพุ่งออกมาคล้องแขนราวเทพเจ้า หลินมู่อวี่ตะลึงงัน นี่มัน…โซ่เทวะ!
ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ราชาปีศาจเจ็ดประทีปมอบให้ตนคือ…วิญญาณยุทธ์โซ่เทวะ!