The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.377 ถึงเวลา
EP.377 ถึงเวลา
“โฮก!!”
เหล่ยฉงคำรามพร้อมใช้ขวานศึกทุบหัวผู้บัญชาการนายหนึ่งจนสมองกระจาย ฟ้าแลบส่องสว่างทั่วบริเวณเผยให้เห็นร่างของอสูรเกราะจำนวนนับไม่ถ้วน!
“แปรทัพโล่!”
หมินจ้านชักดาบนำหน้ากองทหารพุ่งออกไปเผชิญหน้ากับกรงเล็บของอสูรเกราะ
ทหารแนวหน้าล้มลงราวกับข้าวสาลีถูกตัด ก่อนจะมีเสียงระเบิดดัง ทันใดนั้นกำแพงเมืองก็พังทลายลงอย่างรวดเร็วพร้อมอสูรเกราะชุดดำกระพือปีกพุ่งตรงเข้าใส่กองทหารของหมินยวี่หลินทันที
“ชิ้ง!”
หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรและคำรามเสียงทุ้มต่ำ “ฆ่ามัน!! ทะลวงออกไปให้ได้!”
ฉินเหยียน เฉินฮั่น และคนอื่นๆ ดึงอาวุธออกมาและวิ่งตามหลินมู่อวี่
“ตูม!”
อสูรเกราะเหวี่ยงขวานเข้าใส่ ทว่าหลินมู่อวี่เคลื่อนไหวเร็วกว่ามาก เขาใช้ฝีเท้าดาวตกหลบการโจมตีและตวัดกระบี่ตัดหัวอสูรเกราะลอยขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว แต่ไม่หยุดเพียงเท่านั้น เขาพุ่งตัวไปด้านหน้าพร้อมสะบัดคมกระบี่เฉือนอสูรเกราะกว่าสิบตัวกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที
ขณะนี้หลินมู่อวี่ยังไม่ต้องการท้าทายเหล่ยฉงและกองทัพอสูรเกราะ เมื่อเห็นธงกองทหารแห่งจักรวรรดิ พวกมันพุ่งตรงไปหาหมินยวี่หลินอย่างบ้าคลั่ง แสงคมดาบของหมินยวี่หลินเปล่งประกายท่ามกลางความโกลาหล ก่อนจะเลือนหายไปในที่สุด…
“ตูม!”
ดาบทื่อเจาะทะลวงหน้าอกทหารของกองกำลังศักดิ์สิทธิ์อย่างรุนแรง เขาล้มลงโดยที่ไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง…
หลินมู่อวี่กัดฟันแน่นพร้อมวิ่งฝ่าสายฝนเปิดทางให้ฉินเหยียน เฉินฮั่น และคนอื่นๆ
กระนั้นอสูรเกราะนับไม่ถ้วนเข้ามาปิดล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่กองกำลังศักดิ์สิทธิ์ล้มตายจนเหลือน้อยกว่าสิบนายภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที แม้แต่เฉินฮั่นก็ถูกตัดแขนขาด
เสียงผู้คนถูกเข่นฆ่าเบาลงเรื่อยๆ กระทั่งถูกเสียงฝนกลบจนหมด ดูเหมือนว่าการต่อสู้จะจบลงแล้ว…
ถูกต้อง…อสูรเกราะมีพลังมหาศาลและยังเป็นอมตะ เพียงตัวเดียวสามารถเผชิญหน้ากับทหารแห่งจักรวรรดิมากว่าสิบนาย ขณะนี้มีอสูรเกราะอยู่ทุกหนแห่งไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนตน เช่นนั้นทหารหนึ่งหมื่นนายของหมินยวี่หลินจะต้านทานได้อย่างไร?
เท้าของหลินมู่อวี่เลอะโคลนขณะที่รอบกายปกคลุมไปด้วยน้ำเต้าทอง เขาไม่แม้แต่จะปิดบังรัศมีวิญญาณยุทธ์โซ่เทวะที่โคจรอยู่รอบใบดาบอีกต่อไป ก่อนจะพุ่งตวัดกระบี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเฉือนอสูรเกราะขาดเป็นสองท่อน และเคลื่อนตัวไปด้านหน้าพร้อมกับทุกคน
…
“มังกรผลึกโลหิต เปิดเส้นทางให้ข้าที!”
เสียงคำรามดังแหวกรอยแยกมิติ ก่อนที่มังกรน้อยจะบินออกมาขย้ำหัวอสูรเกราะในพริบตา มันกัดหางตนเองพร้อมเกล็ดแหลมที่แผ่นหลังตั้งชัน มันพุ่งปะทะอสูรเกราะจนกลายเป็นกองเนื้ออย่างรวดเร็ว
การปรากฏตัวของมังกรผลึกโลหิตทำให้เผ่าปีศาจตกตะลึง พวกมันไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดเช่นนี้มาก่อน
กระนั้นก็ดึงดูดความเกลียดชังของอสูรเกราะมากขึ้น ขวานศึก หอก และอาวุธต่างๆ พุ่งเข้าใส่มังกรน้อยอย่างรวดเร็วจนทำให้เกล็ดหลุดไปหลายชิ้นพร้อมเสียงกรีดร้องดังก้อง
หลินมู่อวี่ทนดูไม่ไหวจึงส่งมังกรน้อยกลับไปยังพื้นที่ต่างมิติทันที
ขณะเดียวกันแขนข้างซ้ายพลันปวดร้าวพร้อมเลือดไหลริน เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะห้ามเลือด ขณะที่ฝนยังเทลงมาหนักหน่วง หลินมู่อวี่ทำดีที่สุดแล้ว เขาทำได้เพียงเข่นฆ่าศัตรูและมุ่งหน้าต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ แม้ผู้คนที่ติดตามอยู่เบื้องหลังจะลดน้อยลงเรื่อยๆ
ทันใดนั้น! เสียงน้ำไหลเชี่ยวกรากดังขึ้นจากด้านหน้า มันคือทางน้ำสายหนึ่งของแม่น้ำต้าวเจียงที่ไหลออกนอกเมืองตงฉวงซึ่งถูกแสดงบนแผ่นที่
หลินมู่อวี่รีบออกคำสั่ง “กระโดดลงน้ำและว่ายข้ามไป!”
สายตาฉินเหยียนยังคงจับจ้องไปที่โซ่เทวะของหลินมู่อวี่ เขาไม่ได้พูดสิ่งใด ก่อนจะกระโดดลงน้ำตามหลินมู่อวี่ไป กองทัพอสูรเกราะพลันหยุดนิ่งเมื่อมาถึงริมน้ำ พวกมันคำรามลั่นใส่แม่น้ำ แต่ไม่กล้าลงไปลึกกว่านี้
พวกอสูรเกราะกลัวน้ำ!
“เฉินฮั่น! เฉินฮั่น!” หลินมู่อวี่ตะโกนดังในความมืด
ฉินเหยียนตอบกลับขณะว่ายน้ำ “พี่ใหญ่ ท่านเฉินฮั่นเสียชีวิตระหว่างการต่อสู้…”
“…”
หลินมู่อวี่นิ่งเงียบและว่ายน้ำอย่างสิ้นหวัง ขณะเดียวกันร่างของทหารกองกำลังศักดิ์สิทธิ์กระโดดลงน้ำและตะโกนจากระยะไกล “ใต้เท้า”
“ข้าอยู่นี่!” หลินมู่อวี่ส่งพลังให้น้ำเต้าเปล่งแสงสว่างขึ้น
ชายผู้นั้นรีบว่ายน้ำตรงมา ทว่าทันใดนั้น! เงาสีดำบินพุ่งออกจากฝั่ง “ฉัวะ!” มีเสียงดังขึ้นพร้อมศีรษะของทหารกองกำลังศักดิ์สิทธิ์ขาดสะบั้นอย่างรวดเร็ว!
มันคือการขว้างอาวุธของอสูรเกราะ!
หลินมู่อวี่พลันสั่นสะท้าน ขณะที่ฉินเหยียนพูดว่า “พวกมันยังคงรออยู่ที่ชายฝั่ง พี่ใหญ่…เรารีบว่ายน้ำขึ้นอีกฝั่งเถิด มิเช่นนั้นคงไม่สามารถหลบหนีการไล่ล่าของอสูรเกราะได้”
“อืม!”
ทว่าขณะเดียวกันมีเสียงลูกธนูแหวกอากาศดังขึ้น
“แย่แล้ว พวกมันคืออสูรปีก!”
หลินมู่อวี่เรียกกำแพงน้ำเต้าขึ้นมาเหนือศีรษะทันที “เคร้ง เคร้ง!” เสียงลูกธนูตกกระทบพร้อมกระดอนออกไป แม้แม่น้ำจะกว้างใหญ่ แต่พวกเขาก็ว่ายน้ำใกล้ชิดกันจนข้ามไปถึงอีกฝั่ง แต่ดูเหมือนว่าพวกอสูรปีกกำลังไล่ตามมาบนอากาศ
“จะทำอย่างไรดี?!” ฉินเหยียนตะโกนเสียงดัง
หลินมู่อวี่กดไหล่ฉินเหยียนลงหมอบท่ามกลางต้นกกริมน้ำ หลินมู่อวี่นิ่งเงียบขณะที่ใช้ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจสอบปราณของอสูรปีก เวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีกระทั่งพวกอสูรบินหายไป เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก และรู้สึกว่าตนได้ใช้ปราณยุทธ์เกือบทั้งหมดไปกับศึกครานี้!
“อย่าควบแน่นปราณยุทธ์อีก” หลินมู่อวี่กล่าวกับฉินเหยียนเสียงเบา “มิเช่นนั้นอาจถูกพวกอสูรปีกจับได้ พวกมันสามารถมองเห็นในที่มืดอย่างจำกัด ขณะนี้มีฝนตกหนัก เราสามารถใช้โอกาสนี้หลบหนีได้ อาเหยียน…เจ้าบอกทิศทางได้หรือไม่?”
ฉินเหยียนพยักหน้า “ทิศของเมืองหลันเยี่ยนอยู่ทางตะวันตก”
“กลับบ้านกัน”
“อืม กลับบ้านของเรา!” ฉินเหยียนเกือบร้องไห้เมื่อได้ยินคำว่า ‘บ้าน’ สิบเก้าวันที่ถูกปิดล้อมในเมืองตงฉวงเป็นฝันร้ายที่เกินกว่าจะรับไหว…
ทั้งสองรีบออกเดินทางท่ามกลางสายฝนในยามค่ำคืนโดยไม่หยุดพัก จนกว่าจะสามารถออกห่างจากเมืองตงฉวงอย่างน้อยห้าสิบไมล์
ฝนยังคงเทลงมาอย่างหนัก ขณะที่ฉินเหยียนร้องไห้คร่ำครวญ
หลินมู่อวี่ยังคงนิ่งเงียบและฉีกเสื้อออกมาพันแผลที่แขน
หลังจากฉินเหยียนร้องไห้เป็นเวลานานก็พูดว่า “พี่ใหญ่ ท่านเซินเว่ยโหวเสียชีวิตแล้วหรือ?”
“ใช่ เขาเสียชีวิตแล้ว”
“ท่านเซินเว่ยโหวเก่งกล้ามาก เหตุใดจึงเสียชีวิต?”
“ข้าไม่ทราบ…”
หลินมู่อวี่รู้สึกสับสนเช่นกัน ก่อนจะยกมือขึ้นตบไหล่ฉินเหยียน “อาเหยียน เราต้องออกจากที่นี่ มีเผ่าปีศาจทุกหนแห่ง พวกมันไม่ปล่อยเราไว้ ข้า…ไม่รู้ว่าสถานการณ์ในมณฑลชางหนานจะเป็นเช่นไร พวกเผ่าปีศาจหิวโหยยิ่งนัก มันคงไม่พอใจกับเมืองเล็กๆ อย่างเมืองตงฉวงเป็นแน่”
“พี่หมายถึง…พวกมันจะเคลื่อนทัพไปทางตะวันตกหรือ?” ฉินเหยียนเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“อืม พวกมันจะต้องโจมตีเมืองห้าหุบเขา ต่อด้วยเมืองหลันเยี่ยน ก่อนจะทำลายจักรวรรดิทั้งหมด” หลินมู่อวี่ถอนหายใจและกล่าวต่อ “เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม มิเช่นนั้นอาจถูกตีแตกพ่าย เอาล่ะ รีบไปกันเถิด ไม่มีเวลาให้พักผ่อนอีกแล้ว ต้องหาม้าสองตัวให้เร็วที่สุดเพื่อเดินทางไปยังเมืองห้าหุบเขาและกลับเมืองหลันเยี่ยนหลังจากนั้น”
“อื้ม!”
…
ฝนหยุดตกในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ซูหยางพาจินฮุยออกไปทำพิธีล้างบาปบนพื้นปฐพีจากสงครามที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
หลินมู่อวี่และฉินเหยียนดูไม่เหมือนทหารยศสูงอีกต่อไป ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยเลือดและโคลน เสื้อคลุมพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด แม้แต่ฝนก็ไม่สามารถชะล้างได้
เมื่อถึงเวลาเที่ยง ทั้งสองพบหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ชายแดนด้านตะวันตกของมณฑลหลิงตง โชคดีที่ถุงสรรพสิ่งยังคงอยู่ พวกเขาจึงมีเหรียญทองเพื่อซื้อบะหมี่ชามโตในหมู่บ้าน จากนั้นจึงไปพบหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อขอให้อพยพชาวบ้านไปยังมณฑลชางหนาน ทว่ากลับถูกปฏิเสธเนื่องจากหัวหน้าหมู่บ้านคิดว่าทั้งสองเป็นเพียงคนลวงโลก
แท้จริงแล้วมันสมเหตุสมผล เนื่องจากทั้งสองอยู่ในชุดที่มอมแมม เช่นนั้นจะมีใครเชื่อว่าคนหนึ่งเป็นผู้นำวิหารศักดิ์สิทธิ์ ส่วนอีกคนเป็นถึงอ๋องน้อย…
หลินมู่อวี่ไม่ต้องการเสียเวลามากเกินไป เขาคงไม่สามารถช่วยเหลือคนเหล่านี้ได้อีก ก่อนจะซื้อม้าพันธุ์ดีสองตัวและมุ่งหน้าไปมณฑลชางหนานพร้อมฉินเหยียน
…
วันรุ่งขึ้นพวกเขาควบม้าบนถนนจนไปถึงถนนสายหลักที่เชื่อมระหว่างมณฑลชางหนานและมณฑลหลิงตง พวกเขาขี่ม้าไปตามทางกระทั่งถึงเวลาเที่ยง มีทหารรักษาการณ์ปรากฏขึ้นบนทาง พวกเขาตั้งค่ายตรวจอยู่ที่นี่ แม้เมืองห้าหุบเขาจะอยู่อีกไกล
“ลงจากม้า!”
ผู้บัญชาการกองร้อยก้าวออกไปมองหลินมู่อวี่และฉินเหยียนด้วยท่าทางแปลกประหลาด “พวกเจ้าเป็นใคร?”
หลินมู่อวี่ลงจากหลังม้าและดึงผ้าคลุมไหล่ออก เผยให้เห็นตราใบไม้สีทองประจำตำแหน่งผู้นำวิหาร “ข้าหลินมู่อวี่…ผู้นำวิหารศักดิ์สิทธิ์ ส่วนนี่คือฉินเหยียน…บุตรของอ๋องจี้หนิง พวกเราเดินทางจากเมืองตงฉวง”
ผู้บัญชาการกองร้อยกลอกตาและชี้มาที่ทั้งสองพร้อมหัวเราะ “เจ้าทั้งสองช่างบังอาจมาโกหกทหารแห่งจักรวรรดิ ไม่ใช่ว่าเมืองตงฉวงกำลังมีสงครามกับจักรวรรดิอี้เหอหรอกรึ? หากเป็นคนของกองทหารหยางเว่ยจริง เหตุใดจึงอยู่ที่นี่? เป็นไปได้หรือว่า…กองทหารพ่ายแพ้แล้ว? แล้วยังเรื่องหลินมู่อวี่ผู้นำวิหารศักดิ์สิทธิ์อีก…หนึ่งในสี่วีรบุรุษแห่งเมืองหลันเยี่ยนจะมีหน้าตาขี้แพ้เช่นเจ้าได้อย่างไร?!” ทหารด้านข้างพลันหัวเราะเสียงดัง
ฉินเหยียนขมวดคิ้วและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กองทหารหยางเว่ยทั้งหมดถูกทำลายแล้ว”
“เจ้าพูดบ้าอะไร?”
ผู้บัญชาการกองร้อยหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “สามหาว! ท่านเซินเว่ยโหวทำให้ทั้งแผ่นดินตกตะลึงในการเอาชนะกองทัพเจ็ดหมื่นนายของจักรวรรดิอี้เหอและคงเฉลิมฉลองอยู่ในเมืองตงฉวง พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรจึงกล่าวหาว่ากองทหารหยางเว่ยถูกทำลายแล้ว!!”
………………………………….