The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.384 แผนของเหล่าปีศาจ
EP.384 แผนของเหล่าปีศาจ
เกือบครึ่งเดือนที่กองทหารที่สี่ตั้งค่ายอยู่ท่าเรือเฟิงหลินโดยไม่ก่อสงคราม แม้ฐานทัพเหล่าปีศาจอีกฝั่งไกลลิบจนแทบมองไม่เห็น ทว่าผู้คนกลับหวาดกลัวที่พวกมันเอาแต่นิ่งไม่ไหวติง
ยามเช้าตรู่ หมอกปกคลุมทั่วเมืองแห่งใหม่ที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ภูเขาด้านหลังเมืองแทบทั้งลูกถูกยกไปสร้างเมืองแห่งใหม่ อีกทั้งพลเรือนเกือบแสนยังต้องทำงานทั้งวันทั้งคืน
เฝิงสี่กระชับดาบข้างกายก่อนกล่าวอย่างอดกกลั้นขณะเดินไปมาบนกำแพงเมือง “พวกปีศาจคิดทำอะไร จะไม่โจมตีเราอย่างนั้นหรือ? นายท่าน… ข้าคิดว่าฝ่ายเรามีเรือรบและทหารม้าหนักพร้อมจู่โจม บุกฆ่าพวกมันเลยไม่ดีหรือ?”
“ไม่”
หลินมู่อวี่โบกมือปฏิเสธพลางยิ้ม “เฝิงสี่ อย่าดูถูกเผ่าปีศาจเชียว ไม่เช่นนั้นจะเป็นเจ้าเองที่พ่ายแพ้ยับเยิน พลังของพวกมันน่ากลัวกว่าที่คิดเจ้าว่าเหตุใดฝ่าบาททรงสั่งสร้างเมืองใหม่ในเวลากระชั้นชิดเช่นนี้? พระองค์หวังปกป้องจักรวรรดิจากพลังอันชั่วร้ายโดยพึ่งเมืองแห่งนี้ อย่างไรเสียพวกมันยังอ่อนหัดเรื่องกลศึกทางน้ำอยู่มาก”
“ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว!”
อีกด้านหนึ่ง เว่ยโฉวหลิ่วตาพร้อมกล่าว “พวกเราได้รับสารจากกองทหารทั้งหกแนบมาพร้อมขนนกที่สื่อถึงเรื่องด่วนไม่เว้นวัน ชายฝั่งแม่น้ำต้าวเจียงมีเพียงความเงียบ เหล่าปีศาจไม่เคลื่อนไหวมานาน หน่วยสอดแนมที่ส่งไปต่างถูกฆ่าตายหมด เราไม่รู้เลยว่าพวกมันทำสิ่งใดกันอยู่!”
หลินมู่อวี่คิ้วขมวดพลางกล่าวตอบ “เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะไปตระเวนชายฝั่งทางตะวันออก เจ้าดูแลเมืองให้ดี”
“ไม่ได้ขอรับ!”
ฉินเหยียนรีบขัด “ชายฝั่งตะวันออกอันตรายนัก พี่ใหญ่ไปคนเดียวไม่ดีแน่”
“อย่าห่วงเลย” หลินมู่อวี่เลิกคิ้วพร้อมกล่าวออก “ข้าจะลอบเข้าไปเพื่อไม่ให้พวกมันรู้ตัว เจ้าจงระวังและเตรียมตั้งรับการโจมตีของเหล่าปีศาจเถิด”
“ขอรับ!”
….
ตกกลางคืน หลินมู่อวี่ในชุดสีดำทมิฬออกจากเมืองพร้อมแบกกระบี่วิญญาณมังกรไว้ที่หลัง ฉินเหยียน เว่ยโฉวและคนอื่นๆ ที่มาส่งเฝ้ามองท่านผู้บัญชาการว่ายน้ำมุ่งไปอีกฝั่ง
สายน้ำในช่วงฤดูร้อนยามกลางคืนนั้นเย็นนัก หลินมู่อวี่ว่ายน้ำไปอย่างเชื่องช้าพลางใช้ทักษะชีพจรวิญญาณเพื่อจับสิ่งเคลื่อนไหวรอบกาย ในแม่น้ำมีเพียงฝูงปลา ไร้วี่แววของสัตว์ร้ายอย่างมังกรเกราะน้ำแข็ง อย่างไรซะแม่น้ำแห่งนี้ก็ไม่ลึกพอให้พวกมันอาศัยอยู่
เมื่อว่ายถึงชายฝั่งทางตะวันออก ชีพจรวิญญาณทำให้เขาสัมผัสถึงรัศมีชั่วร้ายของอสูรเกราะซึ่งเป็นกองกำลังหลักแห่งเผ่าปีศาจกระจายอยู่ทั่วบริเวณ แม้รัศมีนั้นจะอยู่ห่างไปเพียงห้าสิบเมตร ทว่าพยายามข่มตาเพียงใดก็ไม่อาจเห็น พวกอสูรต้องพรางตัวอยู่เป็นแน่!
“แปะ แปะ…”
น้ำจากเสื้อผ้าหลินมู่อวี่หยดลงบนพื้น เขาเดินเลาะชายฝั่งริมน้ำก่อนมุ่งไปในป่าอย่างเงียบเชียบ รัศมีอสูรเกราะอยู่ไม่ไกลนัก!
หลินมู่อวี่ซ่อนตัวบริเวณพุ่มไม้พลางเฝ้าสังเกตการณ์อยู่สักพัก ทันใดนั้นต้นหญ้าฝั่งตรงข้ามก็สั่นไหวเพราะการขยับตัวของอสูรเกราะ เขาหัวเราะออกมาทันที ในเมื่อพวกมันดักซุ่มโจมตีหน่วยสอดแนมอยู่ที่นี่ ไม่ต้องสงสัยเหตุใดไม่เคยมีผู้ใดรอดกลับไป
เกิดเสียงเสียดแผ่วเบายามกระบี่วิญญาณมังกรถูกชักออกจากฝัก หลินมู่อวี่พุ่งตัวจู่โจมอสูรเกราะอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้มันตั้งตัว กระบี่ถูกยกลอยเหนือฟ้าพร้อมกับแสงสว่างวาบไปทั่วผืนป่า เพียงพริบตาเดียวศีรษะและลำตัวของอสูรขาดออกเป็นสองท่อน เลือดสีแดงเข้มสาดไปทั่วบริเวณ
หลินมู่อวี่ตระเวนทั่วผืนป่าโดยอาศัยร่มเงาไม้ดั่งภูตผี พร้อมกระชับกระบี่ที่ชุ่มเลือดไว้แน่น ทุกคราที่กระบี่ส่องแสง อสูรเกราะก็ถูกกำจัดไปตนแล้วตนเล่า
นอกจากชีพจรวิญญาณทำให้เหล่าอสูรเกราะหมดหนทางซ่อนตัว ยังช่วยให้หลินมู่อวี่พรางตัวได้ดีในค่ำคืนนี้
เสียงอึกทึกดังขึ้นตามแนวป้องกันทั้งสามสายซึ่งห่างจากฐานทัพเหล่าปีศาจไม่กี่ร้อยเมตร มองจากระยะไกล พวกมันอยู่อย่างเรียบง่าย มีเพียงกองไฟตามจุดต่างๆ ร่างกายของอสูรเกราะแข็งแกร่งนัก พวกมันนอนกลางแจ้งได้โดยไม่จำเป็นต้องมีป้อมปราการเสียด้วยซ้ำ
เมื่อเข้าไปใกล้ หลินมู่อวี่เห็นแสงบางอย่างกวัดแกว่งไปมา พร้อมกับเสียงต้นไม้โค่นและเสียงเลื่อยดังก้องจากป่าลึก เขาซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้อย่างระมัดระวังก่อนเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังโค่นต้นไม้ใหญ่ ด้านข้างมีแผ่นไม้ที่ถูกเลื่อยเป็นชิ้นๆตอกติดเป็นแผ่นเดียวกันเสมือนกระดานไม้ขนาดยักษ์
ยิ่งมองไกลออกไป หลินมู่อวี่เห็นไม้แผ่นใหญ่กองซ้อนกันเป็นเนินสูงหลายร้อยกอง ไม้แต่ละแผ่นน่าจะบรรทุกอสูรเกราะได้ราวสิบตัว ดูจากแผ่นไม้ทั้งหมดนี้คงสามารถขนย้ายเหล่าปีศาจกว่าพันตัวข้ามแม่น้ำได้
หลินมู่อวี่สูดลมหายใจลึก วิธีการโจมตีของเหล่าปีศาจนั้นแสนธรรมดาหากแต่น่าหวั่นใจนัก พวกมันใช้เพียงแผ่นไม้ข้ามแม่น้ำ ไม่ต้องการสมรภูมิเสียด้วยซ้ำ
เป็นไปได้ว่าพวกปีศาจมีฐานก่อสร้างแผ่นไม้อีกหลายแห่ง สังเกตจากป่าไม้ชายฝั่งข้างแม่น้ำที่หายไปกว่าครึ่ง ไม้หลายหมื่นแผ่นจะถูกนำไปต่อกันเพื่อให้ปีศาจนับแสนข้ามแม่น้ำมา เมื่อถึงเวลานั้นผู้ใดจะหยุดมันได้?
“ตึกตัก ตึกตัก” ขณะเห็นภาพตรงหน้า หัวใจของเขาเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง แรงงานมนุษย์ทุกคนมีอสูรเกราะคอยยืนคุมงานอยู่ด้านหลัง พวกเขาต้องทำงานเพื่อมีชีวิตรอด ไม่ผิดจากที่เหล่าปีศาจระดับสูงเคยกล่าวไว้ พวกมันจะไว้ชีวิตกองทหารหยางเว่ยตราบเท่าที่ยอมเป็นทาสรับใช้ หากกองทัพจักรวรรดิพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ตัวเขาเองจะสามารถรอดพ้นจากสภาพเช่นนี้ได้งั้นหรือ?
เหล่าปีศาจบังคับใช้ปัญญาของมนุษย์เพื่อเล่นงานมนุษยชาติเสียเอง
…
หลินมู่อวี่ทิ้งศพเหล่าอสูรเกราะลงแม่น้ำต้าวเจียงเพื่อทำลายหลักฐานและตัดสินใจกลับเมือง ฉินเหยียนและเว่ยโฉวก็ยังคงรออยู่ที่ชายฝั่งแม้ผ่านไปสองชั่วโมง
“พี่ใหญ่กลับมาแล้ว”
ฉินเหยียนรีบเข้าไปหาทันที
ขณะที่หลินมู่อวี่ค่อยๆ ปีนขึ้นฝั่ง พลังปราณยุทธ์พลันหมุนเวียนรอบกายสลัดหยดน้ำที่เกาะเสื้อผ้าออกไปจดหมด เขากล่าวพลางเช็ดน้ำออกจากไปใบหน้า “พวกปีศาจกำลังสร้างเรือ!”
“สร้างเรืองั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้…” เว่ยโฉวเอ่ยอย่างประหลาดใจ “เราไม่เคยเห็นเรือรบของเผ่าปีศาจมาก่อน พวกมันจะมากับเรืออย่างนั้นรึ? ”
“ใช่ แต่ไม่ใช่เรืออย่างนั้น เป็นเพียงไม้แผ่นที่ตอกติดกันเป็นแผ่นใหญ่ เหล่าปีศาจกดขี่ใช้แรงงานมนุษย์ทางชายฝั่งตะวันออกเพื่อทำแผ่นไม้นี้ คาดว่าไม่นานพวกมันคงพร้อมโจมตีเราแล้ว”
หลินมู่อวี่สูดหายใจลึกพลางกล่าว “ส่งสารนี้พร้อมแนบขนนกรายงานสถานการณ์ให้อีกหกกองทัพทราบทันที”
“ขอรับ!”
เว่ยโฉวกล่าวเสียงเครียด “จะเตรียมรับมืออย่างไรดีครับท่าน?”
หลินมู่อวี่กล่าวตอบ “เป็นที่รู้กันว่าพวกปีศาจหวาดกลัวน้ำแต่ข้าคิดว่าพวกมันควรระวังเปลวไฟเช่นกัน หากใช้ไฟเผาปีกของเหล่าอสูรเกราะน่าจะได้ผลดี”
“ท่านอยาก…”
“มีสิ่งใดบ้างที่ติดไฟง่ายที่สุด?”
“น้ำมันสกัดจากต้นบีชสีดำติดไฟง่ายที่สุดขอรับ ”
“เช่นนั้นก็เตรียมไว้เสีย แล้วน้ำมันชนิดนี้ลอยบนผิวน้ำได้หรือไม่?”
“ได้ขอรับ!”
“เยี่ยม!”
หลินมู่อวี่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เตรียมน้ำมันบีชสีดำไว้บนเรือและติดแผ่นเหล็กที่ด้านข้างเรือรบทั้งยี่สิบลำด้วย”
เว่ยโฉวยิ้ม “หลักแหลมจริงนะขอรับ!”
…
หลินมู่อวี่นอนไม่หลับทั้งคืน เขากังวลว่าแผนของตนจะไม่เป็นไปตามคาดและหากเหล่าปีศาจมีกลยุธท์อื่นอีกจะทำเช่นไร
ในขณะนั้น เขาได้ยินเสียงเว่ยโฉวดังโวยวายจากด้านนอก “ท่านผู้บัญชาการ! พวกมันมาที่นี่ก่อนรุ่งสางขอรับ”
“ใคร?”
“อสูรปีกขอรับ!”
เว่ยโฉวกล่าวต่อ “ข้าไม่คิดเลยว่าพวกมันจะเผายุ้งฉางของเราอีกครั้งโดยใช้ประโยชน์จากพวกอสูรปีก โชคดีที่เสบียงทั้งหมดถูกย้ายไปไว้ใต้ดินจึงไม่ได้รับความเสียหาย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยชีวิตของทหารหลายสิบนาย ฝีมือของเหล่าอสูรปีกช่างร้ายกาจนัก!”
หลินมู่อวี่เปิดม่านเดินออกมาถามอีกฝ่าย “เว่ยโฉว ฝีมือธนูของเจ้าดีเลิศที่สุดในกองทัพ เจ้าสามารถจัดการพวกอสูรปีกเหล่านี้ได้หรือไม่? ”
“เกรงว่าไม่ขอรับ”
เว่ยโฉวส่ายหัวพลางกล่าวตอบ “กำลังแขนของข้าน้อยยิงลูกธนูได้สูงเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร หากแต่พวกอสูรปีกบินได้สูงถึงสองร้อยเมตร ฝีมือธนูของข้าน้อยไม่มีประโยชน์อันใดเลย”
“อย่างไรเสีย ข้าน้อยคิดว่ามีทหารนายหนึ่งทำได้ขอรับ”
“ใครล่ะ?”
“ฉินจื่อหลิง!”
“โอ้ จื่อหลิงงั้นรึ?”
“ข้าจะพาท่านไปรับชม!”
“อืม”
…
ณ ค่ายทหาร ฉินจื่อหลิงกำลังดัดแปลงอาวุธทองแดงบางอย่าง รูปร่างดูเหมือนธนูยาวแต่เป็นประเภทสิบนัด
“จื่อหลิง!” หลินมู่อวี่ทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
ฉินจื่อหลิงยิ้มอย่างนอบน้อมด้วยใบหน้าเหนียมอาย “ข้าเคยดัดแปลงพวกอาวุธมาบ้าง แต่พ่อมักจะบอกเสมอว่าข้ายังด้อยฝีมืออยู่นัก ข้าเคยนำวัสดุจากเกวียนมาทำลูกธนูเพื่อล่านกอินทรียักษ์ หัวลูกศรนั้นแข็งแรงใช้ได้ หากปรับแต่งอีกสักหน่อยคงสามารถกำจัดเหล่าอสูรปีกได้ ”
หลินมู่อวี่พยักหน้า “ค่อยๆ ศึกษาไปเถิด หากต้องการสิ่งใดบอกแก่เว่ยโฉวได้เลย เขาจะคอยช่วยเหลือเจ้าทุกอย่าง”
“ขอรับ!”
ฉินจื่อหลิงพยักหน้าอย่างมีความสุข “เวลาข้าประดิษฐ์สิ่งเหล่านี้ ผู้อื่นมักดูแคลนว่าข้านั้นไร้ฝีมือ มีเพียงท่านผู้บัญชาการที่ไม่ดูถูกแถมยังให้กำลังใจข้า”
หลินมู่อวี่หัวเราะ “หากลูกธนูของเจ้าสามารถกำจัดเหล่าปีศาจได้ เจ้าจะกลายเป็นวีรบุรุษแห่งจักรวรรดิ เหล่าทหารก็ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตโดยใช่เหตุ”
“ขอรับ!”
หลินมู่อวี่รู้สึกอับอาย แม้เขาจะมาจากอีกโลกที่มีอาวุธมากมาย แต่ไม่มีความรู้มากพอจะสร้างมันเพียงสักอัน แต่หากสามารถประดิษฐ์อาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นหน้าไม้จูเก๋อได้ เหล่าปีศาจคงตามมาฆ่าล้างตระกูลของเขาจนหมดสิ้น คิดได้ดังนั้นจึงหัวเราะออก
“ท่านผู้บัญชาการหัวเราะอะไรหรือขอรับ?” เว่ยโฉวถาม
“ไม่มีอะไร” หลินมู่อวี่ว่าพลางกลั้นขำ “เที่ยงนี้กินอะไรดี มีเนื้อไหม?”
“มีขอรับ…”
…………………………………..