The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.387 ลอบปลงพระชนม์จักรพรรดินี
EP.387 ลอบปลงพระชนม์จักรพรรดินี
เปลวเพลิงสะท้อนบนริมฝั่งแม่น้ำ ด้วยการโต้กลับของทางจักรวรรดิ ทำให้กองทัพอสูรปีกต้องเลิกโจมตีจากบนอากาศ และทิ้งซากศพหลายพันตัวบนพื้นดิน พวกมันไม่คาดคิดว่าทหารแห่งจักรวรรดิจะมีมากมายถึงเพียงนี้ แท้จริงแล้วค่อนข้างโชคร้ายที่ต้องมาเจอกับ ‘พลธนูศักดิ์สิทธิ์’ ของกองทหารมังกรผงาด เนื่องจากขณะนี้ทหารส่วนใหญ่มาจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ และเป็นผู้เชี่ยวชาญการยิงธนูทุกคน
ขณะเดียวกัน สงครามได้เกิดขึ้นที่ท่าเรือข้ามฟากอีกหลายแห่งตลอดฝั่งแม่น้ำต้าวเจียง ตามข้อมูลจากหน่วยสอดแนมของเฟิงจี้สิง กองทหารทั้งหมดโจมตีศัตรูด้วยไฟ และทำให้แม่น้ำทั้งสายปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง
เสียงร้องโหยหวนของเผ่าปีศาจดังกังวาน แม้พวกอสูรเกราะจะรู้ว่าต้องตายหากพยายามขึ้นฝั่ง แต่พวกมันยังคงพุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่องราวกับได้รับคำสั่งมาเช่นนี้
กระทั่งหลังเที่ยงคืน ในที่สุดก็ไม่มีแพจัตุรัสของอสูรเกราะข้ามฝั่งมาอีก
…
เปลวเพลิงบนผิวน้ำค่อยๆ ดับลง ขณะที่ทหารแห่งจักรวรรดิเริ่มทำความสะอาดสนามรบ ศพของอสูรเกราะและอสูรปีกถูกลากเข้าป่าลึกเพื่อเผาและฝัง หลินมู่อวี่ออกคำสั่งให้ใช้ผ้าปิดจมูกและปากเพื่อป้องกันโรคระบาดในการกำจัดศพเหล่านั้น แต่ดูเหมือนว่าครานี้พวกมันจะเป็นตัวที่แข็งแรงและไม่มีโรคติดมา
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ท้องสีขาวของปลาลอยขึ้นผิวน้ำฝั่งตะวันออก ขณะที่ยังมีควันลอยหนาทึบจากชายฝั่ง ยังคงมีร่างอสูรเกราะจำนวนมากถูกเผาไหม้
อสูรเกราะกลัวไฟและน้ำ…สิ่งนี้ได้กลายเป็นฟางเชือกสุดท้ายในการช่วยชีวิตจักรวรรดิ
ใบหน้าหลินมู่อวี่เต็มไปด้วยเขม่าควัน เขาเพียงเช็ดลวกๆ ก่อนจะเดินไปยังค่ายทหารบาดเจ็บเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ แม้จะสามารถสังหารศัตรูจำนวนมากในศึกครานี้ แต่ทหารแห่งจักรวรรดิก็ได้รับความเสียหายมากมาย มีค่ายทหารบาดเจ็บตั้งอยู่ทั่วบริเวณพร้อมเสียงร้องครวญครางน่าเวทนา ทหารหลายนายถูกศัตรูตัดแขนหรือขา
แพทย์ทหารจากสมาพันธ์โอสถกำลังช่วยพันแผลและรักษา โชคดีที่มีสมุนไพรมากมายที่นี่ ทหารที่บาดเจ็บจึงได้รับการรักษาจนหายและช่วยชีวิตไว้ได้มากมาย
“ท่านผู้บัญชาการ” ทหารที่บาดเจ็บรีบลุกขึ้นมาทำความเคารพ
หลินมู่อวี่รีบเข้าไปประคองและกล่าวว่า “ไม่ต้องมากพิธี นอนลงเถิด”
ทหารผู้นั้นพยักหน้าขอบคุณและกล่าว “ท่านผู้บัญชาการ ข้าน้อยได้สังหารอสูรเกราะจนตาย”
“ดีมาก เสมียนอยู่ที่นั่นด้วยหรือไม่?”
“อยู่ขอรับ เขาบอกว่าหลังจากกลับเมืองหลันเยี่ยน จะช่วยรายงานความดีของข้าน้อยให้”
“อืม เช่นนั้นรักษาตัวเองให้ดี”
“ขอบคุณมากขอรับ”
หลังจากตรวจสอบค่ายทหารบาดเจ็บ เขากลับมายังกระโจมหลักด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตำแหน่งผู้บัญชาการ วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าค่อยๆ ดูดซับพลังแห่งสวรรค์และผืนโลกอย่างเชื่องช้าเพื่อเติมเต็มปราณยุทธ์ที่เสียไป ขณะเดียวกันฉินเหยียนยกซุปถ้วยใหญ่และขนมปังสามแผ่นเข้ามาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่กินอะไรหน่อยเถิด ทำศึกมาทั้งคืน ท่านคงหิวเป็นแน่”
“อื้ม”
หลินมู่อวี่หิวมากจนท้องร้อง เขาหยิบอาหารขึ้นมาและกล่าว “อาเหยียน ไปเรียกเสมียนเข้ามา ข้าต้องการฟังรายงานผลหลังสงคราม”
“ขอรับ”
ไม่นานเสมียนคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมเอกสาร เขาทำความเคารพและกล่าวว่า “ท่านผู้บัญชาการหลิน เราได้สังหารอสูรเกราะทั้งสิ้นเจ็ดพันสองร้อยสี่สิบแปดตนพร้อมอสูรปีกหนึ่งพันหนึ่งร้อยยี่สิบสี่ตน ไม่มีเชลยศึก และพวกมันไม่ได้ส่งปีศาจระดับสูงมา ซากศพทั้งหมดถูกฝังและเผาทันทีแล้วขอรับ”
“แล้วสถานการณ์ฝั่งเราล่ะ?” หลินมู่อวี่เอ่ยถาม
“เรา…” ใบหน้าเสมียนหม่นหมองลง “ทหารทั้งหมดหกพันแปดร้อยเจ็ดสิบสี่นายถูกสังหารในสนามรบ มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่าหนึ่งหมื่นสามพันนาย และสูญหายอีกยี่สิบห้านาย…”
“มีผู้คนตายในสนามรบมากเกินไป…” หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “บันทึกรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้งหมดโดยละเอียดพร้อมส่งกลับไปยังเมืองหลันเยี่ยน และให้สำนักทหารและพลเรือนช่วยเหลือครอบครัวพวกเขาอย่างสม่ำเสมอ”
“ขอรับ”
เสมียนกล่าวต่อ “น้ำมันบีชสีดำของเราเหลือเพียงห้าร้อยถังเท่านั้น”
“เข้าใจแล้ว เก็บไว้ก่อน”
“ขอรับ”
ขณะเดียวกันเว่ยโฉวและเฟิงสี่เดินเข้ามา ขณะที่ใบหน้าเว่ยโฉวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “คารวะท่านผู้บัญชาการ”
“อืม” หลินมู่อวี่เงยหน้ามองทั้งสอง ก่อนจะก้มหน้าดื่มซุปอึกใหญ่ “พวกเจ้ากินอาหารหรือยัง?”
“ข้ากินแล้วขอรับ”
“น้ำมันบีชสีดำมีไม่เพียงพอ ข้าจึงเร่งกระทรวงกลาโหมให้หาเพิ่มทันที หากเราไม่มีน้ำมันชนิดนี้ คงยากที่จะรับมือการโจมตีครั้งถัดไป”
“อืม”
เว่ยโฉวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กล่าวกันว่าในมณฑลชางหนานมีต้นบีชสีดำถูกตัดทิ้งมากมาย สำนักทหารและพลเรือนจึงเกณฑ์ชาวบ้านกว่าครึ่งล้านเพื่อไปเก็บน้ำมันบีชสีดำ รวมทั้งจากในป่าสัตตะดาราด้วย กลยุทธ์โจมตีด้วยไฟอาจสามารถใช้ได้อีกเพียงระยะหนึ่ง โชคดีที่เราสังหารปีศาจไปได้จำนวนมากในศึกครานี้ และจะต้องต้านทานพวกมันได้อีกแน่นอน!”
“อืม สถานการณ์ของกองทหารที่เหลืออยู่เป็นอย่างไรบ้าง?” หลินมู่อวี่เอ่ยถาม
เว่ยโฉวตอบ “ตามข้อมูลที่ได้รับ กองทหารที่สี่ของเราได้รับความเสียหายน้อยที่สุดขอรับ”
“อืม” หลินมู่อวี่ตกตะลึง “สถานการณ์ของกองทหารที่เหลือล่ะ?”
เว่ยโฉวดึงม้วนหนังสือออกจากเอวและอ่าน “กองทหารที่หนึ่งนำโดยเฟิงจี้สิงสังหารอสูรเกราะมากกว่าหนึ่งพันตัว และสูญเสียกำลังทหารกว่าหนึ่งหมื่นนาย กองทหารที่สองนำโดยซูอวี่สังหารอสูรเกราะมากกว่าสามพันห้าร้อยตัว และสูญเสียกำลังทหารกว่าแปดพันนาย กองทหารที่สามนำโดยเซี่ยงอวี้สังหารอสูรเกราะมากกว่าหนึ่งหมื่นหนึ่งพันตัว และสูญเสียกำลังทหารกว่าสามหมื่นสองพันนาย ไม่มีสงครามในตำแหน่งของเหยาหยวนและซูหลง ส่วนกองทหารที่เจ็ดนำโดยสองพี่น้องถังลู่และถังเทียนสังหารอสูรเกราะมากกว่าหนึ่งพันตัว และสูญเสียกำลังทหารกว่าเก้าพันนายขอรับ”
“พระเจ้า…”
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะวางขนมปังชิ้นใหญ่ในมือลงและกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เซี่ยงอวี้ทำเช่นไรจึงมีผู้เสียชีวิตกว่าสามหมื่นนาย…”
“อืม…”
เว่ยโฉวกล่าว “ตำแหน่งของท่านเซี่ยงอวี้ถูกอสูรเกราะเกือบสองหมื่นตนเข้าโจมตี จึงเกิดความเสียหายค่อนข้างมากขอรับ”
“แล้วถังลู่และถังเทียนล่ะ ทั้งสองทำเช่นไรถึงฆ่าศัตรูไปเพียงพันตัว แต่กลับสูญเสียกองกำลังไปกว่าเก้าพันนาย” หลินมู่อวี่เอ่ยถามด้วยความโกรธเคือง “พวกเขาทั้งสองเป็นพวกกินพืชหรืออย่างไร?”
ฉินเหยียนตอบ “พี่ใหญ่ ข้าได้ส่งหน่วยสอดแนมเข้าไปในกองทหารที่เจ็ด ซึ่งตามรายงานบอกว่าสองพี่น้องถังลู่และถังเทียนกำลังดื่มอย่างสนุกสนาน พร้อมเล่นสนุกกับเหล่าหญิงรับใช้ในค่ายทหารเมื่อวันซืน จากนั้นทั้งสองตื่นขึ้นในช่วงบ่ายเมื่อวาน จึงทำให้เตรียมการช้าเกินไป เมื่ออสูรเกราะข้ามแม่น้ำเข้ามา น้ำมันบีชสีดำไม่ได้ถูกเทลงแม่น้ำอย่างต่อเนื่อง พวกมันจึงฉวยโอกาสนี้เทียบท่าและต่อสู้ในระยะประชิด พวกเขาจึงสูญเสียเป็นจำนวนมากขอรับ”
“อสูรเกราะเพียงหนึ่งพันตัว…”
หลินมู่อวี่กัดฟันแน่น “ขณะที่ทหารห้าหมื่นนายกำลังต่อสู้กับอสูรเกราะที่แข็งแกร่ง โหวผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองกลับสนุกสนานกับการดื่มสุราและหญิงรับใช้ในค่าย”
เว่ยโฉวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่าปล่อยให้ความโกรธครอบงำเลยขอรับ อย่างไรก็ตามข้าเพิ่งได้รับสาส์นว่าฝ่าบาทจะเสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าเรือเฟิงหลินพร้อมท่านจางเหว่ยและกองทัพองครักษ์ห้าพันนาย ซึ่งอาจจะมาถึงในเวลาค่ำ ฝ่าบาททรงตั้งพระทัยที่จะเสด็จทอดพระเนตรกองทหารที่สี่แห่งนี้ แต่ตามที่นายพลทหารเรือเห็น…เขาบอกว่าฝ่าบาททรงเป็นห่วงท่านหลินมู่อวี่เพียงเท่านั้น”
หลินมู่อวี่ยิ้ม “เจ้ากำลังพยายามจะพูดสิ่งใดกันแน่?”
เว่ยโฉวหัวเราะ “ข้าเพียงอยากจะบอกท่านว่าให้สั่งคนต้มน้ำ อาบน้ำร้อน เข้านอนตั้งแต่หัววัน ก่อนจะใส่ชุดใหม่แล้วไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทในคืนนี้ ท่านไม่สามารถเสียมารยาทได้ใช่ไหมขอรับ?”
หลินมู่อวี่จ้องเขม็งและกล่าว “กองทัพทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากัน เจ้าต้องจริงจังกว่านี้ อย่าทำตัวเหมือนพวกฮิปปี้ที่ยิ้มตลอดทั้งวัน”
“ขอรับ ข้าน้อยจะสั่งให้คนใช้ต้มน้ำไว้ให้ โอ้! จริงสิ เนื่องจากไม่มีสงครามในตำแหน่งของซูอวี่ นางจึงนำทหารรักษาการณ์สองพันนายคุ้มกันน้ำมันสี่พันถังให้เรา ซึ่งจะเดินทางมาพร้อมฝ่าบาท”
“อืม เป็นเรื่องดี ป้าอาอวี่ไว้วางใจได้อย่างแท้จริง”
“ขอรับ ข้านายขอตัว”
“อืม”
หลินมู่อวี่กลืนอาหารที่เหลืออีกครั้ง เมื่อกลับไปยังค่ายทหาร ก็พบว่าน้ำต้มเดือดแล้ว หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาผล็อยหลับไปทันที ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดในศึกก่อนหน้า เขาจำเป็นต้องพักฟื้นปราณที่สูญเสียไป แม้ว่าเผ่าปีศาจจะสังหารทหารแห่งจักรวรรดิไปหลายนาย แต่ยังถือว่าเป็นความพ่ายแพ้ของพวกมัน ซึ่งคงไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้เป็นแน่
…
ขณะที่กำลังหลับใหล มีร่างเงาเคลื่อนผ่านมากมาย เขาได้ยินเสียงร้องไห้ เสียงร้องโหยหวน และยังได้ยินเสียงกระซิบของฉินอินราวกับรับรู้ความคิดถึงของหญิงสาวได้ อีกทั้งได้ยินเสียงถังเสี่ยวซีร้องไห้ด้วยความสิ้นหวัง เสียงกระทบกันของดาบสะบั้นวาโยและทวนนองเลือด เสียงหัวเราะของเซี่ยงอวี้ และเสียงคำรามก้องของเฟิงจี้สิง เมื่อหลินมู่อวี่ตื่นมาก็พบว่าเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
“ท่านผู้นำ อาหารค่ำพร้อมแล้วขอรับ จะให้ข้ายกเข้าไปหรือไม่?” เว่ยโฉวเอ่ยถามจากนอกกระโจม
“อืม เอาเข้ามาเลย ขอบคุณมากเว่ยโฉว”
“ท่านไม่จำเป็นต้องสุภาพเลยขอรับ”
“มีการเคลื่อนไหวจากเผ่าปีศาจหรือไม่?”
“ไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย”
“เสริมกำลังทหารรักษาการณ์เพิ่มซะ”
“ขอรับ”
…
ขณะเดียวกันเฉียนเฟิงเดินขมวดคิ้วแน่นอยู่ด้านนอกกระโจมหลักของเผ่าปีศาจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า และกล่าวกับทหารรักษาพระองค์ด้านข้าง “ฝ่าบาทบรรทมอยู่หรือไม่?”
“ขอรับ” ทหารนายนั้นประสานหมัดและกล่าว “จอมพลเฉียนเฟิงเหตุใดจึงไม่กลับไปพักผ่อนก่อน ฝ่าบาทคงไม่ทรงตื่นบรรทมอีกสักระยะ”
“พักผ่อนหรือ…ข้าจะพักผ่อนได้อย่างไร?”
เฉียนเฟิงกล่าวด้วยความโกรธ “ศึกครานี้เต็มไปด้วยความผิดหวัง นักรบอสูรเกราะเกือบสามหมื่นตนได้รับความเสียหาย นี่เป็นความล้มเหลวที่เผ่าเทพของเราไม่เคยมีมาก่อน เจ้าจะให้ข้าพักผ่อนอย่างนั้นรึ?”
ทหารรักษาการณ์กล่าวเสียงเบา “ท่านจอมพล ข้ารู้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ…โปรดอภัยให้ข้าด้วย”
เฉียนเฟิงไม่สนใจนักและกล่าวว่า “เจ้าเข้าไปด้านในและทูลบอกว่า เฉียนเฟิงมีเรื่องด่วนและต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาท”
“เรื่องนั้น…” ทหารรักษาการณ์กล่าว “ท่านจอมพล องค์ชายลำดับสามเคยตรัสว่า…ห้ามผู้ใดรบกวนขณะพักผ่อน หากฝ่าบาทกริ้ว เกรงว่าหัวของข้าคงขาดสะบั้นทันที”
“กลัวสิ่งใดหรือ หากข้าอยู่ด้วย ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรเจ้าได้”
เฉียนเฟิงหงุดหงิดเล็กน้อยและยื่นมือออกไปดัน “เข้าไปซะ ข้าต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาทเดี๋ยวนี้”
…
“พรึ่บ”
ทันทีที่ประตูกระโจมหลักถูกเปิดออก เฉียนเฟิงเห็นว่าเตียงขององค์ชายลำดับสามว่างเปล่า เขาตกตะลึงและกล่าวว่า “ฝะ…ฝ่าบาทกับคนอื่นๆ…”
ทหารรักษาการณ์รีบคุกเข่าลงด้วยร่างกายที่สั่นเทา “ท่านจอมพลโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ฝ่าบาททรงนำทหารรักษาการณ์ออกไปด้านนอกในตอนค่ำ และตรัสว่าได้รับข่าวจากจักรพรรดินีฉินอิน พระองค์จึงตัดสินพระทัยลอบปลงพระชนม์นางในป่าฉีหลิน ดะ…ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยู่แล้ว ท่านจอมพลโปรดเมตตา ข้าเพียงทำตามความประสงค์ของฝ่าบาทเท่านั้น…”
ร่างกายเฉียนเฟิงสั่นสะท้านด้วยความโกรธ “บัดซบ! พวกเจ้ามันจิตใจอำมหิตเสียจริง!
………………………………….