The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.388 องค์ชายสาม
EP.388 องค์ชายสาม
ดวงดาวส่องสว่างใน ‘ป่าฉีหลิน’ แห่งนี้ ตามตำนานเล่าขานว่ามีฉีหลินสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ แต่ขณะนี้มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินมนุษย์ ภายใต้แสงจันทร์สะท้อนเงาแมกไม้ มีขบวนรถม้าเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าบนถนนสายหลัก
ซูอวี่สวมเสื้อคลุมผู้บัญชาการหญิงควบม้าอยู่ด้านข้างขบวน เบื้องหลังนางมีทหารรักษาการณ์สองพันนาย เมื่อรวมกับผู้ขนส่งน้ำมันบีชสีดำ พวกเขามีจำนวนราวห้าพันคน
“ท่านผู้บัญชาการ” ทหารด้านข้างเปิดแผนที่ขึ้นมาดู “เราอยู่ห่างจากกองทหารที่สี่ของผู้บัญชาการหลินประมาณห้าไมล์ และจะไปถึงในอีกครึ่งชั่วโมงขอรับ”
“อืม”
ซูอวี่ยิ้มพอใจ “ชัยชนะของอาอวี่ในการต่อสู้ครานี้น่าชื่นชมยิ่งนัก ซึ่งเพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าเขาเป็นแม่ทัพที่เก่งกล้า ข้าหวังว่าศึกนี้จะสามารถยับยั้งพวกมันไม่ให้ข้ามแม่น้ำต้าวเจียงมายังฝั่งตะวันตกอีกต่อไป”
นายพลอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ข้าเกรงว่าอาจเป็นได้ยาก กล่าวกันว่ามีกองทัพปีศาจสองแสนตัวปักหลักอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำต้าวเจียง แต่ทหารแห่งจักรวรรดิเพิ่งสังหารไปได้เพียงสามหมื่นตัว กองกำลังหลักของพวกมันยังคงอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่ปีศาจยโสโอหังที่เรียกตนเองว่าเผ่าเทพจะยอมล่าถอยโดยง่าย”
“อาจเป็นเช่นนั้น…”
ซูอวี่กัดริมฝีปากและกล่าวว่า “น่าเสียดายที่ท่านพี่เสียชีวิตก่อนเวลาอันควร มะ…มิเช่นนั้นเขาคงได้เป็นหนึ่งในผู้บัญชาการ”
นายพลตกตะลึง “แม่ทัพซูอวี่คิดถึงพี่ชายของท่านอีกแล้วหรือ?”
“อืม”
ซูอวี่พยักหน้า “ท่านพ่อเองก็คิดถึงเขาเสมอ”
นายพลกระแอมและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาอวี่…ข้ามีบางสิ่งที่ต้องการบอกเจ้ามาโดยตลอด”
“ฮ่าๆ มีอะไรหรือท่านลุง?”
นายพลกล่าว “ท่านหยุนกงเริ่มชราแล้ว และไม่สามารถมีทายาทได้อีก แม่ทัพซูฉินไม่ได้ทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขไว้ ความหวังเดียวสำหรับตระกูลซูก็คืออาอวี่ เจ้าเองก็มีอายุสามสิบสี่ปีแล้ว เหตุใดจึงไม่หาชายที่เหมาะสมและมีทายาทสืบทอดมรดกตระกูลซู…”
ซูอวี่ตกตะลึง “ลุงสี่ ข้า…ไม่ต้องการแต่งงาน…”
“เจ้าก็อายุมากแล้วแต่กลับไม่ต้องการแต่งงาน…ข้ารู้ว่าเจ้าเจ็บปวดกับความรัก แต่ท้ายที่สุดการแต่งงานก็เป็นสิ่งสำคัญในชีวิต”
“ลุงสี่ไม่ต้องกล่าวถึงมันอีก ใจของข้าตายพร้อมกับคนคนนั้นแล้ว หากท่านบังคับให้ซูอวี่แต่งงานกับผู้อื่น ข้ายอมตายเสียดีกว่า”
“อา…” นายพลผู้นั้นส่ายหัว “เจ้าเด็กน้อย ช่างดื้อดึงยิ่งนัก”
…
ขณะเดียวกัน “ฟิ้ว!” ลมพัดกระโชกรุนแรงจนทหารด้านหน้าพลัดตกจากหลังม้า ขณะที่เงยหน้ามองแสงจันทร์ ลูกธนูก็พุ่งปักที่คอสิ้นใจทันทีและยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง
“มีศัตรู! ระวังตัว!!”
ซูอวี่ชักดาบออกว่าพร้อมกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “ทหารม้าหนักเตรียมโจมตี!”
ทหารม้าหนักด้านหลังพลันยกโล่ขึ้นพร้อมหอกแหลม พวกเขาควบม้าตามซูอวี่เข้าผืนป่าอย่างรวดเร็ว “ฟิ้ว ฟิ้ว!” ศัตรูยิงธนูใส่ทหารม้าหนักอีกครั้งซึ่งมีความแม่นยำมาก มันสามารถยิงผ่านช่องว่างเล็กๆ ของชุดเกราะที่อยู่บริเวณลำคอหรือดวงตาเพื่อสังหารทหารม้าหนักทันที…เป็นการโจมตีที่น่าเกรงขามยิ่ง
“ยกโล่ขึ้น!”
ซูอวี่ออกคำสั่งเสียงดัง แต่อีกฝ่ายกลับเล็งยิงที่ตาของม้าตัวหนึ่งอย่างรวดเร็ว ทำให้ทหารม้าหนักล้มลงที่พื้นในพริบตา เขารีบลุกขึ้นและถือโล่และหอกวิ่งตามมา
ภายใต้แสงจันทร์ นักฆ่าลึกลับทิ้งคันศร “เคร้ง! เคร้ง!” เสียงดาบกระทบกันดังก้องพร้อมแสงสว่างวาบเป็นระยะ ในพริบตาทหารม้าหนักก็ถูกจัดการจนสิ้น
“เป็นไปได้อย่างไร…”
วิญญาณยุทธ์ของซูอวี่ส่องสว่างอยู่บนไหล่ขณะที่นางควบม้าพุ่งเข้าไปฟันที่แผ่นหลังนักฆ่า แต่ทันใดนั้น! เขาก็กระโดดหลบทันทีราวกับมีตาหลัง ก่อนจะตวัดกระบี่ใส่ข้อมือของซูอวี่รวดเร็วดั่งสายฟ้า
“ฉึก!”
เลือดสาดกระเซ็นพร้อมความเจ็บปวดแล่นผ่านทำให้ซูอวี่ไม่สามารถถือดาบได้อีกต่อไป ดวงตาของนางจับจ้องชายผู้นั้นด้วยความหวาดผวา ก่อนจะพบว่าเขาใส่ชุดเกราะอ่อนที่ดูประณีตและสง่างาม ร่างกายปกคลุมไปด้วยปราณยุทธ์สีดำหนาแน่นจนทำให้ซูอวี่หายใจไม่ออก ขณะเดียวกันทหารม้าด้านหลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้านและตะโกนเสียงดัง “สังหารพวกทหารม้าน่ารังเกียจทั้งหมดซะ!”
ซูอวี่ตะลึงงัน ความโหดเหี้ยมเหล่านี้คืออะไร? กลุ่มนักดาบน้อยกว่าห้าร้อยนายข่มขู่กลุ่มทหารม้าหนักสองพันนาย…
แต่ซูอวี่เชื่อมั่นว่าคนของนางจะต้องจัดการได้ นายพลด้านหลังรีบเข้ามาพยุงและกล่าวว่า “ผู้บัญชาการซูอวี่ ค่ายกองทหารที่สี่อยู่ไม่ไกล รีบไปกันเถิดขอรับ”
ด้านหลังของนาง ทหารม้าหนักเข้าจู่โจมพร้อมกันอย่างรุนแรง แต่ศัตรูเกือบทุกคนต่างสามารถควบคุมปราณยุทธ์สีดำได้ ทำให้ท้ายที่สุดทหารม้าหนักของกองทัพฉินหลงส่งเสียงกรีดร้องระงมอย่างน่าเวทนา
ใบหน้าซูอวี่เปลี่ยนหมองคล้ำพร้อมดวงตาแดงก่ำ นางวางข้อมือที่บาดเจ็บและควบม้าฝ่าออกไปอย่างบ้าคลั่งและเอ่ยถาม “ลุงสี่ คนพวกนั้นเป็นใคร”
“เผ่าปีศาจระดับสูง”
นายพลพูดด้วยความโกรธ “ไปกันเถิด พวกเผ่าปีศาจบุกเข้ามาแล้ว ข้าจะเข้าป่าฉีหลินและนำสาส์นไปส่งให้ผู้บัญชาการหลินเพื่อขอความช่วยเหลือ”
กองทหารม้าด้านหลังไม่รอช้า พวกเขารีบควบม้าออกไปพร้อมศัตรูเกือบสองร้อยคนที่ไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว
…
ภายในกองทหารที่สี่ หลินมู่อวี่ยืนอยู่นอกค่ายเพื่อรอการมาเยือนของฉินอิน ขณะเดียวกันฉินเหยียนรีบวิ่งเข้ามาพร้อมม้วนหนังสือและกล่าวเสียงดัง “พี่ใหญ่แย่แล้ว! ผู้บัญชาการซูอวี่ถูกปีศาจระดับสูงขวางทางบนถนนห่างออกไปสามไมล์”
“ปีศาจระดับสูง”
หลินมู่อวี่รู้สึกหนาวสะท้านในใจก่อนจะรีบหันม้าและออกคำสั่ง “อาหยาน นำทหารห้าพันนายออกไปทันที ทหารม้าหนักของกองทัพฉินหลงกำลังถูกเข่นฆ่า ข้าจะล่วงหน้าไปเสริมกำลังก่อน”
“พี่ใหญ่ระวังตัวด้วย ข้ากับท่านเว่ยโฉวจะรีบตามไปทันที”
“อืม รีบไปเถิด”
หลินมู่อวี่คว้าบังเหียน ท่าเฉว่วิ่งออกไปทันทีโดยไม่ต้องกระตุ้น เนื่องจากฌานสัมผัสของทั้งสองเชื่อมต่อกันแล้ว จึงทำให้ทักษะการขี่ม้าของเขาเลื่อนขั้นถึงระดับสูงสุด
ท่าเฉว่มีฝีเท้าที่ว่องไว พริบตาเดียวก็มาถึงถนนสายหลัก เขาเห็นแสงคบเพลิงที่แกว่งไปมาจากระยะไหล พวกเขาคือซูอวี่และทหารที่ขี่ม้ามาด้วยความหวาดกลัว ด้านหลังมีกลุ่มปีศาจขนาดใหญ่ถือดาบยาวไล่ล่า บนเท้าของพวกมันปกคลุมไปด้วยพายุปราณสีดำและจิตสังหารที่แผ่ซ่าน
“วิ้ง!”
ท่ามกลางความมืดมิด แสงสีสองของวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าเปล่งประกาย ขณะที่หลินมู่อวี่กล่าวเสียงดัง “ป้าอวี่รีบมาเร็ว ข้าจะสกัดพวกมันให้”
“อาอวี่”
ซูอวี่รีบตะโกนกลับเสียงดัง “ระวังตัว พวกมันแข็งแกร่งมาก!”
หลินมู่อวี่กลัวว่าม้าจะได้รับบาดเจ็บ จึงกระโดดพุ่งตัวออกไป ทวนดอกหลีฮวาในมือพันธนาการด้วยโซ่เทวะ ก่อนที่เขาจะหันหน้าเผชิญกับนักดาบอสูรทั้งสองและตวัดออกไป
ไม่คาดคิดว่านักดาบอสูรทั้งสองจะมีพลังไม่ธรรมดา ร่างของพวกมันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วหลบคมทวนดอกหลีฮวา
“ตายซะ!”
หลินมู่อวี่ตะโกนดังและสะบัดมืออีกครั้ง ทันใดนั้นแสงสว่างทะยานสู่ท้องนภา ปลายทวนดอกหลีฮวาตกลงมาราวกับสายฝน นี่คือหนึ่งในทักษะหอกพันธะมังกร…รูปแบบหงฉวน!
“ฉึก ฉึก ฉึก!!”
เลือดสาดกระเซ็นขณะที่อสูรทั้งสองได้ถูกทวนแทงทะลุร่าง พวกมันมองหลินมู่อวี่ราวกับไม่เชื่อสายตาว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะสามารถทำร้ายตนได้
การโจมตีของหลินมู่อวี่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เขาถือทวนดอกหลีฮวาไว้และหันเผชิญหน้ากับกลุ่มปีศาจระดับสูงด้วยสายตาเย็นชา ขณะที่แสงวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าทองส่องสว่างรอบกาย
“หลบไปซะ!”
เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นขณะที่ปีศาจระดับสูงในชุดเกราะอ่อนเดินออกมา มันมีรูปลักษณ์ที่สง่างามพร้อมถือดาบยาวที่มีจิตวิญญาณเขี้ยวอัคนีปกคลุมทั่วใบดาบ ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์
“ฝ่าบาททรงระวังด้วย” นักรบอสูรด้านข้างกระซิบ
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มและเอียงศีรษะมองอสูรหนุ่มตรงหน้า “ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีราชวงศ์อยู่ในเผ่าพันธุ์น่ารังเกียจดั่งเช่นเผ่าปีศาจ”
“ระวังถ้อยคำ!” ชายหนุ่มตะโกนดัง “ข้าคือพระราชโอรสองค์ที่สามของจักรพรรดิอสูรแห่งเผ่าเทพนามว่าเฟิงไห่ เจ้าชื่ออะไร?”
“หลินมู่อวี่”
“เป็นหลินมู่อวี่ที่เหล่าจอมพลต่างหวาดกลัวเองรึ” องค์ชายสามเฟิงไห่ยิ้มเล็กน้อย “ดูสิว่าครานี้เจ้าจะสามารถกลับออกไปโดยที่ยังมีศีรษะตั้งอยู่บนบ่าหรือไม่!?”
สิ้นเสียง ชายผู้นั้นฟาดฟันดาบอย่างรวดเร็ว!
หลินมู่อวี่พลันตวัดทวนดอกหลีฮวา ปลายทวนพุ่งออกไปราวกับมังกร ซึ่งเป็นกระบวนท่าแรกของทักษะหอกพันธะมังกร…รูปแบบทะลวง!
“เปรี้ยง!”
เพลงดาบขององค์ชายลำดับสามเต็มไปเล่ห์เหลี่ยม เขาเหวี่ยงปลายดาบเคลื่อนตัวผ่านทวนดั่งร่างวิญญาณ ก่อนที่คมดาบจะกลายเป็นลำแสงที่ดูน่าทึ่งมาก
สายเกินกว่าจะชักทวนกลับ ทันใดนั้นหลินมู่อวี่ส่งพลังจากข้อมือเข้า ด้ามทวนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง “เปรี้ยง!” มันกระแทกองค์ชายสามจนถอยหลังด้วยทักษะหอกพันธะมังกรรูปแบบอสนี
“ใช้งานสะดวกยิ่ง”
หลินมู่อวี่แอบยินดีในใจขณะที่พลิกข้อมือ ปลายทวนแปรเปลี่ยนเป็นสามเกลียวและพุ่งตรงเข้าใส่หน้าอกอีกฝ่ายทันที นี่เป็นทักษะหอกพันธะมังกรที่ทรงพลังมากที่สุด…รูปแบบพิชิตมังกร!
องค์ชายสามตะโกนเสียงดังก้องขณะที่เกลียวพลังหมุนรอบตัว ก่อนที่ดาบจะทะยานขึ้นมาบนอากาศ
“เปรี้ยง!”
ชายผู้นี้แข็งแกร่งมากขนาดที่สามารถทำลายรูปแบบพิชิตมังกรซึ่งเป็นการโจมตีที่ยอดเยี่ยมของหลินมู่อวี่ได้อย่างง่ายดาย พร้อมกันนั้นองค์ชายสามคว้าทวนดอกหลีฮวาไว้
หลินมู่อวี่รีบปล่อยทวนและชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาฟาดฟันกลางอากาศ “เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!!” ลำแสงสีทองสามเส้นพุ่งแหวกอากาศ เข้าใส่องค์ชายสามจนต้องปล่อยทวนดอกหลีฮวาในมือ จากนั้นหลินมู่อวี่พลันเตะด้ามทวนทำให้ด้านคมมีดพุ่งแทงหน้าอกของศัตรูทันที กลุ่มนักรบอสูรต่างตกตะลึงพร้อมอุทานออกเสียงดัง “ฝ่าบาทระวัง!”
“วิ้ง!”
แสงสว่างวาบขณะที่กลุ่มละอองดวงดาวควบแน่นบนฝ่ามือหลินมู่อวี่ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“ไอ้สารเลว!!”
องค์ชายสามเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและส่งกำปั้นออกไป
“ตูม!!”
เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง เพียงหมัดเดียวสามารถทำลายการโจมตีกลยุทธ์ดวงดาวขั้นสาม กระนั้นองค์ชายสามก็หมดเรี่ยวแรงจะสู้ต่อ หลินมู่อวี่เดินเข้าไปพร้อมกระบี่ในมือที่ส่องประกาย “ฉัวะ!” เสียงดังขึ้นพร้อมเลือดสาดกระจายลงพื้น
…
“อะ…อา…”
องค์ชายสามถอยหลังไปหลายก้าวก่อนจะทรุดตัวลงพร้อมหน้าซีดเผือด “ฆะ…ฆ่ามันซะ!”
หลินมู่อวี่ชูกระบี่ขึ้นสูง ขณะที่เสียงเกือกม้าดังก้องจากด้านหลัง ทหารม้าหนักห้าพันนายของกองทัพมังกรผงาดเข้ามาสมทบแล้ว
………………………………….