The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.39 วีรบุรุษกระจอกช่วยสาวงาม 1
EP.39 วีรบุรุษกระจอกช่วยสาวงาม 1
หลินมู่อวี่เดาะลิ้น พลังของชวีฉู่ไม่ใช่สิ่งที่ตนเองจะไปเทียบได้ เขาเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง บางทียอดฝีมือที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์อาจจะเป็นแบบนี้เสียทุกคน
ใครจะไปรู้ล่ะ อย่างไรเสียผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่หลินมู่อวี่เคยเจอก็คือยอดฝีมือระดับเก้าสิบสี่ขอบเขตปราชญ์ชั้นที่หนึ่ง ที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ รองลงมาก็คือนัยน์ตาเหยี่ยวที่ถูกตนเองใช้กระบี่สังหารไปแล้ว น่าเสียดายที่นัยน์ตาเหยี่ยวเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา เมื่อเทียบกับชวีฉู่แล้วนัยน์ตาเหยี่ยวก็เป็นคนชั่วช้าอย่างที่สุด
ช่วงบ่าย พวกเขามาถึงใจกลางป่าลึกของป่าสัตตะดาราจริงๆ แล้ว สัตว์วิญญาณเดินพล่านเต็มไปหมด แถมส่วนใหญ่ยังเป็นสัตว์ร้ายที่เข่นฆ่ามนุษย์ โชคดีที่ชวีฉู่ฝีมือสูงส่ง พาหนุ่มสาวสองคนหลบหลีกเส้นทางอาหารของพวกสัตว์ร้าย จนมาถึงที่ที่ปลอดภัย
ในที่สุดก็มาถึงพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่งในยามใกล้พลบค่ำ จู่ๆ ชวีฉู่อดที่จะเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นไม่ได้ “องค์หญิงซี สัตว์วิญญาณของท่านอยู่ไม่ไกลแล้ว!”
“หืม?” ใบหน้างดงามของถังเสี่ยวซีเต็มไปด้วยความงงงวย
ชวีฉู่อธิบาย “ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงชัดๆ แต่หญ้าบนพื้นที่รกร้างแห่งนี้ล้วนแห้งตายกันหมด นี่เป็นปรากฏการณ์ของฤดูหนาว ฉะนั้นเหตุการณ์นี้จึงอธิบายได้เพียงอย่างเดียวว่าหญ้าพวกนี้ถูกเผาจนแห้ง บริเวณนี้ต้องมีสัตว์วิญญาณธาตุไฟอาศัยอยู่เป็นแน่ แถมยังสามารถทำให้สภาพโดยรอบเป็นแบบนี้ได้ มันต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าสองพันปีแน่นอน”
ถังเสี่ยวซีดีใจ “ดีเลย พวกเรารีบไปดูกันเถอะ!”
“อื้ม!”
ชวีฉู่เร่งความเร็วม้า หลินมู่อวี่และถังเสี่ยวซีก็เร่งตามให้ทัน
เมื่อเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ลมที่พัดมาก็ยังมีไอร้อน พวกเขาเดินต่อไปข้างหน้า พื้นที่ป่าบริเวณนั้นไม่มีหญ้าขึ้นแม้แต่ต้นเดียว เหลือเพียงต้นไม้ยักษ์ที่กรอบแห้งตั้งตระหง่านอยู่ ชวีฉู่ลงจากม้า หักกิ่งไม้ลงมากิ่งหนึ่ง และบี้มันให้แตกเป็นผง จากนั้นเอ่ยขึ้น “ต้นไม้นี้แห้งตายมาไม่ต่ำกว่าสามปี เจ้าสัตว์ร้ายจะต้องยึดครองที่นี่มากกว่าสามปีแน่นอน มันคุ้นเคยกับภูมิประเทศและกลิ่นอายบริเวณนี้เป็นอย่างดี พวกเจ้าระวังตัวด้วย บางทีพวกเราอาจจะเจอสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งเข้าให้แล้ว ถ้าสัตว์วิญญาณตัวนี้อายุมากกว่าหนึ่งหมื่นปี พวกเจ้าสองคนก็จงรีบวิ่งหนีซะ!”
“รีบวิ่ง?” หลินมู่อวี่ถามด้วยความระมัดระวัง “ผู้อาวุโสชวีคงไม่ใช่ว่าสู้สัตว์วิญญาณอายุหมื่นปีไม่ได้หรอกนะ”
ถังเสี่ยวซีขำ “เจ้าโง่มู่มู่ ผู้อาวุโสชวีเป็นยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ปราชญ์ระดับที่เก้าสิบสี่ ส่วนสัตว์วิญญาณอายุหมื่นปีก็มีพลังเทียบเท่ากับปรมาจารย์ปราชญ์ หากสัตว์วิญญาณตนนี้อายุมากกว่าสามหมื่นปี ก็มีพลังเทียบเท่ากับขั้นราชันย์ปราชญ์ระดับหนึ่งร้อยเชียวนะ พวกเรายังไงก็หนีไม่รอด…”
ชวีฉู่ตวัดสายตามองหลินมู่อวี่แล้วยิ้ม “หึ กลัวแล้วงั้นรึ”
หลินมู่อวี่นั่งขี้เกียจอยู่บนหลังม้า “ไม่เห็นจะเป็นไร มีองค์หญิงกับปรมาจารย์ปราชญ์ถูกกินเป็นเพื่อนข้า กระจอกระดับสิบเจ็ดอย่างข้าก็ไม่ขาดทุนหรอก…”
ถังเสี่ยวซีค้อนใส่เขา หัวเราะประชด “เจ้านี่คิดอะไรง่ายดีเหมือนกันนะ!”
ชวีฉู่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เขามองไม่เห็นความหลงตัวเองและความเกลียดชังต่อโลกของเด็กในตัวหลินมู่อวี่ แต่กลับเห็นความอ่อนโยนและความกระตือรือร้น ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ชวีฉู่ชื่นชมหลินมู่อวี่ ส่วนเหตุผลอื่นๆ น่าจะเป็นเพราะฝีมือในการปรุงโอสถของเจ้าเด็กนี่เสียส่วนใหญ่
เดินต่อไปสักพัก ชวีฉู่ก็ผูกม้าศึกไว้ที่ต้นไม้แห้งๆ ต้นหนึ่ง หลังจากนั้นจึงชักกระบี่ที่ห้อยไว้ที่เอวออกมา มันเป็นกระบี่ยาวสีแดงเพลิง เหมาะกับอุปนิสัยของเขาทีเดียว แม้ว่าชวีฉู่จะเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์แล้ว แต่มีอารมณ์ร้อนเหมือนเดิม แถมวิญญาณยุทธ์ยังเป็นติ่งอัคคีอีกด้วย เป็นพวกธาตุไฟมาแต่กำเนิด นี่ก็เป็นเหตุผลที่ปู่ของถังเสี่ยวซีให้นางติดตามและฝึกวิชากับชวีฉู่
ทั้งสามคนเดินมาถึงตีนเขา พบปากทางเข้าถ้ำขนาดใหญ่อยู่ระหว่างโขดหิน แม้แต่โขดหินบริเวณนั้นก็ยังถูกเผาจนดําเป็นตอตะโก ชวีฉู่นั่งยอง ใช้มือคลำดินที่อยู่บนพื้น แล้วนำขึ้นมาดม จากนั้นเอ่ยว่า “มันผ่านมาทางนี้ล่าสุดเมื่อสองวันสองคืนที่แล้ว หรือว่าจะอยู่ในรัง…”
ถังเสี่ยวซี “ผู้อาวุโสชวี ท่านรู้ว่าสัตว์วิญญาณในถ้ำนี้เป็นตัวอะไรไหม”
ชวีฉู่มองวิถีของเปลวไฟบนพื้นแล้วเอ่ยว่า “น่าจะเป็นสัตว์เลื้อยคลานประเภทหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่า…จะมีลำตัวส่วนหนึ่งเคลื่อนที่ด้วยการเลื้อยไปกับพื้น เหมือนงู มันคือตัวอะไรกันแน่นะ”
ชวีฉู่พูดจบก็มองหลินมู่อวี่และถังเสี่ยวซี “พวกเจ้าสองคนไปรอข้าด้านนอก ไม่ต้องตามข้าเข้าไป สัตว์วิญญาณตนนี้น่าจะกำลังนอนหลับอยู่ แถมยังอายุเกินห้าพันปีแน่นอน ด้วยพลังของพวกเจ้า เข้าไปก็คงช่วยอะไรไม่ได้”
หลินมู่อวี่พยักหน้า ส่วนถังเสี่ยวซีก็ไม่ได้เอาแต่ใจ อยู่เฝ้าด้านนอกกับหลินมู่อวี่
ชวีฉู่ถือกระบี่เข้าไปในถ้ำเพียงลำพัง
หลังจากรออยู่ห้านาทีเต็ม ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ถังเสี่ยวซีเม้มปาก “ท่านปู่ชวีฉู่คงจะไม่ได้…ถูกสัตว์วิญญาณจับกินไปแล้วหรอกนะ นานขนาดนี้…”
หลินมู่อวี่อดหัวเราะไม่ได้ “ไม่น่าจะใช่ เขาเป็นถึงยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ปราชญ์”
เพิ่งจะพูดจบ ก็มีเสียงสั่นสะเทือนดังออกมาจากในถ้ำ ตามด้วยเสียงของชวีฉู่ที่ตะโกนออกมา “รีบวิ่งเร็วเข้า มันเป็นมังกรไฟเก้าพันปี!”
“มังกรไฟ?” ถังเสี่ยวซีอ้าปากค้าง ไม่เข้าใจ นางไม่เคยได้ยินว่ามีสัตว์วิญญาณอย่างมังกรไฟมาก่อน
แต่หลินมู่อวี่กลับรู้ว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้น รีบคว้าข้อมือถังเสี่ยวซีแล้วใช้ฝีเท้าดาวตกพุ่งไปที่เนินหินข้างๆ รู้สึกร้อนๆ ที่ด้านหลัง
“โฮก!”
เสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว สัตว์ขนาดมหึมาไล่กวดชวีฉู่ออกมาจากถ้ำ เป็นมังกรไฟจริงๆ มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีหัวเป็นม้า ลำตัวเป็นงู มีห้ากรงเล็บ แต่ว่าลำตัวของมันเลื้อยอยู่กับพื้น มีเกล็ดหนาๆ ปกคลุมทั้งตัว แต่ว่าเกล็ดของมันมีเปลวไฟลุนโชกอยู่ มันส่งเสียงคำราม พ่นไฟใส่ชวีฉู่
“บ้าชิบ…มังกรไฟหรือนี่…”หลินมู่อวี่ตกตะลึงอยู่ในใจ
มังกรไฟอายุเก้าพันปี มีพลังเทียบเท่ายอดฝีมือระดับแปดสิบเจ็ด ซึ่งมีฝีมือด้อยกว่าชวีฉู่ แต่ก็ด้อยกว่าไม่เท่าไหร่ แล้วยิ่งบำเพ็ญมาเกือบจะหมื่นปีแล้วด้วย ความร้ายกาจของมันจึงทวีขึ้นไปอีก ชวีฉู่ไม่กล้าประมาท หยุดฝีเท้าฉับพลัน จับกระบี่แล้วคำรามเสียงต่ำ ติ่งอัคคีปรากฏออกมาทันที และกลายเป็นโล่ขนาดยักษ์ขวางเขาไว้เบื้องหน้า นั่นคือทักษะวิญญาณยุทธ์ของเขานั่นเอง
เปลวเพลิงถูกพ่นออกมา หญ้าบริเวณนั้นถูกเผาไหม้เกรียมในพริบตา ที่นี่ใกล้จะกลายเป็นทะเลเพลิงแล้ว มังกรไฟคำรามด้วยโทสะ แล้วจู่ๆ ก็พุ่งทะยานไปด้านหน้า ใช้กรงเล็บจู่โจมใส่ติ่งอัคคีอย่างบ้าคลั่ง
“ปึง ปึง ปึง….”
มันตะปบติดต่อกันหลายครั้ง ชวีฉู่ต้านไว้อย่างยากลำบาก สีหน้าเริ่มซีดขาว เหงื่อเย็นผุดออก เขากัดฟันแน่น สู้ตาย!
“ชิ้ง!”
แสงอสนีปรากฏขึ้นและหุ้มกระบี่ไว้ ชวีฉู่คำรามเสียงต่ำเรียกเกราะศิลาเขียวออกมา และพุ่งเข้าใส่หน้าอกมังกรไฟด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า เสียง “ฉัวะ” ดังขึ้น มันคือท่าพิฆาตอสนีบาต ขาหน้าของมังกรไฟถูกตัดสะบั้นทันที อานุภาพในการฟันให้ขาดสะบั้นของพิฆาตอสนีทรงพลังมากจริงๆ แล้วที่ชวีฉู่ใช้พิฆาตอสนีในตอนนี้ก็เพื่อแสดงให้หลินมู่อวี่ดู ให้เขารู้ว่ากระบวนท่าง่ายๆ นี้ในยามต่อสู้นั้นทรงพลังเพียงใด!
แน่นอนว่าหลินมู่อวี่มองจนตาค้าง เขารู้พละกำลังของสัตว์วิญญาณอายุเก้าพันปีดี เกล็ดของมังกรไฟแข็งขนาดนั้น แต่กลับถูกชวีฉู่ฟันขาขาดในครั้งเดียว!
“โฮก!”