The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.398 ชวีฉู่ยังไม่ตาย
EP.398 ชวีฉู่ยังไม่ตาย
ริ้วแสงของคำพยากรณ์แกว่งไกวอ้อยอิ่งบนอากาศราวกับกำลังมองหาบางสิ่ง กระทั่งหลินมู่อวี่ก้าวออกจากตำหนักเจ๋อเทียน มันก็เคลื่อนเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วเสมือนพบเจ้านายของมัน
“วิ้ง!”
ลำแสงนับพันรวมตัวรอบร่างกายหลินมู่อวี่พร้อมสร้างคลื่นลมกระโชกผลักเฟิงจี้สิง ฉินอิน ฉู่เหยา และคนอื่นๆ ออกไปในพริบตา บนกำแพงตำหนักแสงสีทองส่องประกายบนเกราะหลินมู่อวี่ เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ไม่สามารถมองริ้วแสงนั้นได้โดยตรงขณะที่พึมพำ “พี่ใหญ่ราชาปีศาจ นั่นใช่ท่านหรือไม่?”
ทันใดนั้นเสียงของราชาปีศาจเจ็ดประทีปก็ดังขึ้นจากคำพยากรณ์ “ว่าอย่างไรเจ้าไก่อ่อน ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะยังไม่ตาย นั่นทำให้ข้าตกใจจริงๆ…”
“แม่ง…นี่ผิดหวังที่ข้าไม่ตายรึ?” หลินมู่อวี่กล่าวติดตลก
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปกล่าว “ท่านเซียนไม่ได้ให้เวลาข้าในการถ่ายทอดคำพยากรณ์นาน ดังนั้นรีบคุยกันเถิด”
“อืม การเดินทางท่ามกลางหมู่ดาวของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ราบรื่นมาก ข้ากลายเป็นอมตะ ภายในหนึ่งเดือนข้าจัดการเทพเกือบสามสิบองค์จากทั้งหมดกว่าร้อยองค์ กลั่นพลังศักดิ์สิทธิ์ และรวบรวมสาวก ฮ่า! บนสรวงสวรรค์ไม่มีใครไม่รู้จักราชาปีศาจเจ็ดประทีป กระนั้นเมื่อไม่นานนี้ข้าได้เผชิญหน้ากับเทพจักรพรรดิที่ทรงพลังมาก หลังจากต่อสู้กันเป็นเวลานานสามวันสามคืน ในที่สุดข้าก็หักคอมันได้ ตอนนี้ข้ากำลังฟื้นตัวอยู่ จึงใช้เวลานี้แวะมาหาเจ้าโดยใช้พลังศักดิ์สิทธิ์นำทาง”
“เช่นนั้นข้าขอแสดงความยินดีด้วย แต่เจ้าคงมีบางสิ่งจะบอกข้าใช่หรือไม่?”
“ใช่!”
ราชาปีศาจพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “เมื่อข้าจัดการเทพจักรพรรดิเมื่อเจ็ดวันก่อน และพบม้วนหนังสือวิญญาณในจวนของเขา ซึ่งมีรายชื่อผู้คนมากมายของดินแดนซุ่ยติง แต่ไม่มีชื่อของชวีฉู่ ข้าสงสัยว่าชวีฉู่อาจยังไม่ตาย ดังนั้นจึงออกคำสั่งสาวกให้ค้นหาวิญญาณของเขา กระทั่งพบในที่สุด”
“ผู้อาวุโสฉู่ยังไม่ตาย?”
หลินมู่อวี่ดีใจมาก “เขาอยู่ที่ใด?”
“ไม่ต้องกังวล ตั้งใจฟังข้าให้ดี” ดูเหมือนราชาปีศาจเจ็ดประทีปกำลังจิบชาก่อนจะกล่าวต่อ “ชวีฉู่คงปะทะกับลั่วหลานในช่วงที่มีการก่อกบฏในเมืองหลันเยี่ยน และถูกไล่ล่าไปยังเจดีย์สูงที่มีพลังทะลวงรอยแยกมิติ ข้าไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร ปราณครั้งสุดท้ายของชวีฉู่หายไปจากที่นั่น หากเจ้าต้องการตามหาเขา คงต้องไปที่เจดีย์แห่งนั้น”
หลินมู่อวี่พูดด้วยความประหลาดใจ “เจดีย์ทงเทียน?”
“คงเป็นเจดีย์ทงเทียนอย่างที่เจ้ากล่าว น้องเล็กอาอวี่ เจ้ากำลังฝึกยุทธ์อยู่ในดินแดนมนุษย์ พี่ใหญ่ยังคงรอเจ้าขึ้นสู่ดินแดนเทวะเพื่อต่อสู้กับเหล่าเทพราชันย์และเทพจักรพรรดิเคียงข้างข้า!”
“ข้ากำลังพยายาม…” หลินมู่อวี่รู้สึกเสียวสันหลังเมื่อนึกถึงคราที่ปะทะกับลั่วหลานจนตัวตาย เช่นนั้นแล้วพลังของเทพราชันย์และเทพจักรพรรดิจะแข็งแกร่งมากเพียงใด?
ทันใดนั้นริ้วแสงรวมตัวกันและทะยานขึ้นสู่ท้องนภาพร้อมคำพยากรณ์สลายหายไป
…
จากระยะไกล ฉินอิน ฉู่เหยา เฟิงจี้สิง และคนอื่นๆ รีบวิ่งเข้ามาหา ฉินอินพลันเอ่ยถามด้วยความกังวล “พี่อาอวี่เป็นอะไรหรือไม่?”
“ไม่เป็นไร เสี่ยวอิน…ข้ามีข่าวดีมาบอกเจ้า” หลินมู่อวี่พูดอย่างตื่นเต้น
“ข่าวดีอะไรหรือ?”
“ผู้อาวุโสฉู่ยังไม่ตาย”
“อะไรนะ? ผู้อาวุโสฉู่ยังไม่ตาย?” ฉินอินดีใจมาก “ขะ…เขาอยู่ที่ใด?”
“สิ่งต่อไปที่ข้าต้องทำคือการตามหาผู้อาวุโสฉู่”
หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย “ดังนั้นช่วงนี้อย่าเพิ่งตามหาข้า แล้วข้าจะกลับมาพร้อมผู้อาวุโสฉู่”
เฟิงจี้สิงตะลึง “อาอวี่ ผู้ใดส่งคำพยากรณ์นี้ให้เจ้า?”
“สหายเทพเจ้า”
“สหายเทพเจ้า…” เว่ยโฉวและจางเหว่ยตะลึงงัน ก่อนที่เว่ยโฉวจะเอ่ยถาม “ท่านหลินมู่อวี่มีสหายจากดินแดนเทวะ…พระเจ้า! ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก…”
หลินมู่อวี่มองฉินอินที่กำลังสับสนพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวอิน ข้าสบายดี จำได้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงฟื้นคืนชีพ? สหายจากดินแดนเทวะผู้นี้เป็นคนช่วยข้า อีกทั้ง…ยังสอนวิทยายุทธ์อันไร้เทียมทานให้ข้าด้วย แม้ว่าเขาจะกลับสู่ดินแดนเทวะและไม่สามารถอยู่ช่วยข้าได้อีกต่อไป แต่เขาก็ยังส่งคำพยากรณ์มาหาได้”
ฉินอินเม้มริมฝีปาก “การตามหาผู้อาวุโสฉู่คงอันตรายมากใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร ข้าเคยไปที่นั่นมาแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล”
หลินมู่อวี่ตบไหลบางของฉินอินแผ่วเบาพร้อมกล่าวว่า “กลับไปกินอาหารกันต่อเถิด แล้วเตรียมไก่ย่างให้ข้าสองตัวเพื่อนำไปกินระหว่างเดินทาง”
“อื้ม!”
…
หลังจากรู้ว่าชวีฉู่ยังไม่ตาย หลินมู่อวี่ก็ร้อนใจจนไม่สามารถอยู่กินอาหารต่อได้ เขาคว้าน่องไก่ย่างมากัดขณะที่ออกจากตำหนักเจ๋อเทียนพร้อมรีบตรงไปยังคอกม้าของวิหารศักดิ์สิทธิ์ เพื่อออกเดินทางไปยังเจดีย์ทงเทียน
ด้วยตราแม่ทัพองครักษ์ที่เพิ่งได้มา เขาจึงออกจากเมืองหลวงได้อย่างง่ายดาย
เจดีย์ทงเทียนยังคงมืดมนขณะที่ห้วงอวกาศลอยวนรอบเจดีย์ มีสายฟ้าแลบพร้อมฟ้าร้องก้อง และกองทหารแห่งจักรวรรดิที่ดูแลเจดีย์ทงเทียนห่างออกไปราวหนึ่งไมล์ เมื่อหลินมู่อวี่ขี่ม้าเข้ามา นายกองผู้หนึ่งรีบเข้ามาประสานหมัด “ท่านแม่ทัพหลินมู่อวี่ใช่หรือไม่? เกิดสิ่งใดขึ้นจึงมาเยือนเจดีย์ทงเทียนยามดึกสงัดเช่นนี้ขอรับ?”
“เนื่องจากมีบางสิ่งผิดปกติในเจดีย์ทงเทียน ฝ่าบาททรงให้ข้ามาตรวจสอบ”
“แต่…” นายกองมีสีหน้าตกตะลึงพร้อมกล่าวว่า “กล่าวกันว่ามีสัตว์ร้ายอาละวาดภายในเจดีย์ทงเทียน อีกทั้งยังมีเทพและปีศาจที่กินคน ท่านแม่ทัพหลินจะเข้าไปจริงหรือขอรับ? หรือ…จะให้ข้าน้อยนำกองกำลังและม้าเข้าไปพร้อมกับท่าน?”
“ไม่จำเป็น” หลินมู่อวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “มันปลอดภัยกว่าหากข้าเข้าไปคนเดียว ไม่ต้องกังวล ข้าเคยเข้าไปในเจดีย์ทงเทียนและมีชีวิตรอดกลับออกมา ครานี้ข้าจะกลับออกมาให้ได้เช่นกัน”
“ท่านแม่ทัพหลินระวังตัวด้วยขอรับ!”
“ขอบคุณ!”
“เอาล่ะ ทหาร! เปิดประตูให้แม่ทัพหลิน!”
“ขอรับ!”
กองทัพองครักษ์เปิดประตูขึ้นสนิมให้หลินมู่อวี่อย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้มาที่นี่สามปีแล้ว ก่อนจะส่งท่าเฉว่ให้นายร้อยพร้อมกล่าวว่า “ฝากม้าของข้าด้วย ข้าคงไม่ได้กลับออกมาในเร็ววัน”
“ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับท่านแม่ทัพ!”
…
“ชิ้ง!”
หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาพร้อมปลดปล่อยปราณยุทธ์ แสงจากใบดาบส่องสว่างขณะที่เขาก้าวเข้าไปในเจดีย์ ปกติแล้วไม่มีผู้อาศัยอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เขาจึงเดินขึ้นบันไดหินขึ้นไปที่ชั้นสองทันที แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงน่าสยดสยอง “โอ้…เป็นเวลานานแล้วที่เนื้อและเลือดสดๆ ไม่ได้เข้ามาในเจดีย์ทงเทียน ครานี้…ผู้โชคร้ายคนไหนที่จักรพรรดิจะส่งมากันนะ?”
ภูตผีตนหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เมื่อหลินมู่อวี่เห็นก็ผายฝ่ามือออก น้ำเต้าทองพวยพุ่งออกจากร่างกายควบแน่นเป็นกำแพงน้ำเต้า “ตูม!” หลินมู่อวี่ยกกำปั้นชกไปในอากาศพร้อมส่งพลังหนึ่งประทีปพิฆาตชีวันพุ่งเข้าใส่แขนผู้มาเยือนทันที!
“กรี๊ด!”
มันล้มลงพร้อมส่งเสียงครวญคราง ภายใต้แสงสว่างจากกระบี่ เขาเห็นว่าบุคคลตรงหน้าเป็นผู้หญิงในชุดเกราะอ่อน ซึ่งมีพลังยุทธ์อยู่ขอบเขตนภาชั้นที่หนึ่ง แขนของนางมีเลือดไหลอาบด้วยพลังหนึ่งประทีปพิฆาตชีวันดูน่าเวทนายิ่ง
หลินมู่อวี่วาดกระบี่จ่อที่คอพร้อมเอ่ยถามเสียงเบา “เจ้าเป็นใคร?”
“ขะ…ข้ามีนามว่าอสูรโลหิต!” แสงเยือกเย็นฉายผ่านดวงตาของนาง
“เจ้าเป็นสาวกของมารโลหิตหรือ?”
“เจ้า…รู้จักท่านมารโลหิตได้อย่างไร?” ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสงสัยพร้อมเหลือบมองยศทหารของหลินมู่อวี่ “หึ! ที่แท้ก็เป็นผู้บัญชาการแห่งจักรวรรดิ…จะมาฆ่าข้าสินะ เหอะ! หลังจากที่ปลิดชีพข้า ท่านมารโลหิตก็จะมีเหตุผลเพียงพอที่จะฆ่าเจ้าเพื่อล้างแค้น!”
“ข้าไม่ฆ่าเจ้าโดยไร้เหตุผลหรอก” หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย” ไปกันเถิด พาข้าไปหามารโลหิต เขารู้จักข้าดี”
“จะ…เจ้ารู้จักท่านมารโลหิตจริงรึ!?”
“อืม”
อสูรโลหิตพลันลุกขึ้นยืนพร้อมมองมาด้วยดวงตาเป็นประกาย “ท่าน…ท่านคือหลินมู่อวี่”
“รู้จักข้าหรือ?”
“อื้ม!” อสูรโลหิตพยักหน้าพร้อมกล่าวอย่างเคารพ “ท่านมารโลหิตมักกล่าวถึงท่าน ไปกันเถิด ข้าจะพาไปพบเขาเอง”
“ขอบคุณ!”
…
จากนั้นอสูรโลหิตเดินนำหลินมู่อวี่ขึ้นไป มีหมาป่าวาโยที่ดุร้ายปรากฏตัวขึ้นที่ชั้นสอง ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุราวห้าพันถึงหกพันปี ไม่รู้ว่ามารโลหิตฉินหงได้รับสัตว์วิญญาณเหล่านี้มาจากที่ใด เมื่อไปถึงชั้นที่สามก็พบกลุ่มวานรบรรพตอายุมากกว่าเจ็ดพันปี และชั้นที่สี่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์อสูรอายุแปดพันปีราวแปดตัว แต่สัตว์วิญญาณเหล่านี้ไม่ได้เข้ามาทำร้ายหลินมู่อวี่ ดูเหมือนว่าพวกมันจะรู้จักอสูรโลหิตที่มากับเขา
เมื่อมาถึงชั้นที่เจ็ด อสูรโลหิตเคาะประตูเบาๆ พร้อมกล่าวว่า “ท่านมารโลหิต มีแขกมาเจ้าค่ะ”
“ใคร?”
“หลินมู่อวี่”
“โอ้?” มารโลหิตสะดุ้งเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าหนุ่มจึงอยู่ที่นี่…ให้เขาเข้ามา!”
“เจ้าค่ะ!”
อสูรโลหิตเปิดประตูเข้าไปพร้อมโค้งคำนับอย่างเคารพ “เชิญท่านหลินเจ้าค่ะ”
หลินมู่อวี่ก้าวเข้าไปและเห็นมารโลหิตที่อยู่ด้านหลัง เขากำลังใช้ฝ่ามือลูบหัวหมีดำแผ่วเบา ขณะที่หมีตัวนั้นกำลังแยกเขี้ยวใส่หลินมู่อวี่
“หลินมู่อวี่คารวะท่านมารโลหิต!” เขาโค้งคำนับ
มารโลหิตค่อยๆ หันหน้าที่ผ่านประสบการณ์โชกโชนพร้อมรอยยิ้ม “หลินมู่อวี่ เจ้าหนีจากเจดีย์ทงเทียนไปได้ เหตุใดจึงกลับมาอีก เจ้าไม่เกรงกลัวความตายรึ?”
ด้านหลังมารโลหิตมีจอมยุทธ์หลายคนมองหลินมู่อวี่ด้วยสายตาปองร้าย หลินมู่อวี่ใช้ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจสอบและพบว่าพวกเขาล้วนอยู่ขอบเขตนภาชั้นที่สองซึ่งแข็งแกร่งมาก หากเขาถูกล้อม อาจตัดสินแพ้ชนะได้ยากกับคนเหล่านี้
แต่ตอนนี้เขาจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!
หลินมู่อวี่ปัดฝุ่นที่แขนเสื้อพร้อมกล่าวว่า “ข้าไม่ได้มาเพื่อรบกวนท่านมารโลหิต แต่มาเพื่อตามหาคนคนหนึ่ง”
“โอ้ ผู้ใดหรือ?”
“ชวีฉู่ อาจารย์ขององค์จักรพรรดินีขอรับ”
“เจ้าหมายถึง…ชวีฉู่ผมสีดอกเลารึ?”
“ขอรับ เคยเห็นเขาหรือไม่?’
“อืม…เขาฆ่าแม่ทัพของข้าไปสองคน อีกทั้งยังพาเซียนที่ชั่วร้ายมาด้วย คิดว่าข้าไม่เคยเห็นเขาหรือ?”
“ท่านมารโลหิตกำลังโกรธ…” หลินมู่อวี่รีบโค้งคำนับและกล่าวว่า “ท่านมารโลหิต อาวุโสฉู่เป็นขุนนางคนสำคัญของจักรวรรดิ และทุกคนต่างต้องการเขา ข้าหวังว่าท่านมารโลหิตจะยอมบอกข้าว่าผู้อาวุโสฉู่อยู่ที่ใด?”
มารโลหิตหัวเราะเยาะ “เหตุใดข้าต้องบอกเจ้าด้วย? ไปจับเด็กนี่มาให้ข้า!”
“หึ!”
หลินมู่อวี่หัวเราะพร้อมเรียกวิญญาณยุทธ์น้ำเต้า ขณะเดียวกันก็ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมา โซ่เทวะสีทองพันรอบใบดาบเปล่งแสงเป็นประกายสง่างาม
“ช้าก่อน…”
มารโลหิตมองเขาด้วยสายตาหวาดหวั่น “จะ…เจ้ามีวิญญาณยุทธ์โซ่เทวะได้อย่างไร!?”
………………………………….