The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.399 ดินแดนโกลาหล
EP.399 ดินแดนโกลาหล
“มัน…เป็นเรื่องค่อนข้างยาว”
หลินมู่อวี่สงบนิ่งและเริ่มพูดเรื่องไร้สาระอย่างจริงจัง “จักรพรรดิผู้ก่อตั้งเป็นคนมอบโซ่เทวะให้กับข้า ท่านจำจักรพรรดิผู้ก่อตั้งจักรวรรดิฉินได้ใช่หรือไม่?”
“ฉินอี้…บรรพบุรุษของข้าผู้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ ใครบ้างจะไม่รู้จักเขา” มารโลหิตกล่าวอย่างตื่นเต้น อย่างไรก็ตามเขาก็มีสายเลือดตระกูลฉินผู้ครองแผ่นดิน นี่จึงเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมากที่สุดในชีวิต
หลินมู่อวี่พยักหน้าพร้อมกล่าวต่อ “หลังจากนั้นสรวงสวรรค์ก็ส่งคำพยากรณ์ซึ่งมาจากจักรพรรดิสวรรค์ฉินอี้ เขามอบโซ่เทวะและทำให้ข้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลฉินเพื่อปกป้องจักรวรรดิ ปกป้องผืนแผ่นดิน และจงรักภักดีต่อตระกูลฉิน อาวุโสฉู่เป็นอาจารย์ขององค์จักรพรรดิฉินอิน ดังนั้นข้าจึงต้องตามหาเขา”
“จะ…เจ้าพูดจริงรึ?”
“หากคิดว่าเป็นเรื่องโป้ปด ท่านมีทักษะการอ่านใจมิใช่หรือ…เช่นนั้นใช้มันสิ”
หลินมู่อวี่ปลดปล่อยทักษะชีพจรวิญญาณถึงจุดสูงสุดขณะที่กล่าว ทำให้มารโลหิตอ่านใจเขาได้ยาก
…
ดูเหมือนมารโลหิตจะเชื่อที่เขาพูดจึงกล่าวต่อ “ในเมื่อเจ้าปกป้องแผ่นดินด้วยเจตนารมณ์ของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ฉินหงผู้นี้จะไม่ขัดขวาง จักรพรรดิฉินอี้ขอให้เจ้าปกป้องฉินอิน และฉินอินขึ้นเป็นจักรพรรดินีโดยชอบธรรม เอาล่ะ หลินมู่อวี่ ข้าจะพาไปหาชวีฉู่เอง”
“ขอบคุณที่เข้าใจขอรับ”
หลินมู่อวี่แอบยินดี หากไม่ใช่เพราะความปราดเปรื่องของตน ทุกอย่างคงไม่ราบรื่นเช่นนี้
เมื่อมารโลหิตขึ้นไปสู่ยอดเจดีย์ เขาชี้ไปที่หลุมอากาศสีเลือดบนอากาศพร้อมกล่าวว่า “สามปีก่อนฉวีชู่รอดพ้นจากการไล่ล่าของเซียนลั่วหลาน เขาผ่านรอยแยกมิติเข้าไปยังสถานที่ที่เรียกว่า ‘แดนโกลาหล’ ข้าไม่ค่อยแน่ใจสถานการณ์ของที่นั่น ขณะนี้เวลาของรอยแยกมิติไปที่นั่นยังมาไม่ถึง เจ้าต้องรอราวหนึ่งชั่วโมงจึงจะข้ามได้ หากชวีฉู่ยังไม่ถูกทรายแห่งกาลเวลาเผาไหม้ละก็…เจ้าควรจะได้พบเขา”
“ขอบคุณท่านมารโลหิต”
หลินมู่อวี่หันไปขอบคุณก่อนจะเอ่ยถาม “ท่านมารโลหิต เซียนลั่วหลานล้มเหลวในการไล่ล่าท่านชวีฉู่ เหตุใดเขาจึงไม่โกรธท่านและปล่อยให้ท่านอยู่รอดที่นี่?”
มารโลหิตยิ้มบางๆ “เป็นเพราะข้าภักดี เขาจึงไม่จัดการข้า”
“ภักดี?”
“ใช่ ท่านเซียนลั่วหลานเป็นเซียนที่มีความปรารถนาในอำนาจ เขาต้องการพิชิตผู้แข็งแกร่งทั่วทั้งแผ่นดินมากเกินไป แต่ก็ภูมิใจในความแข็งแกร่งของตน ดังนั้นเมื่อข้ายอมจำนน เขาจึงไม่ฆ่าข้า”
มารโลหิตยิ้มขมขื่น “ข้าเป็นเพียงชายเฒ่าที่ถูกคุมขังในเจดีย์ทงเทียนเพียงลำพังและไม่สามารถออกไปไหน ข้าทำได้เพียงยอมจำนนเขาเท่านั้น สำหรับข้า…ศักดิ์ศรีที่เคยมีมันหายไปนานแล้ว”
หลินมู่อวี่กล่าว “ตราบใดที่ท่านช่วยข้าตามหาผู้อาวุโสชวีฉู่ ท่านจะกลายเป็นวีรบุรุษของจักรวรรดิ เมื่อข้ากลับไปเมืองหลันเยี่ยนจะทูลขอฝ่าบาทเขียนพระราชโองการเพื่อยกย่องท่าน”
“จริงหรือ?” ดวงจามารโลหิตเปล่งประกาย
“เป็นเรื่องจริงขอรับ”
หลินมู่อวี่ฉวยโอกาสใช้ทักษะชีพจรวิญญาณเพื่ออ่านใจอีกฝ่าย…ดูเหมือนว่ามารโลหิตจะไม่ได้โกหก ชวีฉู่เข้าไปในสถานที่ที่เรียกแดนโกลาหลผ่านรอยแยกมิติจริง
…
หลังจากนั้นไม่นาน ฟ้าร้องและฟ้าผ่าบนท้องฟ้าดูจะรุนแรงมากขึ้น กระแสน้ำวนนับสิบปรากฏขึ้น รอยแยกมิติและเวลาผันแปร มารโลหิตชี้นิ้วไปยังด้านหน้าพร้อมกล่าวว่า “หลุมอากาศที่สามจากด้านซ้ายเป็นแดนโกลาหล มีเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลินมู่อวี่รีบไปเถิด มิเช่นนั้นจะสายเกินไป”
“แล้วข้าจะกลับมาได้อย่างไร?”
“เจ็ดวันหลังจากนี้ในเวลาเดิม เจ้าต้องไปยังสถานที่ที่เจ้าผ่านไป จากนั้นตัดผ่านรอยแยกมิติเพื่อกลับมายังดินแดนซุ่ยติงอีกครั้ง”
“ยอดเยี่ยม”
หลินมู่อวี่กระโดดพุ่งเข้าใส่หลุมอากาศสีเลือดที่เสมือนลูกศรแหลมคม ทันใดนั้นก็มีพลังแผดเผาของทรายแห่งกาลเวลา มันไหลวนราวกับแรงบิดในรูหนอน ซึ่งทำให้ผู้คนที่ผ่านเข้าไปอึดอัด เขาพลันบังคับควบแน่นพลังสร้างเกราะปราณยุทธ์เพื่อป้องกันร่างกายจากการถูกเผา ขณะเดียวกันก็ตะโกนเรียกในทะเลจิต “มังกรผลึกโลหิตตื่นได้แล้ว”
จากนั้นแสงบนร่างกายถักทอเป็นเส้นอย่างรวดเร็ว “วิ้ง!” ภายในส่วนลึกของทะเลจิต แสงสีทองพลันเปลี่ยนเป็นเกล็ดมังกร ซึ่งเป็นเกล็ดของมังกรผลึกโลหิตที่ปกป้องเจ้านายจากการถูกทรายแห่งกาลเวลาเผา
หลินมู่อวี่แอบยินดี ด้วยวิธีนี้เกราะจะไม่ถูกเผา และไม่ต้องเปลือยกายเมื่อเดินทางไปถึงอีกโลกหนึ่ง
หลังจากลอยวนภายในทรายแห่งกาลเวลาราวห้านาที ดวงตาของเขาก็มองเห็นแสงสว่าง ในทุกสุดก็สามารถทะลุผ่านรอยแยกมิติพร้อมตกลงบนพื้นในสถานที่ที่มืดสนิท
“พลั่ก!”
ร่างของเขาร่วงหล่นพื้นด้วยความแรง หลุมอากาศสีเลือดด้านหลังค่อยๆ หายไปพร้อมรอยแยกมิติ
หลินมู่อวี่ลุกขึ้นพร้อมลูบใบหน้าที่เจ็บปวด ก่อนจะมองออกไปรอบบริเวณ มันเป็นพื้นที่รกร้างและดูบิดเบี้ยวสมชื่อดินแดนโกลาหล
เขากระชับด้ามกระบี่แน่น ก่อนตวัดออกไปพร้อมเรียกฌานสัมผัสเพื่อตัดรอยแยกมิติ
“โฮก…”
มังกรน้อยคลานออกมาอย่างตื่นเต้นพร้อมสะบัดหางและเอาหัวถูแขนหลินมู่อวี่ด้วยท่าทางมีความสุข
“แอปเปิลน้อย” หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อเล่นสนุก แต่เราต้องตามหาผู้อาวุโสฉู่ให้เร็วที่สุด เขาคงอยู่ที่นี่มาสามปีแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เจ้าสัมผัสได้ถึงปราณของผู้อาวุโสฉู่หรือไม่?”
แอปเปิลน้อยคำรามพร้อมชูหัวขึ้น หูเล็กๆ ของมันขยับเล็กน้อย ก่อนจะส่งเสียงร้องเพื่อนำทางอีกครั้ง
หลินมู่อวี่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสถานที่นี้ แต่ดูเหมือนมังกรผลึกโลหิตจะรู้จักสถานที่แห่งนี้ดี มันยังคงส่งเสียงร้องไม่ได้ภาษา เขาจึงต้องใช้ทักษะชีพจรวิญญาณและติดตามมังกรน้อยไปตลอดทาง
บริเวณโดยรอบรกร้าง มีเพียงหินแตกทั่วทุกหนแห่งและไม่มีหญ้าขึ้นแม้แต่น้อย ราวกับกำลังเดินอยู่บนพื้นผิวดวงจันทร์ โชคดีที่ชั้นบรรยากาศของที่นี่เหมาะสมกับการอยู่อาศัย หรือบางทีอาจเป็นเพราะวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าชั้นที่หนึ่ง เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว น้ำเต้าเขียวเป็นวิญญาณยุทธ์จากพืช ซึ่งสามารถสร้างออกซิเจนได้ ดังนั้นหลินมู่อวี่จึงสามารถหายใจในดินแดนแห่งนี้เป็นปกติ
ไม่รู้ว่าเดินทางมานานเพียงใด ในที่สุดก็มาถึงเนินดินแห่งนี้ มังกรน้อยพลันคำรามใส่หลินมู่อวี่พร้อมเกล็ดบนตัวตั้งชัน มันเป็นท่าทางขู่ศัตรู มีบางสิ่งกำลังเข้ามา!
หลินมู่อวี่รีบชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมา ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจจับได้ถึงพลังงานผันผวนที่ตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
…
“ตูม!”
ทันใดนั้น! พื้นดินด้านหน้าถูกทะลวงพร้อมสัตว์ร้ายขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากเศษซากปรักหักพัง มันไม่มีดวงตา แต่มีปากขนาดใหญ่ดูน่าสยดสยอง “เปรี้ยง!” มันกระแทกใส่ก้อนหินใหญ่เสียงดัง ก่อนที่ร่างกายบิดยาวราวกับงูจะปรากฏขึ้น บนหน้าผากมีเส้นสีทองห้าเส้น ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นสัตว์วิญญาณอายุห้าพันปี
หลินมู่อวี่กระชับกระบี่ในมือและพุ่งออกไป วิญญาณยุทธ์โซ่เทวะเปล่งแสงเป็นประกายพร้อมดวงดาวสว่างไสวเหนือใบดาบ มันเสริมพลังของกระบี่เพื่อต่อสู้กับสัตว์วิญญาณตัวนี้
ดาราปรากฏ!
“เปรี้ยง!”
คมกระบี่พุ่งทะลวงศีรษะของงูยักษ์ด้วยกระบวนท่าเดียวพร้อมศิลาวิญญาณกลิ้งออกมาจากสมองของมัน
มังกรผลึกโลหิตส่ายหัวอย่างตื่นเต้นพร้อมพุ่งไปกินเนื้องูยักษ์
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วและหยิบศิลาวิญญาณขึ้นมาทำความสะอาด ก่อนจะโยนลงไปในถุงสรรพสิ่ง เขารอกระทั่งมังกรน้อยกินอิ่มและกล่าวว่า “ต่อไปเราจะไปหาผู้อาวุโสฉู่ที่ใด?”
งูยักษ์ตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก มังกรกัดกินมันไปเพียงบางส่วนก็อิ่ม ก่อนที่มันจะใช้หัวพุ่งชนซากงูยักษ์เข้าไปในถ้ำ
หลินมู่อวี่มองอย่างสับสนก่อนจะลงมือช่วย จากนั้นหนึ่งคนและหนึ่งมังกรช่วยกันเคลื่อนย้ายซากงูมังกรตกลงไปในถ้ำ
“โฮก…”
มังกรน้อยพิงผนังถ้ำพร้อมส่งสายตามาให้หลินมู่อวี่
“เจ้าต้องการให้ข้าเข้าไปในถ้ำหรือ?” หลินมู่อวี่ตะลึง
มังกรน้อยสะบัดหางและพยักหน้า
ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลองดู
หลินมู่อวี่กระโดดเข้าไป ทันใดนั้นเขาก็ถูกรายล้อมไปด้วยเสียงลม ก่อนที่เสียงคำรามมังกรน้อยดังขึ้นเหนือหัวเขา ร่างกายใหญ่ยักษ์ของมันตกลงมาอย่างรวดเร็วจนก้นชนกับหัวของหลินมู่อวี่ เขาคร่ำครวญ “เจ้าตัวเล็ก…”
ถ้ำงูยักษ์ลึกมาก เขาตกลงไปเกือบสามนาทีแล้ว ในที่สุดก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นตรงหน้า แต่เขาก็ยังคงร่วงหล่นอย่างต่อเนื่อง
“วิ้ง!”
ทันใดนั้นเขาก็โผล่ออกมากลางอากาศที่เคว้งคว้าง
หลินมู่อวี่ตกตะลึง เขาลอยอยู่สูงกว่าพื้นราวห้าไมล์ หากยังเป็นเช่นนี้ จะต้องตกลงไปตายเป็นแน่!
“แม่งเอ๊ย!”
เขาคร่ำครวญและมองขึ้นไปที่มังกรผลึกโลหิต “เจ้าพาข้ามาตาย…”
แต่เขาเห็นเพียงดวงตากลมโตของมังกรผลึกโลหิต ทันใดนั้นมันก็กางกรงเล็บออกพร้อมเกล็ดบนตัวตั้งชัน ปลายเกล็ดพลันปรากฏหมอกจางๆ ราวกับก้อนเมฆ มังกรน้อยกอดขาหลินมู่อวี่ก่อนจะโยนเขาขึ้นไปบนหลัง
หลินมู่อวี่ตะลึงงันขณะนั่งอยู่บนหลัง เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามังกรน้อยบินได้
“เปรี้ยง!”
ร่างงูยักษ์ตกลงไปบนพื้นพร้อมเกิดเสียงดังกึกก้อง ร่างกายของงูยักษ์แข็งมากจนกระแทกหินที่เชิงเขาแตกกระจาย
มังกรน้อยพลันร่อนลงด้านข้างร่างของงูยักษ์
“โฮก…”
หลังจากลดเกล็ดบนตัวลง มันก็นั่งลงข้างเจ้านายราวกับหมาตัวใหญ่
หลินมู่อวี่มองไปรอบบริเวณขณะที่แผ่ทักษะชีพจรวิญญาณ ที่นี่มีภูเขาสีเขียว แม่น้ำสีเขียว ท้องฟ้าแยกตัวเป็นชั้น หินสีแดงลุกเป็นไฟ พื้นที่ปกคลุมไปด้วยหลุมลึก และสามารถมองเห็นร่างยักษ์ของสัตว์ร้ายได้อย่างเลือนราง งูเหล่านี้ทำรังอยู่บนท้องฟ้า นี่มันรอยแยกมิติบ้าบออะไร…
ขณะเดียวกันเสียงเกือกม้าดังขึ้นจากระยะไกล ทักษะชีพจรวิญญญาณพลันตรวจจับได้ถึงปราณผันผวนของกลุ่มคนตรงเข้ามา
………………………………….