The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.412 กล่องลูกศร
EP.412 กล่องลูกศร
กลางดึก แสงเทียนแกว่งไปมาเล็กน้อยภายในกระโจมใหญ่ของกองทัพมังกรผงาด เว่ยโฉวกางแผนที่ที่เพิ่งวาดลงบนโต๊ะขณะที่เหงื่อไหลย้อยบนหน้าผากพร้อมกล่าวว่า “เหล่าทหารสามารถวาดแผนที่ให้ได้เพียงเท่านี้ ซึ่งแทบใช้งานไม่ได้ พวกเขาจึงทำเครื่องหมายของพวกปีศาจบนเทือกเขาฉินขึ้นใหม่”
“อืม”
หลินมู่อวี่วางมือลงบนโต๊ะและกล่าวว่า “มณฑลชุนไป๋และมณฑลดาราตั้งขนาบสองด้านของเทือกเขาฉิน และเทือกเขามีความยาวราวสองร้อยไมล์ ขณะนี้กองกำลังเผ่าปีศาจมีไม่มากพอที่จะต่อสู้กับเรา”
เว่ยโฉวพยักหน้า “กองกำลังหนึ่งหมื่นตนถูกส่งไปยังเมืองหน้าด่านเทือกเขาฉินซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบสิบไมล์และแยกตัวกระจัดกระจาย”
“อืม…”
ฉินเหยียนด้านข้างถือหอกศักดิ์สิทธิ์ที่หลินมู่อวี่นำหลับมาจากแดนโกลาหลด้วยสีหน้าเป็นกังวล “พี่ใหญ่ แม้พวกมันจะมีเพียงหนึ่งหมื่นตน แต่ตอนนี้เราไม่มีแม่น้ำต้าวเจียงเป็นปราการให้ เมื่ออสูรเกราะเคลื่อนทัพมา ทหารม้าหนักกองทัพมังกรผงาดคงไม่สามารถต่อสู้บนพื้นที่ราบกับพวกมันได้”
“ไม่เสมอไป”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เราเพียงไม่เข้าใจความแข็งแกร่งของกองทัพอสูรเกราะในศึกแรกของเมืองตงฉวง ดังนั้นเราจึงส่งทหารม้าออกไปรบกับอสูรเกราะบนที่ราบ และนำไปสู่ความพ่ายแพ้ พวกอสูรเกราะแข็งแกร่งมาก ซึ่งดาบธรรมดาไม่สามารถตัดผ่านเกราะหนาได้ ความแข็งแกร่งของมันทำให้เหล่าทหารม้าเกรงกลัวจนมองข้ามสิ่งสำคัญ และละทิ้งความได้เปรียบของทหารม้าไป”
“ข้อได้เปรียบใดหรือขอรับ?” เฝิงสี่เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
มุมปากหลินมู่อวี่ยกขึ้น “ความคล่องตัว”
“ความคล่องตัวคือสิ่งใด?” เว่ยโฉวถาม
หลินมู่อวี่จึงอธิบาย “ความคล่องตัวหมายถึงความสามารถในการเคลื่อนที่ ความเร็วของอสูรเกราะไม่สามารถเทียบเท่ากับทหารม้าได้ เราจึงสามารถใช้กลยุทธ์นี้ ทหารม้าหนักทั้งหมดจะเปลี่ยนไปสวมเกราะเบา และเพื่อทิ้งระยะห่างกับพวกมัน เราจะใช้ศรเศวตรมณียิงสกัด เมื่อกองทัพอสูรเกราะไล่ล่าพวกเรามา จากนั้นจะส่งทหารม้าเบาเข้าโจมตี ทำให้กองทัพพวกมันกระจายตัว แล้วใช้กับดักพร้อมรถหนามเพื่อรอสังหารอสูรเกราะเหล่านั้นจนสิ้น!”
ฉินเหยียนเผยสีหน้าตื่นเต้นพร้อมกล่าวว่า “พี่ใหญ่ กลยุทธ์นี้จะใช้ได้จริงหรือ?”
“อืม แต่…” หลินมู่อวี่คร่ำครวญ “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของสงครามในวันพรุ่งนี้ กองทัพอสูรเกราะของเหล่ยฉงได้สังหารกองทหารอันทรงพลังในเมืองตงฉวง และกลายเป็นความอัปยศของจักรวรรดิ จากนั้นพวกมันรุกรานเทือกเขาฉินและบีบบังคับกลุ่มกบฏจักรวรรดิอี้เหอจนล่าถอย ตอนนี้กองทัพอสูรเกราะเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง พวกเราจะต้องจัดการมันให้สิ้นในศึกวันพรุ่งนี้…”
เว่ยโฉวพยักหน้า “ข้าจะรอคำสั่งผู้บัญชาการขอรับ”
“ดี”
หลินมู่อวี่พยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “พรุ่งนี้ข้าจะออกคำสั่งให้ทหารม้าชั้นยอดห้าพันนายของกองทัพมังกรผงาดออกเมืองไปท้าทายและนำพวกปีศาจมาที่เมืองปู้กู่ ข้าจำได้ว่ากล่องลูกศรถูกติดตั้งบนกำแพงเมืองทั้งหมดล่วงหน้าแล้ว เราจะสามารถเอาชนะพวกมันได้หรือไม่…ขึ้นอยู่กับการประสิทธิภาพของกล่องลูกศร ค่ำคืนนี้ไปพักผ่อนกันเถิด เราจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น”
“ขอรับ!”
เปลวไฟสว่างไสวในค่ายขณะที่รอบบริเวณเงียบสงัด แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่าวันรุ่งขึ้นจะทำศึกสงครามกับเผ่าปีศาจอีกครั้ง จักรวรรดิอี้เหอพ่ายแพ้ไปแล้ว เมืองหน้าด่านเทือกเขาฉินจึงตกอยู่ในกำมือของพวกปีศาจ ดังนั้นกองทัพมังกรผงาดจะต้องยึดครองพื้นที่ใกล้เคียงกลับมาให้ได้ มิเช่นนั้นเมื่อใดที่อสูรเกราะนับแสนของเหล่ยฉงเข้ายึดจักรวรรดิอี้เหอทั้งหมด พวกมันจะเริ่มรุกรานเข้าสู่แผ่นดินหลักของจักรวรรดิ…
…
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น แสงอาทิตย์สาดส่องทำให้หมอกจางลง เสียงเกือกม้าดังก้องป่าขณะที่หลินมู่อวี่นำทหารม้าห้าพันนายออกนอกเมืองไปถึงเชิงเทือกเขาฉิน ต้นสนสองข้างทางเต็มไปด้วยน้ำค้าง หยดน้ำเย็นเฉียบกระเซ็นใส่ชุดเกราะและใบหน้าของหลินมู่อวี่
เบื้องหน้ามีถนนกว้างขวางบนเขามุ่งตรงไปทางทิศใต้ของเทือกเขาฉิน นี่เป็นทางเดียวในการปีนขึ้นเทือกเขาไปป้อมปราการหินสีดำที่ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างหุบเขา…เมืองหน้าด่านโม่ซง ป้อมปราการแห่งแรกซึ่งตั้งอยู่ระหว่างจักรวรรดิฉินและจักรวรรดิอี้เหอ แต่ขณะนี้เมืองหน้าด่านโม่ซงตกอยู่ในมือของเผ่าปีศาจแล้ว
อสูรเกราะถือขวานศึกลาดตระเวนหน้าประตูเมืองในระยะไกล มีธงรบปลิวไสวบนประตูเมือง บนธงมีดาบยาวสองเล่มไขว้กันพร้อมชื่อ ‘เทพ’ และ ‘เพลงดาบ’ ซึ่งคงเป็นความเชื่อของพวกปีศาจ และเป็นสิ่งที่อธิบายได้ว่าเหตุใดปีศาจระดับสูงจึงเชี่ยวชาญเพลงดาบยิ่ง
ม้าเหยียบย่ำบนใบสนขณะที่สายตาหลินมู่อวี่จับจ้องป้อมปราการสีดำระยะไกลพร้อมกล่าวว่า “เปลี่ยนไปใช้ธนูยิงใส่เมืองหน้าด่านโม่ซงแบบสุ่มเมื่ออยู่ห่างประมาณครึ่งไมล์ และปล่อยให้พวกปีศาจออกจากเมืองหน้าด่าน เราไม่สามารถเข้าไปใกล้มากนัก รีบไปเถิด จำไว้ว่าอย่าเข้าใกล้หรือถอยห่างเกินไป”
“ขอรับท่านผู้บัญชาการ!”
ทหารกองทัพมังกรผงาดแขวนหอก ทวน และอาวุธด้ามยาวอื่นๆ ไว้ด้านข้างม้า ก่อนจะยกคันศรขึ้นพร้อมควบม้าไปยังเมืองหน้าด่านโม่ซงบนภูเขาพร้อมหลินมู่อวี่
ณ ประตูเมือง กลุ่มอสูรเกราะพบร่องรอยของกองทัพมนุษย์ พวกมันดูตื่นเต้นมากพร้อมตะโกนดังด้วยภาษาที่ไม่สามารถเข้าใจได้ เว่ยโฉวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เจ้าพวกแมลงสาบกำลังตะโกนอะไร?”
“คงมีแต่เทพเจ้าเท่านั้นที่รู้…เตรียมตัวโจมตี”
หลินมู่อวี่ยกคันศรขึ้นพร้อมดึงลูกศรขนาดใหญ่สีดำที่ทำพิเศษขึ้นมา แก่นเพลิงมังกรบนฝ่ามือพลันถ่ายเทลงสู่ลูกศร จากนั้นเขาเล็งยิงไปยังประตูเมือง “เปรี้ยง!” ลูกศรขนาดใหญ่ทะลวงกำแพงหินจนฝุ่นตลบ
“โฮก?”
อสูรเกราะตนหนึ่งมองลูกศรขนาดใหญ่บนกำแพงเมืองห่างออกไปไม่ไกล เมื่อมองขึ้นไปก็พบกองทหารม้าหนักของกองทัพมังกรผงาด มันพลันยกขวานศึกขึ้นพร้อมตะโกนดังฟังไม่ได้ศัพท์
“ผู้บัญชาการ ภาษาปีศาจนั่นหมายความว่าอย่างไร? มันหมายถึงสิ่งใดกัน…” เว่ยโฉวถามด้วยรอยยิ้มขณะที่ยิงเชือกธงรบของศัตรู
“ข้าไม่ทราบ…” หลินมู่อวี่ส่ายหัว “มันคงหมายถึง…ออกจากเมือง ตัดหัวทิ้ง แล้วขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของมัน…”
“เจ้าพวกแมลงสาบเหม็นเน่า…บังอาจจะขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของเรา…” เว่ยโฉวยิ้ม “หลังจากที่ทำลายเผ่าปีศาจได้แล้ว เราต้องไปขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของพวกมันบ้าง ตาต่อตา ฟันต่อฟันไปเลย!”
ทหารกองทัพมังกรผงาดพลันหัวเราะลั่น
“แอ๊ด” เสียงประตูเหล็กหนาของเมืองหน้าด่านดังขึ้น จากนั้นอสูรเกราะจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาพร้อมอาวุธในมือ “โฮก!!” พวกมันคำรามกึกก้อง บางตัวกระพือปีก บางตัวกระโจนออกไป ความเร็วของอสูรเกราะเร็วกว่ามนุษย์มาก แต่ด้อยกว่าม้าศึก
“ถอยทัพ!”
หลินมู่อวี่ดึงบังเหียนกระตุ้นท่าเฉว่ให้หันกลับ กองทัพหน้าของมังกรผงาดกลายเป็นกองหลังทันที จากนั้นควบม้าออกจากป่าสน กระนั้นเว่ยโฉวไม่ได้ถอยออกไปพร้อมกันทันที ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยจิตสังหารพร้อมออกคำสั่ง “กองทัพแรกถอย กองทัพที่สองเตรียมพร้อมโจมตี!”
ทหารม้ากองทัพมังกรผงาดเกือบสามร้อยนายหยุดม้าฉับพลันพร้อมหันคันศรไป “ฟิ้ว!!” พวกเขาก็รีบควบม้าออกไปทันทีที่ปล่อยลูกศรชุดแรกออกไป ก่อนจะยิงสุ่มอีกครั้งอย่างรวดเร็ว หลังจากยิงสุ่มสองครั้ง อสูรเกราะมากมายถูกยิงตาและปากส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวชภายในป่าสน ซึ่งทำให้พวกมันที่เหลือโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น
“ตึง ตึง ตึง!”
เสียงกลองศึกของเผ่าปีศาจดังขึ้นจากเมืองหน้าด่านโม่ซง พวกนายพลอสูรเกราะไม่ได้นึกคิดว่ามนุษย์มีกลอุบายหลอกล่อศัตรูหรือไม่ พวกมันจึงวิ่งออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเพื่อไล่ตามทหารม้าห้าพันนายของหลินมู่อวี่
…
หลังจากออกจากป่าสน เว่ยโฉวยังไม่หยุดขี่ม้าพร้อมยิงธนูใส่เผ่าปีศาจ แม้พวกมันจะไม่สามารถสังหารทหารกองทัพมังกรผงาด แต่ยังคงถือขวานศึกไล่ตามด้วยดวงตาแดงก่ำ
พวกมันไล่ล่าตามมาเกือบสี่สิบไมล์ กระทั่งเมืองปู้กู่ปรากฏขึ้นตรงหน้า ฉินเหยียนและเฝิงสี่รออยู่ที่ประตูพร้อมตะโกนดัง “ผู้บัญชาการกำลังจะเข้าเมืองแล้ว!”
เสียงกลองศึกในเมืองปู้กู่ดังขึ้นเรียกร้องความสนใจจากกองทัพเผ่าปีศาจ
นายพลปีศาจแถวหน้ายกขวานศึกตะโกนดัง “โฮก!!”
เสียงเท้าม้าดังกึกก้องพร้อมทหารกองทัพมังกรผงาดเข้าเมืองอย่างรวดเร็ว ทันทีที่คนสุดท้ายผ่านประตูเมืองเข้ามา หลินมู่อวี่พลันตะโกนสั่ง “ปิดประตูพร้อมเตรียมกล่องลูกศร และเริ่มโจมตีเมื่อพวกมันเข้ามาในระยะยิง!”
ประตูปิดลงทันใด หลินมู่อวี่ส่งม้าให้ทหารพร้อมชักกระบี่เล่มยาว นายพลและคนอื่นๆ รีบวิ่งขึ้นไปบนกำแพง เมื่อมองไประยะไกลจะพบกองทัพอสูรเกราะจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งตรงมา เหว่ยโฉวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นสะท้าน “ท่านผู้บัญชาการ อสูรเกราะจำนวนอย่างน้อยห้าพันตัวช่างน่าเกรงขามยิ่ง”
“ไม่เป็นไร ปล่อยพวกมันเข้ามา”
หลินมู่อวี่หรี่ตาลงพร้อมกล่าวว่า “กล่องลูกศรเตรียมพร้อมแล้ว”
กล่องลูกศรเรียงกันเป็นแถวบนกำแพงเมือง ขณะที่ทหารกองทัพมังกรผงาดค่อยๆ ปรับมุมการยิง และการยิงจากด้านบนลงสู่ด้านล่างจะทำให้พลังการเจาะทะลุของกล่องลูกศรมีอานุภาพมากขึ้น
…
“โฮก!!”
ด้านใต้เมือง กองทัพเผ่าปีศาจพุ่งเข้ามาพร้อมคำรามดัง วิธีการล้อมของพวกมันเรียบง่ายมาก เพียงใช้ขวานศึกขุดฐานกำแพงเมือง ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลานาน
“เตรียมตัวยิงธนู!” หลินมู่อวี่ออกคำสั่งเมื่ออสูรเกราะเข้ามาใกล้เมืองระยะสองร้อยเมตร
ทันใดนั้น! กล่องลูกศรหลายร้อยกล่องก็โจมตีพร้อมกัน ลูกศรเหล็กพิษไฟที่ทำขึ้นเป็นพิเศษพุ่งออกไป “ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!” ลูกศรเจาะทะลุร่างอสูรเกราะตามที่หลินมู่อวี่คาดการณ์ ลูกศรแข็งแกร่งมากพอที่จะเจาะเกราะของเผ่าปีศาจ และเมื่อรวมกับพิษไฟ จึงสามารถสังหารอสูรเกราะได้อย่างง่ายดาย
ในพริบตาอสูรเกราะใต้เมืองล้มตายทั้งหมด แต่ดูเหมือนพวกมันจะยังไม่ยอมแพ้ ก่อนจะพุ่งมาโจมตีประตูเมืองด้วยขวานศึกครั้งแล้วครั้งเล่า
ลูกศรพุ่งออกจากเมืองราวกับห่าฝน ซึ่งล้วนแล้วเป็นศรเศวตรมณี
ทหารด้านข้างกล่องลูกศรหมุนสายเชือกเพื่อเตรียมโจมตีอีกครั้งพร้อมเติมลูกศร กระบวนการนี้ใช้ทหารแปดนายและเสร็จสิ้นภายในเวลาเพียงสองนาที
จากนั้นเว่ยโฉวและคนอื่นๆ ดึงสายธนูจนเป็นรูปพระจันทร์เต็มดวง ก่อนจะยิงศรเศวตรมณีสังหารอสูรเกราะตัวแล้วตัวเล่า
…
ขวานศึกมากมายกระแทกประตูจนสั่นคลอนเล็กน้อย ฉินเหยียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “พี่ใหญ่ ประตูกำลังจะถูกพังเข้ามา ให้ข้าออกไปจัดการหรือไม่?”
“อืม ระวังตัวด้วย”
“ขอรับ!”
………………………………….