The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.433 คำประกาศิตจักรพรรดินี
EP.433 คำประกาศิตจักรพรรดินี
ลึกเข้าไปด้านหลังจวนแม่ทัพของเมืองหน้าด่านโม่ซง ลานกว้างขนาดเล็กในป้อมปราการดูไม่เข้ากับค่ายทหารและร้านตีเหล็กที่รายล้อมรอบบริเวณ แต่มันกลับกลายเป็นสถานพักฟื้นที่ดีที่สุดของหลินมู่อวี่
เกราะทรุดโทรมของหลินมู่อวี่ถูกถอดออก หลังทายาสมานแผลแล้วจึงสวมชุดให้ใหม่ ขณะนี้ร่างของเขาถูกคลุมด้วยผ้าห่มสีขาวขณะที่นอนอยู่บนฟูกด้วยลมหายใจที่สม่ำเสมอ และใบหน้าของเขาเริ่มมีสีมากขึ้นอีกครั้ง
ฉินอินนั่งจับมือหลินมู่อวี่อย่างเงียบงัน
อีกด้านมีเฟิงจี้สิง ชวีฉู่ ฉินเหยียน เว่ยโฉว ซูอวี่ และนายพลรออยู่เงียบๆ
“ฝ่าบาท…”
เฟิงจี้สิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “พระองค์ทรงเรียกเซี่ยงอวี้มาจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“อื้ม” ฉินอินพยักหน้า “สารด่วนถูกส่งไปยังมณฑลชางหนานแล้ว จากนั้นเซี่ยงอวี้จะต้องรีบมาที่เมืองหน้าด่านโม่ซงโดยเร็ว ครานี้ข้าจะต้องตรวจสอบเอาความให้ถึงที่สุด!”
“แต่…” เฟิงจี้สิงกล่าวด้วยสีหน้ากังวล “ตอนนี้เซี่ยงอวี้เป็นผิงหนานโหวและมีชื่อเสียงโด่งดังในจักรวรรดิ แม้แต่เหล่านายพลต่างยอมรับว่าเขาเป็นเทพทหารรุ่นใหม่ อีกทั้งเซี่ยงอวี้ยังเป็นคนของท่านหลานกง การจัดการเขาอาจนำไปสู่สงคราม”
ซูอวี่ประสานหมัดกล่าว “เสี่ยวอินโปรดระวังตัว เมืองหน้าด่านโม่ซงที่เราอยู่ขณะนี้เป็นเขตอำนาจของหลานกง ที่นี่คือมณฑลดารา ไม่ใช่เมืองหลันเยี่ยนในมณฑลหลิงเป่ย”
“ข้ารู้” ฉินอินเม้มริมฝีปากก่อนกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพเฟิง ท่านป้าอวี่ พวกท่านต่างเห็นว่าเซี่ยงอวี้ต้องการกำจัดพี่อาอวี่ และข้า…ยอมสูญเสียทั้งแผ่นดินดีกว่าเสียพี่อาอวี่อีกครั้ง ครานี้ข้าจะให้ท่านหลานกงเป็นผู้ตักเตือนเซี่ยงอวี้เพื่อไม่ให้เขาท้าทายอำนาจของข้า ข้าเป็นผู้ปกครองจักรวรรดิฉิน ไม่ใช่หลานกงผู้เป็นนายของเขา!”
ฉินอินพลันลุกขึ้นพร้อมกล่าวด้วยดวงตาเฉียบคม “หากถังหลานยังคิดว่าข้าเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆ ละก็…เขาคิดผิดมหันต์ ข้าจะขึ้นเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดและปกป้องคนที่ข้าห่วงใยจากอันตรายทั้งปวง!”
ซูอวี่มองอย่างซาบซึ้งพร้อมกล่าวว่า “ป้าอวี่และตาของเจ้าจะคอยสนับสนุน!”
เฟิงจี้สิงประสานหมัดพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากฝ่าบาทมีพระประสงค์ทำสิ่งใด เพียงทรงสั่งเท่านั้น เฟิงจี้สิงจะนำกองทัพองครักษ์ทั้งสองหมื่นนายออกไปทันที!”
เว่ยโฉวประสานหมัดกล่าว “กระหม่อมจะบัญชาการกองทัพมังกรผงาดทั้งสองหมื่นนายเพื่อฝ่าบาทเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”
“ดี”
ดวงตาฉินอินเปล่งประกายพร้อมกล่าวด้วยอย่างเด็ดเดี่ยว “รับสั่งข้า กองทัพเมืองชีไห่หนึ่งหมื่นเจ็ดพันนายในเมืองหน้าด่านโม่ซงจะถูกย้ายกลับไปยังเมืองเหลิ่งซิง ทหารรักษาการณ์ที่นี่จะถูกแทนที่ด้วยกองทัพแห่งจักรวรรดิ จงนำกองทัพมังกรผงาดหนึ่งหมื่นนายไปยังเมืองปู้กู่เพื่อคุ้มกันเมืองทั้งหมด ส่วนฉินเหยียนจงนำกองทัพมังกรผงาดอีกหนึ่งหมื่นนายช่วยผู้บัญชาการเฟิงในการปกป้องเมืองหน้าด่านแห่งนี้ จากนั้นส่งสารเรียกตัวหลานกงมา”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ทุกคนพยักหน้ารับ
…
วันรุ่งขึ้นแสงแดดอบอุ่นส่องลงมาจากบานหน้าต่าง ในที่สุดหลินมู่อวี่ก็ตื่น เมื่อเขาลืมตาขึ้นก็พบใบหน้างดงามที่ดูอ่อนล้าของฉินอิน
“อาอวี่…” ฉินอินขานชื่อเขาแผ่วเบา
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ขะ…ข้ายังไม่ตายหรือ…”
“อื้ม!” ดวงตาฉินอินเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “เสี่ยวอินจะไม่ยอมให้เจ้าออกไปทำสิ่งใดอีก”
“อืม”
หลินมู่อวี่เหลือบมองช่องท้องของตนพร้อมกล่าวว่า “ข้าจำได้ว่า…ทะเลปราณถูกทำลาย เหตุใดจึงดูเหมือนได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้วเช่นนี้?”
“ผู้อาวุโสฉู่ใช้โอสถช่วยซ่อมแซมประตูทะเลปราณให้เจ้า”
“นั่น…”
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง “เรื่องนั้น…”
ฉินอินยิ้มพร้อมเอนกายลงในอ้อมแขนเขาและกล่าวว่า “เสี่ยวอินเป็นห่วงเจ้ามาก...พี่อาอวี่ช่างโง่เขลานัก เพียงเพื่อต้องการหาศีรษะท่านพี่ฉินเหลย ถึงกับต้องแลกด้วยชีวิตเจ้าเลยหรือ?”
“ข้า…”
หลินมู่อวี่หยุดพูด ก่อนจะเอื้อมมือลูบผมฉินอินพร้อมกล่าวว่า “การที่ศีรษะของพี่ฉินเหลยอยู่ในจักรวรรดิอี้เหอเป็นการหมิ่นเกียรติเขาและจักรวรรดิฉิน ข้าจึงนำกองทัพมังกรผงาดเข้าไปในมณฑลชุนไป๋เพื่อหาโอกาสนำศีรษะเขากลับบ้าน มิเช่นนั้นข้าคงไม่เริ่มสงครามอย่างไร้ความหมายเช่นนี้”
“อืม…เสี่ยวอินรู้…” ฉินอินแนบหูฟังเสียงหัวใจของชายผู้เป็นที่รัก ก่อนที่รอยยิ้มจะประดับบนใบหน้างาม ขณะนี้คงเป็นเวลาที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตนางแล้ว…
ขณะเดียวกันเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงของเฟิงจี้สิงด้านนอก “ฝ่าบาท ท่านหลานกงและเซี่ยงอวี้อยู่ที่นี่แล้ว และขณะนี้กองทัพมังกรผงาดห้าร้อยนายเป็นผู้ดูแลเมืองหน้าด่านโม่ซง”
“อืม”
ฉินอินยิ้ม เมื่อลุกขึ้นยืน นางโน้มตัวลงจุมพิตที่ริมฝีปากของหลินมู่อวี่พร้อมกล่าวว่า “เสี่ยวอินจะออกไปจัดการสิ่งที่ต้องทำ โปรดรอข้าสักครู่ แล้วข้าจะกลับมาโดยเร็ว”
“อื้ม”
หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ “ให้ฉินเหยียนเข้ามา ข้าต้องการถามเขาสักเล็กน้อย”
“ตกลง”
…
ไม่นานฉินอินก็เดินจากไปภายใต้การอารักขาของกลุ่มทหารรักษาการณ์ จากนั้นฉินเหยียนถือหอกเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข “พี่ใหญ่ฟื้นแล้วหรือ?”
“อาเหยียน ข้าไม่คาดหวังว่าจะได้เห็นเจ้าอีก” หลินมู่อวี่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ขณะที่อยู่ในจักรวรรดิอี้เหอ ข้าคิดว่าตนเองจะต้องตายหลายต่อหลายครั้ง แต่ข้ารู้เพียงว่าต้องนำศีรษะของพี่ฉินเหลยกลับบ้าน ไม่เช่นนั้นเหล่าพี่น้องกองทัพมังกรผงาดจำนวนมากคงต้องตายเปล่า”
ฉินเหยียนกล่าวด้วยดวงตาแดงก่ำ “อาเหยียนรู้…พี่ใหญ่พยายามอย่างหนัก”
“เสี่ยวอินออกไปทำสิ่งใดหรือ?”
“ทำการตัดสินเซี่ยงอวี้และถังจั่ว เนื่องจากทั้งคู่เป็นคนของเมืองชีไห่และร่วมมือกันต่อต้านพี่ใหญ่ อีกทั้งถังลั่วเป็นคนในตระกูลของถังหลาน”
“เป็นเช่นนี้เอง…”
หลินมู่อวี่โน้มตัวไปด้านหน้าพร้อมกล่าวว่า “ส่งคนไปแจ้งพี่เฟิงว่ากองทัพเผ่าปีศาจกำลังบุกเข้ามณฑลชุนไป๋อีกครั้ง ให้เขาระวังตัวเสมอ พวกมันอาจเข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ”
“อื้ม ข้าเข้าใจแล้ว”
หลินมู่อวี่เอนกายลงบนฟูกนุ่มขณะโคจรปราณยุทธ์ในร่างกาย ความกังวลของเขาถูกขจัดออกไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงต้องฟื้นฟูพลังกาย ทว่าสิ่งที่เขาประหลาดใจหลังจากประสบเหตุการณ์รอดจากความตายทำให้ระดับการฝึกฝนยุทธ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จะยังไม่สามารถทะลวงขอบเขตปราชญ์ชั้นที่สองได้ แต่เขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนแน่นอน!
หลินมู่อวี่คลายความกังวล ก่อนจะหลับตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง เขาจะต้องฟื้นฟูพลังโดยเร็วที่สุด ขณะนี้ฉินอินต้องการเขาอยู่เคียงข้างมากที่สุด
…
ภายในจวนของแม่ทัพเต็มไปด้วยผู้คน เดิมทีห้องนี้มีไว้เพื่อหารือราวห้าสิบคน แต่ตอนนี้กลับมีผู้คนอยู่หนาแน่นถึงเกือบสองร้อยคน!
ถังจั่วและเหล่านายพลหลายนายถูกเชือกมัดแขนขณะนั่งอยู่กลางห้อง
ฉินอินนั่งอยู่ภายใต้การอารักขาของเหล่าทหารของชวีฉู่และเฟิงจี้สิง ขณะที่นางจับจ้องไปยังผู้คนพร้อมกล่าวอย่างเฉยเมย “รู้เหตุผลที่เรียกตัวมาหรือไม่? ข้าคิดว่าทุกคนคงรู้ดี”
ถังหลานนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำใด
เซี่ยงอวี้มองฉินอินด้วยท่าทางเย็นชาพร้อมกล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”
“ผิงหนานโหวไม่รู้อย่างนั้นรึ?”
ฉินอินตบโต๊ะพร้อมกล่าวอย่างเคืองโกรธ “ข้าเพิ่งออกราชโองการเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า ไม่มีผู้ใดได้รับรับอนุญาตให้ทำร้ายหลินมู่อวี่แม้ว่าเขาจะกระทำสิ่งใดในจักรวรรดิอี้เหอก็ตาม แล้วเกิดสิ่งใดขึ้น? ผิงหนานโหวสั่งให้ทหารออกไปสกัดกั้นและสังหารหลินมู่อวี่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และสิ่งที่แย่ยิ่งกว่าคือ…กองทัพมังกรผงาดถูกล้อมในเมืองซิงเจว๋เป็นเวลาหลายวันโดยไม่มีกำลังไปเสริมไปช่วย เมื่อหลินมู่อวี่ออกคำสั่ง เจ้ากลับเพิ่งยกทัพออกมา ฮ่าๆ ผิงหนานโหวเซี่ยงอวี้ช่างเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ต่อจักรวรรดิเสียจริง!”
เซี่ยงอวี้ตกตะลึงเมื่อรู้ว่าสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น เขาไม่เคยเห็นฉินอินตำหนิแม่ทัพระดับสูงด้วยวาจารุนแรง ครานี้เขาได้ก่อหายนะขึ้นแล้ว!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เซี่ยงอวี้รีบคุกเข่าพร้อมประสานหมัดกล่าว “ฝ่าบาทเย็นพระทัยลงก่อนพ่ะย่ะค่ะ…กระหม่อมไม่รู้เห็นเรื่องนี้ว่าเหตุใดถังจั่วจึงสกัดกั้นและหวังสังหารผู้บัญชาการหลิน กะ…กระหม่อมไม่ทราบจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
“งั้นรึ?”
ฉินอินเลิกคิ้วพร้อมกล่าว “ถังจั่ว บอกข้าทีว่าใครเป็นผู้สั่งให้เจ้าสังหารผู้บัญชาการหลิน?”
“กะ…กระหม่อม…” ถังจั่วใบหน้าซีดเซียว เมื่อมองไปยังเซี่ยงอวี้และถังหลาน เขาเห็นใบหน้าเซี่ยงอวี้เต็มไปด้วยความอาฆาต ขณะที่ถังหลานส่ายหัวอย่างเมินเฉย
หัวใจถังจั่วพลันรู้สึกละอายใจพร้อมพึมพำ “กระหม่อมลงมือเป็นการส่วนตัวพ่ะย่ะค่ะ…”
“ลงมือเป็นการส่วนตัว?”
ฉินอินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เจ้ามีอำนาจระดมกองทัพด้วยรึ? ช่างน่าขบขันยิ่งนัก เจ้ามีความสามารถเพียงพอที่จะลงมือเป็นการส่วนตัวหรือ?”
ถังจั่วกำลังจะร้องไห้ด้วยความกลัว เขารีบคุกเข่าพร้อมก้มศีรษะลงแนบพื้น “กระหม่อมเป็นผู้ออกคำสั่งเอง…อีกทั้งยังสั่งให้เหล่าทหารเข้าโจมตีท่านผู้บัญชาการ ทุกสิ่งอย่างเป็นความผิดของกระหม่อมเอง ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”
ขณะเดียวกันถังหลานคุกเข่าลงพร้อมกล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่รอบคอบและปล่อยให้แม่ทัพตระกูลถังก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายเช่นนี้ หวังว่าพระองค์จะทรงช่วยชีวิตเขาไว้เพื่อให้สืบทอดสายเลือดตระกูล แม้จะถอดยศและบรรดาศักดิ์ทั้งหมด กระหม่อมก็ไม่มีข้อโต้แย้ง”
ฉินอินยิ้ม “ท่านหลานกงรู้หรือไม่ว่าการฝ่าฝืนคำสั่งของจักรพรรดินีเป็นอาชญากรรมใด?”
ถังหลานสั่นสะท้าน “อะ…อาชญากรรมมีโทษถึงประหารชีวิต...”
“แล้วถังจั่วฝ่าฝืนคำสั่งของจักรพรรดินีเป็นการส่วนตัวพร้อมจู่โจมผู้บัญชาการกองทัพจักรวรรดิเป็นอาชญากรรมอะไร?”
“อาชญากรรมร้ายแรงมีโทษถึงประหารชีวิต...” ใบหน้าถังหลานซีดเซียว
“ในเมื่อมันเป็นอาชญากรรมร้ายแรง เหตุใดจึงต้องร้องขอความเมตตา?” ฉินอินนั่งไขว้ขาบนบัลลังก์พร้อมกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “นำถังจั่วและนายพลออกไปตัดหัว จากนั้นนำหัวของพวกมันมาให้ข้า”
“ฝ่าบาท…นั่น…” ถังเทียนด้านหลังถังหลานตกตะลึงพร้อมกล่าวว่า “ถังจั่วเป็นลูกพี่ลูกน้องของกระหม่อมและถังลู่ ทรงอภัยให้เขาด้วยเถิด และทรงประทานโอกาสให้ถังจั่วได้ตายในสนามรบด้วยน้ำมือเผ่าปีศาจยังดีกว่าตายที่นี่พ่ะย่ะค่ะ!”
ฉินอินเผยยิ้มเย็นชา “หากผู้ใดมาขอความเมตตา จงลงโทษไปด้วยกัน!”
“ฝ่าบาท!” ถังลู่โกรธจัดและต้องการพูดบางอย่าง
“หุบปาก!”
ถังหลานหันไปตวาดด้วยความโกรธ “ต้องการถูกประหารไปพร้อมถังจั่วหรืออย่างไร?! หากไม่ก็หุบปากซะ!”
ถังเทียนและถังลู่หุบปากในทันที
ชวีฉู่ยืนอารักขาเคียงข้างฉินอินตั้งแต่เริ่มต้น ราวกับว่าหากผู้ใดขัดขืนนางเขาจะลงมือสังหารทันที!
ในเวลานี้ฉินอินดูยิ่งใหญ่สมกับเป็นจักรพรรดินีอย่างแท้จริง
…
ไม่นาน เหล่าทหารกองทัพองครักษ์ยกศีรษะนักโทษขึ้น หลังจากเฟิงจี้สิงยืนยัน เขาหันไปพยักหน้าให้ฉินอินพร้อมกล่าวว่า “ฝ่าบาท ทุกคนถูกลงโทษแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม” ฉินอินพยักหน้ารับก่อนกล่าวว่า “หลานกงไม่สามารถดูแลคนของตนจะถูกปรับเบี้ยเป็นเวลาหนึ่งปี ส่วนผิงหนานโหวเซี่ยงอวี้ไม่เข้มงวดทหารใต้บัญชาการจะถูกปรับเบี้ยเป็นเวลาสามปีและถูกลดยศ”
ถังหลานและเซี่ยงอวี้ประสานหมัดรับพร้อมกล่าว “ขออภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”
ขณะเดียวกันทหารส่งสารเข้ามาในจวนพร้อมกล่าวรายงานอย่างเร่งรีบ “ฝ่าบาท เผ่าปีศาจอยู่ที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”