The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.436 การหารือลับๆ
EP.436 การหารือลับๆ
ยามค่ำคืนแสงเทียนแกว่งไกวภายในห้องทำงานของผู้นำวิหาร หลินมู่อวี่ถอดชุดเกราะออกพร้อมเปลี่ยนชุด ก่อนจะอ่านม้วนหนังสือในมือ ขณะที่ใต้เท้าเกอหยางและโจวเย่ามาช่วยเขาจัดการหนังสือ ดูเหมือนว่าจะมีม้วนหนังสือเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลตั้งแต่หลินมู่อวี่เดินทางออกไป
“อย่าขยับ”
เสียงของฉู่เหยาดังขึ้นจากด้านหลัง นางกางนิ้วมือทั้งห้าออกขณะที่ริ้วปราณอ่อนโยนปรากฏขึ้นจากปลายนิ้วหลั่งไหลลงสู่บาดแผลหลินมู่อวี่เพื่อเร่งการฟื้นตัว การที่ฉู่เหยาได้ขึ้นเป็นผู้นำสมาพันธ์โอสถไม่ใช่เพียงเพราะปราดเปรื่องเรื่องการปรุงโอสถ แต่เป็นเพราะหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์ของนางเป็นหนึ่งในใต้หล้า
“มัน…รู้สึกคันเล็กน้อย…” หลินมู่อวี่อธิบาย
ฉู่เหยาหัวเราะคิกคักก่อนกล่าวว่า “ข้าคงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้นอกจากต้องอดทน เฮ้อ เจ้าเด็กหัวรั้น ข้าไม่รู้จะพูดอย่างไรจริงๆ เจ้าบุกเข้าไปยังจวนแม่ทัพแห่งจักรวรรดิอี้เหอด้วยตนเองอย่างไม่เกรงกลัวความตาย…”
หลินมู่อวี่แตะจมูกพร้อมกล่าวว่า “ท่านพี่ฉู่เหยา หากท่านเป็นชายชาตรีคงทำเช่นเดียวกัน ข้าอยู่ห่างเมืองสายัณห์เพียงห้าไมล์และรู้ว่าศีรษะพี่ฉินเหลยอยู่ในขวดโหลที่นั่น เช่นนั้นแล้วข้าจะไม่เสี่ยงชีวิตบุกเข้าไปได้อย่างไร?”
“อย่าทำเช่นนี้อีก”
ฉู่เหยาตบไหล่เขาพร้อมกล่าว “เจ้าตายไปแล้วหนหนึ่ง และเจ้าไม่ได้ตัวคนเดียว หากเจ้าตาย…ข้าคงต้องสูญเสียครอบครัวคนสุดท้ายไป…”
“ข้ารู้…” หลินมู่อวี่ก้มหน้าและคร่ำครวญ “จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก”
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” ฉู่เหยายิ้ม
…
“ก๊อก ก๊อก”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมทหารของวิหารเดินเข้ามากล่าวด้วยความเคารพ “ใต้เท้า คนจากเมืองหยาดสายัณห์เชิญท่านไปยังจวนของท่านหยุนกงเพื่อหารือขอรับ”
“จวนเจ้าเมืองหยาดสายัณห์” หลินมู่อวี่ตะลึง “ท่านหยุนกงต้องการสนทนาเรื่องใดกัน…”
“ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ พวกเขาเพียงบอกว่าต้องการหารือกับท่าน”
“อืม…”
เกอหยางด้านข้างกล่าว “อาอวี่ ซูมู่หยุนไม่ลงรอยกับเจ้านัก หากต้องการไป จงพาฉินเหยียน เว่ยโฉว และคนอื่นๆ ไปด้วย มิเช่นนั้นจะอันตรายเกินไป”
“ข้าเข้าใจแล้ว” หลินมู่อวี่เงยหน้าขึ้นพร้อมกล่าว “ให้เว่ยโฉวและฉินเหยียนคัดเลือกทหารหนึ่งร้อยนายจากกองทัพมังกรผงาดไปกับข้า”
“ขอรับ!”
จากนั้นทหารกองทัพมังกรผงาดจากด้านหลังวิหารศักดิ์สิทธิ์ออกมารอบนถนนทงเทียนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หลินมู่อวี่ในชุดองครักษ์จะขี่ม้าไปยังจวนเจ้าเมืองพร้อมผู้ติดตาม
จวนเจ้าเมืองของซูมู่หยุนตั้งอยู่ไม่ไกลและเพิ่งสร้างขึ้นใหม่เมื่อสองปีก่อน เดิมทีเป็นที่พำนักของแม่ทัพ แต่เจ้าของจวนได้เสียชีวิตในสนามรบเมื่อครั้งเกิดการเข่นฆ่าในเมืองหลันเยี่ยน จวนที่กว้างขวางและสวยงามแห่งนี้จึงกลายเป็นของซูมู่หยุน
“โอ้ มากันเยอะเลย”
ด้านหน้าจวน ซูอวี่ภายใต้การคุ้มกันจากเหล่านายพลอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “อาอวี่ เจ้าระแวงตระกูลซูเกินไปจึงนำทหารมังกรผงาดมาด้วยมากมายราวกับกำลังทำศึก อย่ากังวลเลย ท่านพ่อเพียงเชิญเจ้ามาสนทนาและดื่มน้ำชาเท่านั้น”
หลินมู่อวี่ลงจากม้าพร้อมกล่าวว่า “คงดีที่ได้ดื่มชาขอรับ ป้าอวี่ เข้าไปกันเถิด”
“อื้ม”
เว่ยโฉว ฉินเหยียน และคนอื่นๆ รออยู่ในบริเวณจวน ขณะที่หลินมู่อวี่เดินตามซูอวี่เข้าไปด้านใน แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่ได้รับฟื้นฟูพลังเกินกว่าครึ่งแล้ว ซึ่งพลังของซูอวี่และซูมู่หยุนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแม้แต่น้อย
“แอ๊ด…”
หลังจากเปิดประตู ลมพัดเทียนด้านในจนสั่นไหว ซูอวี่เดินเข้าไปพร้อมหลินมู่อวี่ก่อนจะกระซิบ “ท่านพ่อ อาอวี่มาแล้ว”
“อืม”
ซูมู่หยุนถือม้วนกระดาษเก่าๆ ในมือขณะที่หันมา ภายใต้แสงเทียนสลัวเผยให้เห็นริ้วรอยความแก่ชราบนใบหน้า เคราและผมล้วนเป็นสีขาว ชายชรามีท่าทีเหนื่อยล้า แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะจากโลกนี้ไป…
“ไม่ทราบว่าท่านหยุนกงต้องการสนทนาเรื่องใดหรือ?” หลินมู่อวี่เอ่ยถาม
ซูมู่หยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาอวี่ รู้หรือไม่เหตุใดข้าจึงไม่คัดค้านการแต่งตั้งแม่ทัพเมื่อกลางวัน?”
“เหตุใดหรือ?” หลินมู่อวี่ยิ้มถาม
ซูมู่หยุนกล่าว “เพราะมีเพียงไม่กี่คนที่เหมาะสมจะอยู่เคียงข้างเสี่ยวอิน ซึ่งในตระกูลซูนั้นแทบไม่มีเลย”
พูดจบเขาพลันยกมือขึ้นกล่าว “นั่งลงเพื่อคุยกันเถิด”
“ขอบคุณขอรับท่านหยุนกง”
หลินมู่อวี่ปลดกระบี่วิญญาณมังกรวางลงบนโต๊ะด้านข้าง ก่อนจะรับถ้วยชาจากซูอวี่ เขายิ้มและพยักหน้าขอบคุณ
จากนั้นซูมู่หยุนค่อยๆ ดื่มชาก่อนกล่าวว่า “ถังหลานเกณฑ์ทหารประมาณหนึ่งแสนนายในมณฑลชางหนาน อีกทั้งสำนักทหารและพลเรือนเกณฑ์ผู้คนในมณฑลชางหนานและมณฑลตี่ฉิงจัดหาทรัพยากรต่างๆ เพื่อเขา แม้กระทั่งหลายสิบเมืองในมณฑลหลิงเป่ยก็ถูกควบคุมโดยถังหลาน หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจักรวรรดิคงกลายเป็นของตระกูลถัง ไม่ใช่ของราชวงศ์ฉินอีกต่อไป”
หลินมู่อวี่นั่งฟังอย่างเงียบๆ
ซูมู่หยุนกล่าวต่อ “จักรพรรดิองค์แรกส่งเฟิงจี้สิงลอบสังหารซูฉินซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของข้าพร้อมทำให้ตระกูลซูเกือบล่มสลาย อาอวี่…เสี่ยวอินเป็นทายาทที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ข้าต้องการสนับสนุนนางในการครองบัลลังก์และทำให้แน่ใจว่าจักรวรรดิจะมีความมั่นคง อีกทั้งต้องการนายพลที่เชื่อถือได้มาเป็นผู้บัญชาการกองทัพเมืองหยาดสายัณห์
หลินมู่อวี่วางถ้วยน้ำชาลงพร้อมกล่าว “ท่านหยุนกง หากมีสิ่งใดโปรดกล่าวมาโดยตรง”
“อืม”
ซูมู่หยุนยิ้มเล็กน้อย “ซูอวี่ ไปเรียกซูเฉียงเข้ามา”
“เจ้าค่ะ”
ซูอวี่เปิดประตูพร้อมเอ่ยเรียกแผ่วเบา “ซูเฉียง เข้ามาด้านใน”
ไม่นานเด็กสาวอายุราวสิบแปดปีเดินเข้ามา นางสวมเสื้อคลุมหญิงสาวของจักรวรรดิ ใบหน้าสง่างามดูคล้ายคลึงซูอวี่เล็กน้อย เด็กสาวยิ้มพร้อมทำความเคารพซูมู่หยุน “ท่านปู่ต้องการให้ข้าทำสิ่งใดหรือ?”
ซูมู่หยุนยิ้ม “ซูเฉียง รู้หรือไม่ว่านายพลผู้นี้คือใคร?”
ซูเฉียงหันมองหลินมู่อวี่ ก่อนจะส่ายหัวพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ทราบ ดูจากเสื้อผ้าแล้วเขาคงเป็นเพียงทหารรักษาการณ์ใช่หรือไม่? ท่านปู่ดื่มชาร่วมกับคนเช่นนี้ได้อย่างไร…”
ซูมู่หยุนตกใจพร้อมแสดงสีหน้าโกรธ “นายพลผู้นี้คือหลินมู่อวี่ หนึ่งในสี่วีรบุรุษแห่งเมืองหลันเยี่ยน”
“อา…เขาคือหลินมู่อวี่ผู้นั้น” ซูเฉียงมองอย่างตื่นเต้นพร้อมจัดระเบียบเสื้อผ้าอย่างประหม่า
นางจับกระโปรงถอนสายบัวพร้อมกล่าวว่า “สวัสดีท่านแม่ทัพหลิน ข้าคือซูเฉียงองค์หญิงแห่งเมืองหยาดสายัณห์”
“ขอรับ” หลินมู่อวี่โบกมือโดยไม่หันไปมอง
“ซูเฉียงนั่งลงสิ”
“เจ้าค่ะท่านปู่”
ซูเฉียงมองหลินมู่อวี่อีกครั้งก่อนจะหันกลับ
…
“อาอวี่ เจ้าคิดอย่างไรกับนาง?” ซูมู่หยุนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
หลินมู่อวี่พลันกล่าว “ท่านหยุนกงหมายความว่าอย่างไร?”
“ฮ่าๆๆ” ซูมู่หยุนหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ซูเฉียงเป็นสายเลือดเดียวที่ซูฉินทิ้งไว้ นางเป็นหญิงสาวที่สง่างามและคล้ายคลึงกับจักรพรรดินีซูอวิ๋นมาก เจ้าไม่คิดว่านางมีรูปร่างละม้ายคล้ายคลึงกับจักรพรรดินีฉินอินหรือ? ตราบใดที่ต้องการ ข้าจะจัดพิธีสมรสให้เจ้ากับซูเฉียง อีกทั้งข้าจะมอบกำลังทหารสองแสนนายของเมืองหยาดสายัณห์ให้ จากนั้นเราจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน”
หัวใจหลินมู่อวี่แทบระเบิดออกพร้อมกล่าวว่า “ท่านหยุนกง ข้าไม่เคยคิดการณ์ไกล และต้องการเพียงช่วยเหลือเสี่ยวอินกอบกู้แผ่นดินคืนเท่านั้น”
“จริงอยู่ที่ชายชาตรีมักมีความทะเยอทะยาน แต่การแต่งงานมีภรรยาและลูกก็เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์” ซูมู่หยุนกล่าวต่อ “เสี่ยวอินพึ่งพาเจ้า และข้าเองก็ต้องการพึ่งพาเจ้าเช่นกัน ทว่าข้าไม่สามารถเดิมพันทุกอย่างกับคำว่า ‘ความภักดี’ ได้ แต่หากเจ้ายอมแต่งงานกับซูเฉียง ข้ายินดียกแผ่นดินครึ่งหนึ่งให้”
หลินมู่อวี่เพียงก้มศีรษะและไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด
ซูมู่หยุนกล่าวด้วยสายตาเฉียบแหลม “หลินมู่อวี่ เจ้าต้องการแต่งงานกับฉินอินจริงหรือ? อย่าลืมว่านางเป็นถึงจักรพรรดินี แล้วตัวเจ้าล่ะเป็นอะไร?”
ร่างกายหลินมู่อวี่สั่นสะท้านขณะมองหน้าซูมู่หยุน ก่อนจะลุกขึ้นคว้ากระบี่ด้านข้างพร้อมกล่าวว่า “ท่านหยุนกง ข้ารักเสี่ยวอินเสมอมา แม้ตัวข้าจะเป็นเพียงขุนนางต่ำต้อย แต่สักวันหนึ่งข้าใช้ความสามารถที่มีครอบครองทุกสิ่งอย่างบนผืนแผ่นดิน เช่นนั้นท่านจะได้เห็นว่าข้าคู่ควรกับนางหรือไม่!”
สิ้นเสียง เขาเดินออกไปโดยไม่หันกลับ ก่อนจะหยุดกะทันหันเมื่อก้าวออกจากธรณีประตูพร้อมกล่าวว่า “ชีวิตของข้าไม่ได้คงอยู่เพื่อแต่งงานกับนาง แต่เสี่ยวอินต้องการเป็นจักรพรรดินีที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้คนทั่วทั้งแผ่นดิน ซึ่งข้าจะช่วยสานฝันนั้นให้ได้ ท่านหยุนกง…หวังว่าเราทั้งสองจะไม่ต้องเป็นศัตรูกัน ท่านเป็นตาของเสี่ยวอินผู้เป็นที่รัก ข้าไม่ต้องการเผชิญหน้ากับท่านในสนามรบ ข้าพูดทุกสิ่งอย่างแล้ว ดังนั้นขอลา”
รัศมีพลังขอบเขตปราชญ์เวียนวนพลักประตูออกโดยไม่มีลมพัด ก่อนที่หลินมู่อวี่จะเดินออกไปพร้อมกล่าวกับพวกเว่ยโฉวที่รออยู่ “ทุกคน กลับกันเถิด”
…
ภายในห้องซูมู่หยุนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ขณะที่ซูอวี่เพียงยืนนิ่ง
“ท่านพ่อยังคิดว่าจะสามารถควบคุมอาอวี่ได้อีกหรือ?” ซูอวี่กล่าวด้วยความไม่พอใจ “อาอวี่เป็นผู้มีความสามารถและเชื่อมั่นในตนเองเท่านั้น คนเช่นนี้จะถูกผู้อื่นควบคุมได้อย่างไร? ท่านไม่คิดเช่นนั้นหรือ?”
ซูมู่หยุนทุบกำปั้นลงโต๊ะจนถ้วยชาสั่น ขณะที่สายตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าเด็กจองหองและหยิ่งยโสไม่ยอมรับสิ่งที่ข้าเสนอให้แม้แต่น้อย!”
ซูอวี่ถอนหายใจ “ท่านพ่อไม่เห็นหรือว่าอาอวี่ยังโกรธเราอยู่”
“เรื่องอะไร?”
“เราถูกเกลียดชังตั้งแต่ที่ไม่ได้ส่งกองกำลังเสริมมายังเมืองหลันเยี่ยนจนเป็นเหตุให้ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ฉินเหลย เหล่ยหง และคนอื่นๆ ต้องเสียชีวิตในสนามรบ พวกเขาล้วนเป็นคนสนิทของอาอวี่ สิ่งเหล่านี้จะเป็นปัญหาให้แก่เมืองหยาดสายัณห์และเมืองชีไห่ กระนั้นท่านพ่อไม่ต้องกังวล อย่างน้อยอาอวี่จะไม่มีทางเข้าร่วมกับถังหลาน อีกทั้งเขาเป็นผู้สังหารถังปิน ซึ่งถังหลานไม่มีทางยอมรับเขาอย่างแน่นอน”
ซูมู่หยุนค่อยๆ นั่งลงพร้อมปลดดาบที่เอวออก เขาพยายามดึงมันครู่หนึ่งก่อนที่ใบดาบจะหลุดออกจากฝักและกล่าวว่า “นี่ข้าแก่เกินไปแล้วหรือ?”
ซูอวี่ผงะพร้อมเอ่ยถาม “ท่านพ่อ ท่านมีสิ่งใดในใจบอกข้าได้หรือไม่?”
“หลังจากหลินมู่อวี่และซูเฉียงให้กำเนิดทายาท ข้าจะปลดฉินอินออก แล้วให้ทายาทของหลินมู่อวี่ขึ้นครองบัลลังก์”
“อา…”
ซูอวี่พลันนิ่งงัน