The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.450 เขื่อนกลางแม่น้ำ
EP.450 เขื่อนกลางแม่น้ำ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นมีหมอกหนาปกคลุมทั้งสองฝั่งของแม่น้ำต้าวเจียง ทำให้ไม่สามารถมองเห็นว่าเผ่าปีศาจที่อยู่อีกฝั่งกำลังทำสิ่งใดอยู่ สิ่งเดียวที่รับรู้ได้คือเสียงกระพือปีกจากท้องฟ้า ซึ่งมาจากอสูรปีกที่เป็นหน่วยสอดแนมของเผ่าปีศาจ
…
“นำคันศรของข้ามา”
ฉินอินสวมชุดจักรพรรดินีสีน้ำเงินเข้มและเสื้อคลุมสีน้ำเงินม่วงขณะยืนอยู่บนป้อมปราการ นางรับคันศรจากสาวใช้ ก่อนจะยกขึ้นและง้างเล็งไปบนท้องฟ้า นางมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากหมอก จึงจำเป็นต้องพึ่งพาเสียงที่ได้ยินเท่านั้น “ฟิ้ว!” ลูกธนูถูกปล่อยออกไป เพียงครู่เดียวอสูรปีกก็ร่วงหล่นลงในป่าด้านข้างอย่างน่าสังเวช
“ฝ่าบาททรงมีพระปรีชาสามารถในการยิงธนูมาก” เฟิงจี้สิงอดไม่ได้ที่จะชื่นชม
ฉินอินยืนนิ่งอย่างตะลึงงัน หลังจากฝึกทักษะสยบมังกร ฌานสัมผัสของนางเฉียบแหลมขึ้นมาก
ชวีฉู่ลูบเคราพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทอย่าทรงสงสัย แม้ความแข็งแกร่งของทักษะสยบมังกรจะมาจากเผ่าพันธุ์มังกร และความสามารถของฌานสัมผัสอาจเทียบได้กับทักษะชีพจรวิญญาณของอาอวี่ แต่…ทักษะการยิงศรของฝ่าบาทนั้นเป็นความสามารถที่แท้จริง”
ดวงตาของฉินอินแดงก่ำ “ทักษะนี้…เสด็จพ่อเป็นคนสอนข้า…”
ชวีฉู่และเฟิงจี้สิงเพียงยืนฟังเงียบงัน
จากนั้นทหารม้าห้าพันนายรวมทั้งชวีฉู่ เฟิงจี้สิง และฉินเหยียนเคลื่อนตัวไปบนเส้นทางอย่างเชื่องช้า ด้วยพลังของพวกเขา แม้แต่เซียนอย่างลั่วหลานก็ไม่อาจทำร้ายฉินอินได้
แม่น้ำยังคงไหลเชี่ยวกราก ขณะที่ฉินอินขี่ม้าพร้อมโซ่เทวะรูปมังกรลอยวนเวียนรอบกายดูสง่างามจนทำให้กลุ่มทหารองครักษ์ไม่กล้าแม้แต่จะชายตามอง
ฉินอินลงจากหลังม้าเหยียบลงบนหญ้าใกล้แม่น้ำ ขณะที่ม้ากำลังจะกินหญ้าบริเวณนั้น นางกลับบังคับจูงมันออกไปตามทาง จนทำให้เฟิงจี้สิงที่เดินตามอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
ทันใดนั้นน้ำกระเซ็นใต้รองเท้าฉินอิน “หือ?” นางอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจขณะที่มองดูอย่างพินิจพิจารณา
“มีสิ่งใดหรือฝ่าบาท?” เฟิงจี้สิงเอ่ยถาม
ฉินอินขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “เมื่อวานข้าเดินมาที่นี่ ระดับน้ำของแม่น้ำต้าวเจียงยังมาไม่ถึง แต่วันนี้มันกลับสูงขึ้นอย่างน้อยหนึ่งเมตร แต่…น้ำจะไม่ขึ้นอย่างรวดเร็วในฤดูใบไม้ผลิใช่หรือไม่?”
“พ่ะย่ะค่ะ มันจะไม่ขึ้นอย่างรวดเร็ว” เฟิงจี้สิงยิ้มเล็กน้อย “ฝ่าบาท…ทรงคิดสิ่งใดอยู่หรือ?”
“อืม…”
ฉินอินขมวดคิ้ว “ผู้บัญชาการเฟิง ข้าคิดว่าสถานการณ์ขณะนี้แย่มาก...ท่านคิดว่าเผ่าปีศาจกำลังทำถมแม่น้ำต้าวเจียงเพื่อเข้าโจมตีกำแพงเหล็กหรือไม่? จากระดับแม่น้ำที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ พวกมันอาจกำลังลงมือ…”
“เรื่องนั้น…”
ร่างกายเฟิงจี้สิงสั่นสะท้าน เขากล่าวกับทหารด้วยใบหน้าซีดเซียว “รีบลงไปดูที่ชายฝั่งเพื่อค้นหาความจริง หากเผ่าปีศาจเริ่มเคลื่อนไหว จงรายงานให้ข้าทราบทันที!”
“ขอรับผู้บัญชาการ!”
กลุ่มทหารม้ากองทัพองครักษ์รีบควบม้าออกไปทันทีและพบว่าระดับน้ำที่ต้นแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นมาก หัวใจของเฟิงจี้สิงและเสี่ยวอินเย็นยะเยือก จอมพลเผ่าปีศาจเฉียนเฟิงมีไหวพริบและปราดเปรื่องอย่างไม่สามารถสบประมาทได้ ไม่เช่นนั้นท้ายที่สุดอาจนำไปสู่การสูญพันธุ์ของมนุษยชาติ
…
แสงอาทิตย์สาดส่องทำให้หมอกจางลงในตอนเที่ยง ทหารม้ากองทัพองครักษ์ควบม้าไปตามริมฝั่งแม่น้ำพร้อมมองไปยังอีกฝั่งด้วยท่าทางตกตะลึง เนื่องจากมีอสูรเกราะจำนวนมากรวมตัวกันอย่างคับคั่ง พวกมันแบกกระสอบทรายหลายร้อยกระสอบบนบ่าและถมลงในแม่น้ำเพื่อทำเป็นทาง เมื่อทหารม้ากองทัพองครักษ์เห็นเช่นนั้นก็พลันหน้าซีดเผือดพร้อมตะโกนเสียงดัง “รีบส่งสารถึงผู้บัญชาการเฟิงว่ามีปีศาจอยู่เต็มแม่น้ำทางทิศตะวันตกของเรือข้ามฟากเมืองเชียนหลินห่างออกไปเพียงยี่สิบไมล์เท่านั้น!”
หลังเที่ยง กองทัพแห่งจักรวรรดิมารวมตัวกันที่ริมฝั่งแม่น้ำเป็นจำนวนมาก
ฉินอิน เฟิงจี้สิง และเซี่ยงอวี้เป็นผู้ควบคุมกองทัพเป็นการส่วนตัว ทหารแห่งจักรวรรดิวางโล่หนักป้องกันตลอดแนวแม่น้ำขณะที่เฝ้ามองอีกฝ่ายขนกระสอบทรายเพื่อเพิ่มระดับแม่น้ำ
“ปล่อยให้พวกมันทำเช่นนี้ต่อไปไม่ได้” เฟิงจี้สิงกล่าวอย่างเย็นชา “ฝ่าบางโปรดส่งกองทัพเรือออกไป และให้ไป๋หลี่ฉางเริ่มทำสงครามพร้อมทำลายเขื่อนที่พวกปีศาจถมขึ้น มิเช่นนั้นหากเขื่อนถูกสร้างจนเสร็จ มันจะกลายเป็นภัยพิบัติต่อพวกเราเอง”
“อืม”
ฉินอินหันกลับไปกล่าวว่า “ไป๋หลี่ฉางนำกองทัพเรือเข้าต่อสู้โดยใช้เครื่องยิงและธนูเพื่อขัดขวางแผนการสร้างเขื่อนของเผ่าปีศาจ”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
เสียงกลองดังขึ้นขณะที่หลายสิบชีวิตหยุดยืนที่ริมฝั่ง เรือรบของกองทัพเคลื่อนออกไปอย่างเชื่องช้า บนดาดฟ้าเรือเต็มไปด้วยพลธนูพร้อมคันศรขนาดใหญ่ ทันใดนั้นเสียงธนูดังขึ้นห่างจากเขื่อนราวห้าสิบเมตร ในพริบตาเดียวอสูรเกราะบนเขื่อนก็ตกลงสู้ก้นแม่น้ำ ลูกศรเหล็กของเครื่องยิงแข็งแกร่งมากจนสามารถเจาะทะลุเกราะสังหารเผ่าปีศาจอย่างรวดเร็ว
อสูรเกราะบนเขื่อนพลันตกอยู่ในความโกลาหล ขณะเดียวกันนายพลปีศาจระดับสูงที่ปกคลุมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งอสูรพลันยกดาบขึ้นและคำรามเสียงดังเป็นภาษาเผ่าปีศาจ ทันใดนั้นอสูรเกราะหยิบโล่ขึ้นปิดกั้นรอบเขื่อนเพื่อต้านรับลูกธนูที่ยิงมา “เคร้ง เคร้ง เคร้ง!” ลูกธนูตกลงบนโล่ และไม่สามารถทำลายเขื่อนกระสอบทรายที่พวกมันสร้างได้
“ไม่ดีแน่…”
เซี่ยงอวี้กัดฟันแน่นพร้อมกล่าวว่า “พวกเผ่าปีศาจช่างน่ารังเกียจยิ่งนักที่ใช้วิธีเช่นนี้!”
เฟิงจี้สิงขมวดคิ้วและกล่าวว่า “รับคำสั่งให้กองทัพเรือใช้เครื่องยิงส่งถังน้ำมันบีชสีดำลงบนเขื่อน แล้วยิงธนูไฟเข้าใส่ ดูสิว่าพวกอสูรเกราะจะยังสร้างเขื่อนท่ามกลางกองเพลิงได้หรือไม่”
“ขอรับ”
ไม่นานเรือรบก็ใช้เครื่องยิงส่งถังน้ำมันตกลงสู่เขื่อนและแม่น้ำจนมีน้ำมันลอยเหนือผิวน้ำจำนวนมาก จากนั้นเรือรบหลายสิบลำช่วยกันยิงธนูไฟออกไปราวกับห่าฝน จนทำให้เขื่อนกลายเป็นทะเลเพลิงในพริบตาพร้อมเสียงกรีดร้องโหยหวนดูน่าสังเวช
“โฮก!”
ทันใดนั้นอสูรเกราะหยิบถังน้ำมันบีชสีดำขึ้นจากน้ำ ก่อนจะโยนถังออกไปบนดาดฟ้าเรือรบ “เปรี้ยง!” ปีศาจชั้นสูงง้างสายธนูส่งธนูไฟออกไปอย่างแม่นยำจนทำให้ถังน้ำมันระเบิดออก ในพริบตาเรือรบแห่งจักรวรรดิเต็มไปด้วยเปลวเพลิง เหล่าลูกเรือพาคนกระโดดลงน้ำก่อนที่เรือจะระเบิด
ฉินอินขมวดคิ้วและไม่ได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใด ภายในใจของนางหนักอึ้งและไม่คาดคิดว่าเผ่าปีศาจจะใช้กลยุทธ์ในการถมแม่น้ำเช่นนี้ หากพวกมันทำสำเร็จ จักรวรรดิคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพึ่งพาการป้องกันของกำแพงเหล็กเท่านั้น
“พวกมันหยุดสร้างเขื่อนแล้ว” ซูมู่หยุนหรี่ตามมองพร้อมกล่าว “แต่คงชั่วคราวเท่านั้น…”
ซูอวี่พลันกล่าว “ฝ่าบาท เราควรทำสิ่งใดดี?”
“น้ำมันบีชสีดำจะไม่เผาไหม้เป็นเวลานาน...”
ฉินอินถอนหายใจก่อนกล่าวว่า “ส่งคำสั่งออกไปให้เก็บลูกธนู หิน และอุปกรณ์ต่างๆ ไว้บนกำแพงเหล็ก เตรียมการป้องกันบนกำแพงให้ดี เรือรบของกองทัพเรือจะเคลื่อนตัวออกจากแม่น้ำต้าวเจียงสายย่อยไปยังสายหลัก ไม่เช่นนั้นเมื่อแม่น้ำถูกปิด เรือรบจะไม่สามารถออกไปได้ แล้วจะตกอยู่ในกำมือเผ่าปีศาจในท้ายที่สุด”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ไป๋หลี่ฉางประสานหมัดด้วยความเคารพ
ฉินอินมองไปยังเฟิงจี้สิงพร้อมกล่าวว่า “ผู้บัญชาการเฟิง กองทัพเรือจะอยู่ใต้การบัญชาของท่าน เมื่อมีโอกาส ให้เรือรบของเราเทียบท่าฝั่งตะวันออกทันทีและส่งกองกำลังไปเผายุ้งฉางของเผ่าปีศาจ เมื่อไม่มีเสบียงอาหาร พวกมันจะไม่สามารถปักหลักได้นาน”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
จากนั้นเฟิงจี้สิงหันมองแม่น้ำต้าวเจียงที่ไหลเชี่ยวกราก
…
ณ หุบเขาผานหลง ชายแดนทิศตะวันตกของจักรวรรดิ
กลุ่มนักรบเผ่าคนเถื่อนล้อมรอบเทพแห่งป่าเขาและค่อยๆ เดินออกจากหุบเขา นี่เป็นการหารืออย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังจากเกิดสงคราม กลองสงครามดังขึ้นแผ่วเบาแสดงให้เห็นถึงหัวใจของทั้งสองฝ่ายในการสร้างสันติ
หลินมู่อวี่ลงจากม้านำหน้าถังเสี่ยวซี ถังเจิ้น เว่ยโฉว และคนอื่นๆ เข้าไปทักทายอีกฝ่ายในพื้นที่โล่งของป่า
“ไม่ได้เจอกันนานเลยขอรับท่านผู้นำเผ่า” หลินมู่อวี่ประสานหมัดด้วยรอยยิ้ม
เทพแห่งป่าเขามีท่าทีราวกับนายพลอาวุโส เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านหลินมู่อวี่ เผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ของเราไม่เคยถูกพิชิต แต่วันนี้เราสามารถสร้างมิตรภาพและพันธสัญญาร่วมกัน”
“อื้ม”
หลินมู่อวี่ยิ้มและกล่าวว่า “แม้ว่าเราจะแตกต่างกัน แต่ก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน มีสายเลือดเลือดเดียวกัน หากพวกท่านมีปัญหา จักรวรรดิจะไม่นิ่งเฉยแน่นอน”
“ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดี” เทพแห่งป่าเขายิ้มเล็กน้อย “ท่านแม่ทัพหมายถึง…สมาชิกของเผ่าเราจะยังสามารถอาศัยอยู่ในป่านิรันดร์ และต้องจัดหานักรบที่ยอดเยี่ยมให้ท่านใช่หรือไม่?”
“ใช่”
“พวกเราล้วนเป็นทายาทของเทพแห่งป่าเขาตั้งแต่โบราณกาล สายเลือดของเราบริสุทธิ์และมีค่า เรื่องนี้…หวังว่าท่านผู้บัญชาการจะเข้าใจ”
“ข้ารู้ และจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อความปลอดภัยทุกคน หากเหล่านักรบต้องตายตก ข้าจะชดใช้ด้วยเหรียญทองอย่างเหมาะสม”
“ตามมูลค่าเหรียญทองของจักรวรรดิมนุษย์ ท่านจะมอบให้เท่าใดหากนักรบของเราเสียชีวิตในการต่อสู้?”
“หนึ่งร้อยเหรียญทอง” หลินมู่อวี่กล่าว
“หนึ่งร้อยเหรียญทอง…” เทพแห่งป่าเขาขมวดคิ้ว “บิดามารดาเลี้ยงดูพวกเขามาอย่างดี เหล่านักรบสามารถสู้เต็มที่จนตัวตาย แต่กลับมีค่าเพียงหนึ่งร้อยเหรียญทองอย่างนั้นหรือ?”
หลินมู่อวี่กล่าว “จักรวรรดิกำลังอยู่ในสงคราม ทำให้เศรษฐกิจซบเซามาก ข้ามีเงินบำนาญสำหรับทหารแห่งจักรวรรดิที่เสียชีวิตเพียงห้าสิบเหรียญทองเท่านั้น”
“อย่างไรก็ตาม เดิมทีประชากรของเผ่าเรามีมากกว่าสิบล้านคน แต่สุดท้ายลดลงจนเหลือไม่ถึงหนึ่งล้านคน เราไม่สามารถสูญเสียคนเพิ่มเติม อีกทั้งนี่คือสงครามระหว่างจักรวรรดิมนุษย์และปีศาจ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของเรา”
ผู้นำเผ่าเป็นดั่งจิ้งจอกเฒ่าที่พยายามใช้ประโยชน์ทีละเล็กทีละน้อยจากหลินมู่อวี่ ซึ่งเป็น “ผู้พิชิต” ที่แท้จริง
“เช่นนั้นหนึ่งร้อยห้าสิบเหรียญทอง ไม่มากไปกว่านั้น” หลินมู่อวี่กล่าว
“ท่านแม่ทัพช่างมีเมตตา”
ผู้นำเผ่ากล่าวต่อ “เผ่าของเราสืบสายเลือดที่น่าภาคภูมิใจจากเผ่าคนป่าตั้งแต่โบราณกาล เราจะไม่จงรักภักดีต่อจักรวรรดิอื่น หวังว่าท่านแม่ทัพจะเข้าใจ”
“ข้าเข้าใจ”
หลินมู่อวี่ประสานหมัด “ไม่ต้องกังวล เผ่าพวกท่านจะย้ายไปทางใต้ของป่านิรันดร์ เราจะจัดสรรที่ดินเพื่อสร้างอาณาเขต ท่านยังคงเป็นเจ้าแห่งแผ่นดิน จะไม่มีผู้ใดสั่งการได้ แต่กับข้า…มันจะเป็นความสัมพันธ์ฉันมิตรสหาย”
ผู้นำเผ่ายิ้ม “ท่านแม่ทัพเป็นผู้กอบกู้เผ่าของเราโดยแท้จริง”