The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.57 การตัดสินใจของเซียงเซียง
EP.57 การตัดสินใจของเซียงเซียง
“ออกประตูหลัง!”
หลินมู่อวี่ใช้เท้าถีบประตูด้านหลังที่มีเลือดติดอยู่ ดึงแขนฉู่เหยาพุ่งออกไป แต่กลับพบว่าบนถนนด้านหน้ากำแพงเมืองเต็มไปด้วยทหารม้าติดอาวุธ การเคลื่อนไหวของเจ้าเมืองฮว๋าเทียนรวดเร็วยิ่งนัก ตอนนี้น่าจะล้อมเมืองไว้แล้ว ถ้าไม่ฉวยโอกาสช่วงชุลมุนหนีออกไปละก็ เมืองหยินซานต้องเป็นที่ฝังศพของเขากับฉู่เหยาแน่
พวกเขาเลือกวิ่งเข้ามาในตรอกเล็กๆ ปะปนเข้าไปในฝูงชน
ทว่าตอนที่พวกเขามาถึงประตูเมือง กลับเห็นทหารยามกำลังปิดประตูเมือง แต่มีเกวียนวัวคันหนึ่งเคลื่อนไปได้ถึงกลางประตู ล้อเกวียนก็เกิดแตกออก บนเกวียนเต็มไปด้วยกระสอบข้าวสารหนักๆ เหตุการณ์นี้ช่วยพวกเขาไว้ได้มากทีเดียว แต่น่าเสียดายที่บนกำแพงเมืองมีทหารยืนเต็มไปหมด พร้อมคันธนูที่ขึ้นลูกธนูไว้แล้วในมืออีกด้วย
“หนีไม่พ้นหรอก!” ฉู่เหยากัดฟันพูด
“ไม่ ต้องหนีให้ได้!”
หลินมู่อวี่คว้าแขนของฉู่เหยาไว้แน่น “ตามข้ามา อย่าได้ลังเลแล้วอย่าถอยหลัง”
“อือ”
ทั้งสองคนพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว พวกทหารยามรู้สึกตัวก็ตอนที่เห็นหลินมู่อวี่พาฉู่เหยาวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ พุ่งตัวออกไปในจังหวะที่ประตูเมืองกำลังจะปิดพอดี
“สองคนนั้นก็คือนักโทษจักรวรรดิหลินมู่อวี่และฉู่เหยา รีบยิงธนูสังหารพวกมันเดี๋ยวนี้!” บนกำแพงมีเสียงตะโกนเกรี้ยวกราดที่คุ้นหูดังมา เป็นท่านเจ้าเมืองฮว๋าเทียนนั่นเอง ฮว๋าหวันเองก็ยืนอยู่ข้างบิดาของเขา มุมปากมีรอยยิ้มเย็นชา
พลธนูบนกำแพงยิงธนูออกไป หลินมู่อวี่วิ่งไปพลางเปล่งเสียงเบา น้ำเต้าเขียวปรากฏขึ้นมา สร้างกระดองเต่าทมิฬขนาดสูงอย่างน้อยสองเมตรด้านหลัง ลูกธนูดอกแล้วดอกเล่ากระเด้งออกมา ประสิทธิภาพการป้องกันของกระดองเต่าทมิฬเรียกได้ว่าหนึ่งในหล้าเลยก็ว่าได้
“เจ้ากบฏ ยังคิดจะหนีอีกรึ!”
ทันใดนั้นฮว๋าหวันยกกระบี่ยาวขึ้น กระโดดจากกำแพงเมืองลงบนหลังม้าศึก ชี้ดาบไปด้านหน้า ตะโกนสั่ง “ทหารม้าตามข้ามา สังหารหลินมู่อวี่ให้ได้!”
ฮว๋าเทียนที่อยู่บนกำแพงเมืองตะโกน “หวันเอ๋อร์ หยุดเดี๋ยวนี้ จะจับพวกมันทำไมเจ้าต้องไปเองด้วย ทหาร เอาตัวนางคนทรยศนั่นขึ้นมา!”
ทหารม้าสองนายนำตัวหญิงสาวคนหนึ่งขึ้นมาที่กำแพงเมือง นั่นคือเซียงเซียง ในเวลานี้ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ หน้าอกและแขนก็มีรอยแส้ เลือดไหลโทรมกาย
ไฟโทสะของหลินมู่อวี่พุ่งพล่าน ชี้นิ้วไปยังฮว๋าเทียนที่อยู่บนกำแพง ตะโกนด้วยความโกรธ “ฮว๋าเทียน ไอ้ชั่วช้าสารเลว เจ้าแค้นข้าก็มาสู้กับข้าสิ ทรมานหญิงรับใช้แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน!”
ฮว๋าเทียนยิ้มเรียบๆ “หลินมู่อวี่ ข้ารู้ว่าเซียงเซียงมอบร่างกายให้กับเจ้า นางเป็นผู้หญิงของเจ้า ถ้าเจ้ายังเป็นลูกผู้ชายก็ยอมให้จับกุมเสียแต่โดยดี ไม่เช่นนั้นกำแพงเมืองสูงนี่จะเป็นหลุมฝังศพของนังนี่!”
หลินมู่อวี่จับมือฉู่เหยาไว้แน่น ให้เขาทิ้งฉู่เหยาแล้วไปช่วยเซียงเซียงตอนนี้ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เห็นหลินมู่อวี่ที่อยู่ด้านล่างกำแพงกำลังลังเลอยู่นั้น เซียงเซียงน้ำตาไหลพราก ตัวสั่นเทิ้ม ร้องไห้ไปพูดไป “คุณชาย เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านยังคงไม่เชื่อเซียงเซียงใช่หรือไม่ ท่านยังไม่เชื่อว่าเซียงเซียงจะเต็มใจทำเพื่อท่านใช่หรือไม่”
หลินมู่อวี่กัดฟัน “เซียงเซียง!”
เซียงเซียงยิ้ม เป็นยิ้มที่น่าเวทนาเหลือเกิน “คุณชาย ร่างกายของเซียงเซียงไม่บริสุทธิ์ ไม่คู่ควรกับท่าน เหมือนที่คุณชายเคยพูดไว้ ชีวิตของเซียงเซียงก็ควรเลือกด้วยตัวเอง”
ฮว๋าเทียนพูดอย่างเกรี้ยวกราด “คนทรยศ พูดจาบ้าอะไร เจ้าเป็นหญิงรับใช้ของจวนเจ้าเมือง ชะตาชีวิตของเจ้าไปอยู่ในมือเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ทหาร ฉีกเสื้อผ้านังนี่ออก ข้าจะดูสิว่าชีวิตของมัน มันจะเลือกเองได้อย่างไร!”
ทหารองครักษ์นายหนึ่งจับเซียงเซียงไว้ “แควก” เสื้อผ้าบนตัวนางถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
เซียงเซียงนิ่งอึ้งตกใจ ตอนที่เสื้อผ้าถูกฉีกขาด จนร่างกายเปลือยเปล่านั้น นางค่อยๆ ย่อตัวลงไป ราวกลับข้างๆ ไม่มีผู้ใด ค่อยๆ เก็บเศษผ้าขึ้นมาปิดที่ยอดอกนาง ถึงแม้จะเชื่องช้า แต่เศษผ้าไม่กี่ชิ้นนั้นก็เป็นเหมือนกับศักดิ์ศรีสุดท้ายของนาง ยอมละทิ้งทุกอย่าง แต่ไม่ยอมทิ้งศักดิ์ศรี
“ข้าเกิดมาก็มีอิสระในตัวของข้า” เซียงเซียงมองฮว๋าเทียน ในแววตาไม่เหลือความเคารพอีกต่อไป น้ำเสียงเต็มไปความสงบ
นางค่อยๆ เดินไปใกล้ขอบกำแพงเมือง อยู่ๆ ก็หัวเราะออกมา พูดกับหลินมู่อวี่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณชายเคยกล่าวว่า ศักดิ์ศรีนั้นควรค่าแก่การใช้ชีวิตไปช่วงชิงมา…ในเมื่อคุณชายไม่เชื่อเซียงเซียง เช่นนั้นเซียงเซียงก็จะพิสูจน์ให้ท่านเห็น!”
สายตาเย็นเยียบของฮว๋าเทียนหยุดอยู่ที่ร่างของนาง เขารู้ว่าหญิงสาวประเภทนี้รักตัวกลัวตาย เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ แม้แต่ร่างกายตัวเองก็ขายได้ ตอนนั้นเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ นางจึงมอบพรหมจรรย์ให้แก่ตนเอง พิสูจน์เรื่องนี้ได้ทั้งหมดแล้ว
ทว่าฮว๋าเทียนก็ต้องเห็นหญิงสาวที่อ่อนแอผู้นี้ก็กระโดดลงไปจากกำแพงกับตา ร่างของนางกระทบกับพื้นเสียงดัง ชีวิตเยาว์วัยจากไปในพริบตา
ฮว๋าเทียนมองเซียงเซียงที่นอนจมกองเลือดอยู่ด้านล่างกำแพง ถึงกับตัวสั่นไม่หยุด ความอับอายกลายเป็นความโกรธ ตะโกนออกมา “ทหาร ลากศพนังนี่กลับไปเป็นอาหารสุนัข!”
ด้านล่างกำแพงเมือง ฮว๋าหวันยกกระบี่ นำทหารม้าพุ่งเข้าโจมตี
หลินมู่อวี่มองศพของเซียงเซียงอยู่ไกลๆ เขายืนตะลึงอยู่ตรงนั้น ราวกับมีลูกธนูนับหมื่นปักเข้าที่หัวใจ เขาค่อยๆ หันกลับไปพูดกับฉู่เหยาว่า “พี่ฉู่เหยา ท่านรีบหนีเข้าไปในป่าสัตตะดารา ข้าจะรีบตามไป ฝีเท้าดาวตกรวดเร็ว ข้าไล่ตามท่านทันแน่นอน ท่านอยู่ที่นี่จะเป็นตัวถ่วงข้าเปล่าๆ ”
ฉู่เหยารู้ว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง พลังของตนเองด้อยกว่ามากเหลือเกิน
“อือ เจ้ารีบตามมาแล้วกัน”
ท้องฟ้ามีฝนตกปรอยๆ ฉู่เหยาวิ่งสุดแรงเข้าไปในป่าสัตตะดาราท่ามกลางสายฝน จมูกรู้สึกแสบหน่อยๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำฝนหรือน้ำตา นางรู้ว่าหลินมู่อวี่ต้องการแก้แค้นให้เซียงเซียง แต่นางก็รั้งเขาไม่ได้ ทำได้เพียงภาวนาอยู่ในใจ ภาวนาให้เขามีชีวิตรอดกลับมาให้ได้
พลังจู่โจมของทหารม้าน่ากลัวมาก โดยเฉพาะทหารม้าเมืองหยินซานที่สวมชุดเกราะเหล็กทั้งตัว พลังจู่โจมแบบนี้ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่
หลินมู่อวี่ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เมื่อม้าศึกของฮว๋าหวันอยู่ห่างจากตนเองประมาณสิบเมตร เขาจึงปล่อยหมัดออกไป เสียงระเบิดดังขึ้นในอากาศ ม้าศึกของฮว๋าหวันตกใจร้องและคุกเข่าลงบนพื้น ทำให้เจ้าเมืองน้อยพลิกตกลงจากหลังม้า แต่ฝีมือของฮว๋าหวันก็จัดว่าไม่ธรรมดา จังหวะที่ตกลงมาจากหลังม้า เขาปล่อยพลังออกมา กระบี่ยาวในมือที่มีพลังสิบส่วนของวิญญาณยุทธ์ค้อนอัสนีพุ่งออกไป
“ฟวับ!”
หลินมู่อวี่เท้าแตะลงบนพื้นหญ้าที่เต็มไปด้วยน้ำฝน ใช้ฝีเท้าดาวตกเคลื่อนตัวอย่างฉับพลัน การโจมตีของฮว๋าหวันจึงถูกพื้นดินแทน การโจมตีของเขาเมื่อเทียบกับหลินมู่อวี่นั้นช่างดูเชื่องช้าเหลือเกิน ทั้งสองคนต่างอยู่ในระดับขอบเขตปฐพีชั้นที่หนึ่ง แต่พลังการต่อสู้จริงห่างชั้นกันจนน่าตกใจ
“ปัง!”
กระแทกศอกเข้าโจมตีจากด้านหลัง หลินมู่อวี่โจมตีถูกหลังคู่ต่อสู้ กระบี่เคลื่อนที่เร็วปานสายฟ้า ฟันโล่ปราณของอีกฝ่ายแตกกระจาย ท้องของฮว๋าหวันฉีกขาดเลือดไหลออกมา
“อ๊ากกก”
ฮว๋าหวันคำรามออกมาด้วยความโกรธ กวาดกระบี่ออกไปเป็นวง แต่กลับฟันไม่โดนหลินมู่อวี่ เขาหอบหายใจอย่างหนัก สายฝนไหลลงมาตามใบหน้า กำลังจะขยับตัว กลับต้องพบว่ามีคมมีดเย็นเยือกอ้อมมาพาดอยู่ที่คอจากด้านหลัง
“คุกเข่า!”
น้ำเสียงเย็นชาของหลินมู่อวี่ดังขึ้น กระแทกข้อพับเข่าจากด้านหลังจนฮว๋าหวันต้องคุกเข่าลงกับพื้น เงยหน้ามองผู้เป็นบิดาที่อยู่บนกำแพงเมือง ด้วยแววตาที่ไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ…”
ฮว๋าเทียนเหมือนสมองระเบิด เขาไม่เคยคิดเลยว่าบุตรชายจะอ่อนแอถึงเพียงนี้
“ปล่อยเจ้าเมืองน้อยซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
ฮว๋าเทียนตะโกนลงมาจากกำแพงเมือง พลังของเขาถึงขั้นปรมาจารย์สงครามระดับสี่สิบเจ็ดแล้ว ในมือถือทวนยาว ใบหน้าโกรธเกรี้ยว คำรามออกมา “หลินมู่อวี่ เจ้าเป็นแค่ชาวบ้านชั้นต่ำ สังหารชนชั้นสูงต้องโดนประหารทั้งตระกูล ปล่อยลูกข้าซะ แล้วข้าจะไม่เอาความ ปล่อยเจ้ากับฉู่เหยาไป!”
ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ขนตาของหลินมู่อวี่เต็มไปด้วยน้ำฝน แต่ดวงตาใต้ขนตาคู่นั้นกลับมีประกายแห่งความเย็นชา จู่ๆ เขาก็หัวเราะออกมา “ปล่อยพวกข้างั้นหรือ ฮว๋าเทียน วันนี้เจ้าก็ต้องตายอยู่ที่นี่ เจ้าไม่รู้หรือไง”
ฮว๋าเทียนตะคอกกลับ “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร คิดจะสังหารข้า อวดดีเกินไปแล้ว เจ้าเดรัจฉาน!”
หลินมู่อวี่ตวัดกระบี่เบาๆ ตัดเส้นเลือดใหญ่ตรงคอของฮว๋าหวันขาด เลือดแดงพุ่งออกมา ฮว๋าหวันล้มลงกับพื้นทันที สองมือกดบาดแผลไว้ แต่ไหนเลยจะปิดอยู่ เลือดและน้ำฝนผสมผสานกัน พุ่งกระจายไปรอบๆ ชีวิตไหลออกไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็กลายเป็นศพนอนคว่ำอยู่ที่พื้น
“อ๊ากกก…”
ฮว๋าเทียนราวกับกลายเป็นสัตว์ร้าย พุ่งเข้าใส่หลินมู่อวี่ด้วยร่างที่เต็มไปด้วยกระแสอสนี “เจ้าสัตว์เดรัจฉานอวดดี ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”
อวดดี!
เนื้อแท้ของหลินมู่อวี่นั้นมีความอวดดีอยู่ แต่ความอวดดีของเขาไม่ใช่ความมุทะลุ เขาเห็นพลังของฮว๋าเทียนก็รู้ว่าไม่ควรสู้ซึ่งๆ หน้าแบบไม่คิด เขาหมุนเท้าและถอยหลังไปหลายก้าว โจมตีด้วยทักษะกระบี่วายุ ร่างกายมีลมที่ไร้รูปห่อหุ้มอยู่ พุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ โจมตีด้วยพิฆาตอสนีบาตออกไปอย่างเหี้ยมหาญ
แต่ความเร็วของฮว๋าเทียนไม่ด้อยกว่านัก “เคร้ง” เขายกทวนขึ้นต้านพิฆาตอสนีบาตไว้ได้ ร่างของฮว๋าเทียนเตะทะยานขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ค้อนอัสนีปรากฏขึ้นที่หลังฝ่าเท้า เตะเปรี้ยงเข้าใส่กระดองเต่าทมิฬของหลินมู่อวี่ แค่การโจมตีครั้งเดียว กระดองเต่าทมิฬก็ปรากฏรอยร้าวขึ้นมา ฮว๋าเทียนเห็นก็แค่นเสียงออกมา พร้อมส่งทวนยาวราวกับงูพิษเข้าไป แทงเข้าที่ไหล่ของหลินมู่อวี่รอยเลือดสาดกระเซ็น
ด้วยการโจมตีของฮว๋าเทียน หลินมู่อวี่ลงไปกลิ้งคลุกโคลน แพ้ได้น่าสมเพชชะมัด เร็วเกินไปแล้ว!
“ทลาย!”
ฮว๋าเทียนกระทืบเท้า ทันใดนั้นพลังที่มองไม่เห็นก็ทลายพื้นให้แตกออก อสนีพิโรธแปรเปลี่ยน หลินมู่อวี่ไหนเลยจะกล้ารับพลังนี้ตรงๆ รีบพลิกตัวหลบ แต่ก็ยังคงถูกกระแสอสนีเผาไปทั่วร่างราวกับไฟเผา เลือดที่บาดแผลยิ่งไหลออกมา
ฮว๋าเทียนไม่ปล่อยไปง่ายๆ เขาโจมตีติดต่อกันกระบวนท่าแล้วกระบวนท่าเล่า ไม่ถึงนาที ร่างกายของหลินมู่อวี่ก็มีบาดแผลอย่างน้อยเจ็ดแปดแห่ง
“ฉัวะ!”
เถาวัลย์สีเขียวสายหนึ่งแทงออกมาจากพื้น ตรงเข้าไปมัดขาขวาของฮว๋าเทียนไว้ หนามแหลมบนเถาวัลย์แทงทะลุเข้าไปในผิวหนัง
“นี่มันอะไร!”
ฮว๋าเทียนตัดเถาวัลย์เขียวด้วยความดูถูก แต่เขาไม่รู้เลยว่าปราณตรงบาดแผลได้รั่วไหลออกมาอย่างรวดเร็ว
หลินมู่อวี่เอาแต่รับ ไม่ยอมรุก ใช้เกราะศิลาเขียวและกระดองเต่าทมิฬต้านการโจมตีต่อเนื่องของฮว๋าเทียน
ฮว๋าเทียนเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทหารม้านับร้อยนายที่อยู่รอบๆ ไม่ได้ลงมือ รอท่านเจ้าเมืองสังหารผู้ร้ายด้วยตัวของเขาเองเพื่อล้างแค้นให้ลูกชาย จึงไม่มีใครกล้าสอดมือเข้าไป
ในที่สุด หลังจากผ่านไปนาน กลิ่นอายของฮว๋าเทียนก็เริ่มสับสน ถึงแม้หลินมู่อวี่จะมีบาดแผลเต็มตัว แต่ยังคงใช้พลังใจยืนหยัดร่างกายเอาไว้ ปล่อยหมัดซ้ายออกไปโจมตีด้วยหมัดเสียงปีศาจ เขารุกกลับแล้ว!
“เปรี้ยง!”
หมัดเสียงปีศาจกระแทกเข้าที่หน้าอกของฮว๋าเทียน แต่กลับกระแทกถูกแค่โล่ปราณ ปราณของฮว๋าเทียนทรงพลังกว่าบุตรชายของเขามาก แน่นอนว่าไม่ถูกหมัดเสียงปีศาจระเบิดอวัยวะภายในง่ายๆ
“เหอะ ทักษะกระจอก ไร้ค่าสิ้นดี!”
ระหว่างที่ฮว๋าเทียนพูดจาดูถูกอยู่นั้น ทันใดนั้นหลินมู่อวี่ก็ยื่นมือไปด้านหลัง พริบตาต่อมามีดบินสี่เล่มก็ประกอบเป็นกงจักรหมุนบินออกไป มีดเสียงปีศาจจู่โจมออกไปอย่างกะทันหัน!
“เคร้ง!”
ทันใดนั้นฮว๋าเทียนก็ใช้ทวนปัดดาบเสียงปีศาจออก ตะโกนด่า “อาวุธลับ? เจ้าเดรัจฉานชั้นต่ำ คิดว่าอาศัยแค่อาวุธลับแล้วจะเอาชนะข้าฮว๋าเทียนได้อย่างนั้นหรือ”
หลินมู่อวี่ไม่พูดตอบโต้ ยกกระบี่ขึ้นแล้วโจมตีท่าพิฆาตอสนีบาตออกไปหนึ่งครั้ง มือซ้ายรวมพลังโจมตีหมัดเสียงปีศาจอีกสองครั้ง!
“ปังปัง! ”
ฮว๋าเทียนถูกโจมตีติดต่อกันหลายครั้งทำให้เลือดลมปั่นปวน แต่พลังก็ยังคงมีอยู่ จึงโจมตีด้วยค้อนอัสนีออกไป กระแทกใส่หลินมู่อวี่จนกระเด็นถอยหลังไปหลายสิบเมตรและกระอักเลือดออกมา ฮว๋าเทียนจับทวนยาว ยิ้มเย้ยหยัน “คิดจะสู้กับข้า เจ้ามันตัวอะไร สังหารหวันเออร์ของข้า ข้าจะฉีกร่างเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้น!”
ตอนนี้เอง มุมปากของหลินมู่อวี่กลับยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“อะไรน่ะ”
ฮว๋าเทียนเห็นท่าจะไม่ดี แต่จู่ๆ ด้านหลังศีรษะก็มีเสียงหวีดดังขึ้น ไม่รอให้เขาตอบโต้ “ควับ” มีดเสียงปีศาจก็แหวกอากาศเข้ามา หลินมู่อวี่กระโดดรับมีดบินและแกะมันออกจากกัน จากนั้นเก็บเข้าย่ามข้างเอว
ฮว๋าเทียนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น บรรดาองครักษ์ต่างตะลึงตาค้าง และมองศีรษะของท่านเจ้าเมืองค่อยๆ กลิ้งหล่นลงมาในที่สุด