The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.62 พ่นพิษ
EP.62 พ่นพิษ
“ดอกหงอนไก่พิษ…” ฉู่เหยามองอยู่ไกลๆ อย่างระมัดระวัง นางไม่เคยเห็นสัตว์วิญญาณประเภทพืชชนิดนี้มาก่อน
แต่หลินมู่อวี่กลับรู้จักสัตว์วิญญาณชนิดนี้อยู่บ้าง เพราะในเกมผู้พิชิตเขาเคยพาพวกเพื่อนๆ ไปสู้กับบอสระดับทองมาก่อน ดอกหงอนไก่พิษไม่มีอะไรน่ากลัว แค่สามารถพ่นพิษสีแดงออกมาได้ ซึ่งจุดนี้ค่อนข้างจัดการยาก ดูเหมือนคุณสมบัติพิเศษของสัตว์วิญญาณบนโลกนี้จะคล้ายกับเกมผู้ชิตอยู่ บางทีจุดนี้อาจจะมีประโยชน์ต่อตนเอง
“พี่ฉู่เหยา ท่านอย่าเพิ่งลงมือ ข้าไปเอง”
หลินมู่อวี่จับกระบี่แล้วเดินขึ้นไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง สัตว์วิญญาณอายุสองพันปี มีความแข็งแกร่งเท่ากับยอดฝีมือขั้นปราชญ์สงครามระดับห้าสิบ ดังนั้นทางที่ดีคืออย่าไปโดนพิษที่พ่นออกมา
“อาอวี่ เจ้าระวังตัวด้วย!”
ฉู่เหยาเม้มริมฝีปาก มองแผ่นหลังของเขาด้วยความกังวลใจ แต่นางรู้ดีว่าตัวเองไม่ควรเข้าไปช่วย เพราะว่าฝีเท้าของหลินมู่อวี่นั้นเหนือกว่าตนมาก พลังการหลบหลีกของฝีเท้าดาวตกนั้นไม่ใช่ว่ายอดฝีมือทุกคนจะมีได้
“ฟ่อ ฟ่อ…”
ถึงดอกหงอนไก่จะเป็นพืช แต่การเคลื่อนไหวนั้นไม่ด้อยเลย ตัวดอกที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณหนึ่งเมตรค่อยๆ ยก “หัว” ของมันขึ้นมา มันรับรู้ได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาจึงส่งเสียงขู่คล้ายงูพิษ ขณะเดียวกันพื้นหญ้าโดยรอบก็ส่งเสียงซ่าๆ ราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังเลื้อยอยู่ข้างใต้
นั่นเถาวัลย์ของมัน
หลินมู่อวี่รู้ดีเป็นที่สุดแล้ว เถาวัลย์ของดอกหงอนไก่นั้นซ่อนอยู่ใต้พื้นดิน แต่สามารถแทงทะลุขึ้นมาจากพื้นดินเพื่อจัดการศัตรูได้ตลอดเวลา ทว่าจังหวะที่เถาวัลย์ของมันพุ่งขึ้นมาจากพื้นนั้น ตัวดอกของมันจะสั่นเล็กน้อยล่วงหน้า คงเป็นเพราะพลังของเถาวัลย์มาจากส่วนที่เป็นดอกสินะ
เขาจับตามองการเคลื่อนไหวของดอกไม้ ขาทั้งสองข้างค่อยๆ เขยิบขึ้นไปข้างหน้า ไม่กี่วินาทีต่อมาดอกของมันก็สั่นรุนแรงขึ้นมาทันที ใต้พื้นดินมีเสียงดัง ตอนนี้แหละ!
หลินมู่อวี่รีบใช้ฝีเท้าดาวตกเคลื่อนตัว หลบออกด้านข้าง ที่พื้นมีเถาวัลย์แทงขึ้นมา บนนั้นเต็มไปด้วยหนามพิษ ท่าทางคล้ายกับกำลังแยกเขี้ยวกางเล็บ หลินมู่อวี่ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ยื่นมือออกไปหยิบมีดเสียงปีศาจจากด้านหลัง แล้วขว้างออกไปอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องของมีดเสียงปีศาจโจมตีเข้าที่บริเวณดอกของดอกหงอนไก่พิษ ตรงนั้นเป็นศูนย์กลางในการออกคำสั่ง และก็เป็นจุดสำคัญ
“ปัง! ปัง! ปัง!”
เป็นธรรมดาที่ดอกหงอนไก่สองพันปีนั้นจะรู้จักป้องกันตัว เถาวัลย์ที่พุ่งขึ้นจากพื้นขวางอยู่เบื้องหน้า กลายเป็นกำแพงเถาวัลย์สีเขียว แต่มีดเสียงปีศาจก็ตัดผ่านเข้าไปทำให้ของเหลวสีเขียวสาดกระจายออกมา และพุ่งตรงเข้าไปปักที่ส่วนดอกของดอกหงอนไก่
“กี้ กี้!”
ดอกหงอนไก่พลันส่งเสียงร้องแหลมเหมือนสัตว์วิญญาณตัวจิ๋ว ทันใดนั้นส่วนที่เป็นดอกก็เปิดออก พ่นพิษสีแดงออกมาใส่มีดเสียงปีศาจอย่างรวดเร็ว
“ชี่ ชี่…”
มีดเสียงปีศาจมีควันสีเขียวลอยขึ้นทันที ราวกับว่ากำลังถูกกัดกร่อนอยู่
หลินมู่อวี่มองแล้วรู้สึกเสียดายอย่างที่สุด นี่คือของล้ำค่าที่ฉวีชู่มอบให้ตน เป็นมีดของแม่ทัพชื่อดังเฟิงอี้เฉิงเชียวนะ!
หลินมู่อวี่ปล่อยหมัดเสียงปีศาจออกไปกลางอากาศ แต่ก็ถูกเถาวัลย์นับไม่ถ้วนขวางเอาไว้ ช่วยไม่ได้ เขาหมุนตัวแล้วซัดหมัดเสียงปีศาจเข้าที่มีดบินหนึ่งที ใบมีดเบนออกไปทางซ้ายอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่ยกกระบี่พุ่งเข้าโจมตี ใช้ทักษะกระบี่วายุ “ตัด” อย่างรวดเร็ว กวัดแกว่งกระบี่ตัดทะลวงเถาวัลย์!
“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ…”
ชิ้นส่วนของเถาวัลย์ลอยกระจายอยู่กลางอากาศ หลังจากทะลวงกำแพงเถาวัลย์สามชั้นไม่หยุด บนกระบี่เต็มไปด้วยสายฟ้า พุ่งตรงเข้าไปที่ดอกไม้ พิฆาตอสนีบาต!
แต่ไม่รอให้เขาเข้ามาประชิด ดอกหงอนไก่พิษก็อ้าปากที่น่าขยะแขยงขึ้นอีกครั้ง แล้วพ่นพิษสีแดงใส่เขา พิษที่พ่นออกมามีความเร็วมากจนทำให้มันมีรูปร่างเป็นลูกธนู!
โชคดีที่หลินมู่อวี่เตรียมรับมือไว้แล้ว เขาวาดแขนซ้ายขึ้นปรากฏวิญญาณยุทธ์ออกมา กระดองเต่าทมิฬก่อตัวด้านนอกกำแพงน้ำเต้าเขียว!
“ซี่…”
พิษพ่นกระจายถูกกำแพงด้านนอกของน้ำเต้าเขียว วิญญาณยุทธ์ก็ได้รับความเสียหายทันที ของเหลวนั้นไม่ใช่แค่มีพิษร้ายแรง แต่ยังมีฤทธิ์กัดกร่อนอีกด้วย พริบตาเดียวกระดองเต่าทมิฬก็ละลายสลายไป วิญญาณยุทธ์ได้รับความเสียหาย ร่างของผู้ใช้ก็ไม่ดีไปกว่ากัน หลินมู่อวี่รู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ ดีที่ว่าตอนนี้เขาได้ยินเสียงของมีดเสียงปีศาจใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว
“พี่ฉู่เหยา ใช้เตียวม่วงพ่นไฟใส่เถาวัลย์!”
หลังจากตะโกนออกไป ด้านนอกก็มีประกายเพลิงพุ่งเข้ามา ฉู่เหยากางมือเรียกเตียวม่วง เตียวม่วงตัวน้อยคำรามอย่างบ้าคลั่ง พ่นไฟออกมาโจมตี นี่เป็นทักษะของจิ้งจอกอัคคีที่ใช้ได้อย่างชำนาญ หลังจากถูกเตียวม่วงพ่นเปลวไฟใส่จนไหม้ ดอกหงอนไก่พิษก็ทนไม่ไหว กรีดร้องอย่างโหยหวน เถาวัลย์ทั้งหมดนิ่งไปในทันที
ได้โอกาสแล้ว!
มีดเสียงปีศาจหวีดร้องมาจากด้านหลัง ตัดฉัวะเข้าที่ก้านดอกไม้ หลินมู่อวี่ฉวยโอกาสที่ฟ้าประทานมาให้นี้ยกกระบี่พุ่งเข้าไป เขาระเบิดความเร็ว แล้วใช้พิฆาตอสนีบาตโจมตีตรงก้านดอกไม้ที่ได้รับความเสียหายอีกครั้ง ความแข็งแรงของก้านดอกไม้นี้ไม่ด้อยไปกว่าดอกสาลี่เหล็กเลย โจมตีครั้งแรกเข้าไปแล้วยังตัดไม่ขาด จึงใช้พิฆาตอสนีบาตติดกันสามครั้ง ในที่สุดก็ตัดจนขาดได้!
“พรูด…”
พิษจำนวนมากพ่นสาดออกมา หลินมู่อวี่รีบยกมือเรียกน้ำเต้าเขียวออกมาให้ปกป้องตนเอง น้ำเต้าเขียวบดบังร่างของเขาไว้ รอให้พิษพ่นออกมาจนหมดแล้วถึงจะปลอดภัย ส่วนดอกหงอนไก่พิษก็กลายเป็นก้อนพืชที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น มันตายแล้ว วิญญาณสัตว์ลอยออกมาเหนือร่างมัน
ฉู่เหยาเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง มองวิญญาณยุทธ์ของหลินมู่อวี่ที่อาบไปด้วยพิษ อดถามไม่ได้ว่า “อาอวี่ เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไร”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วแล้วก็ยิ้มตอบ “โชคดีที่พวกเราใช้ผงเทพสังสรรค์ ไม่เช่นนั้นพิษของมันที่กระจายไปตามลม คงทำให้พวกเราอาเจียนกันสักพักเลยล่ะ”
“อืม รีบกลั่นวิญญาณสัตว์เถอะ!”
“ได้!”
หลินมู่อวี่ไม่นั่ง เขายืนเรียกวิญญาณยุทธ์ออกมา น้ำเต้าเขียวเริ่มดูดซับวิญญาณยุทธ์ประเภทพืชของดอกหงอนไก่พิษอย่างบ้าคลั่ง ขณะเดียวกันก็เรียกติ่งหลอมอาวุธออกมาด้วย แสงสีทองแผ่ออกไปทุกทิศ แม้แต่ฉู่เหยาเองก็อยู่ท่ามกลางแสงสีมองนี้ด้วย นางตาโตตกใจมองไปที่ติ่งหลอมอาวุธ “นะ…นี่มันคืออะไรเนี่ย”
“ภาชนะ” หลินมู่อวี่พูดสั้นๆ มองฉู่เหยาที่หน้าตางุนงง อดที่จะหัวเราะไม่ได้ “นี่คือภาชนะเฉพาะตัวของข้า ช่วยให้ดูดซับวิญญาณสัตว์ได้ดียิ่งขึ้น ถึงขนาดที่ดูดซับพลังทักษะพิเศษที่ผสานอยู่ในวิญญาณสัตว์ได้เต็มร้อยเลยทีเดียว”
“หา?” ฉู่เหยาอ้าปากค้าง “มิน่า…มิน่าทุกครั้งที่วิญญาณยุทธ์ของเจ้าทะลวงขั้น เจ้าได้รับทักษะของวิญญาณยุทธ์ตลอดเลย! แบบนี้แสดงว่าที่ข้าสามารถดูดซับทักษะโจมตีด้วยไฟของจิ้งจอกอัคคีได้ ก็เพราะเจ้าช่วยข้างั้นเหรอ”
“อือ ใช่แล้ว” หลินมู่อวี่ไม่ปฏิเสธ เวลานี้เขากับฉู่เหยานับได้ว่าเป็นตายร่วมกัน ไม่มีอะไรจะต้องปิดบังแล้ว แต่แน่นอนว่าเรื่องที่ตนเองทะลุมิติมาจากเกม เขาต้องปิดปากให้มิด ไม่มีวิธีอธิบาย อธิบายไปก็ไม่ชัดเจน แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
กระบวนการกลั่นยาวต่อเนื่องเกือบชั่วโมงแล้ว ในที่สุดหลินมู่อวี่ก็จับพลังพิษร้ายที่รุนแรงของวิญญาณสัตว์ดอกหงอนไก่ที่บ้าคลั่งนั้นไว้ได้ ค่อยๆ กลั่นมันจนหมด ทันใดนั้นสีของน้ำเต้าก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่น้ำเต้าที่มีสีเขียวอีกต่อไป แต่กลายเป็นน้ำเต้าสีแดงเข้มแทน
เมื่อเพ่งดูในทะเลจิตก็พบว่าน้ำเต้าแดงมีพลังพ่นพิษบ้าคลั่งผสานอยู่ นี่ก็คือแหล่งกำเนิดของทักษะ
“ยินดีด้วยพี่ชาย น้ำเต้าเขียวของท่านทะลวงไปถึงชั้นที่สี่แล้ว ยังได้รับทักษะของดอกหงอนไก่พิษมาด้วย นั่นก็คือพ่นพิษ!”
ภูตระบบลู่ลู่ไม่รู้โผล่มาตอนไหน แต่ก็มีเพียงแค่หลินมู่อวี่คนเดียวที่มองเห็น ยิ้มคิกคักอยู่บนไหล่ของหลินมู่อวี่ “พี่ชายแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ดีใจจังเลย เพียงแต่ว่าพี่ชายต้องมานอนกลางดินกินกลางทรายทุกวัน น่าสงสารที่สุด คนเลวพวกนั้นเพื่อเงินรางวัลแล้ว ก็ไล่สังหารพี่ชายมาตลอด เลวที่สุด!”
หลินมู่อวี่ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร ส่วนลู่ลู่เล่นต่ออีกสักพักจึงกลับเข้าไปนอนหลับในทะเลจิตของเขา ภูตระบบตนนี้สามารถอยู่รอดในโลกนี้จัดว่าไม่ง่ายเลย ทุกครั้งที่ปรากฏกายต้องสูญเสียพลังงานไปไม่น้อยทีเดียว
หลินมู่อวี่ลุกขึ้นยืน ออกแรงปล่อยหมัดออกไป ทันใดนั้นปราณก็กลายเป็นเปลวเพลิงพ่นออกมา หลินมู่อวี่ค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าลึก ไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อน ราวกับว่ากระดูก กล้ามเนื้อ ชีพจรทั่วทั้งร่างได้ผ่านการฝึกฝนมา ส่วนฉู่เหยาที่อยู่ด้านข้างยิ้มพูด “ยินดีด้วยนะอาอวี่ เจ้าเข้าสู่ขอบเขตปฐพีชั้นที่สองแล้ว เป็นปรมาจารย์สงครามระดับสี่สิบแล้วนะ!”
“ระดับสี่สิบแล้วเหรอเนี่ย…” หลินมู่อวี่ยิ้มน้อยๆ นึกถึงตอนนั้นที่เขามองนัยน์ตาเหยี่ยวระดับสี่สิบสองเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ตอนนี้ตัวเองถึงระดับสี่สิบโดยไม่รู้ตัว แถมพลังของวิญญาณยุทธ์ยังบริสุทธ์ยิ่งกว่า บวกกับวิชาอย่างมีดเสียงปีศาจ หมัดเสียงปีศาจ เกรงว่าถึงจะมีนัยน์ตาเหยี่ยวสองคนก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
“ไปกันเถอะพี่ฉู่เหยา ที่นี่ไม่มีอะไรให้อาลัยอาวรณ์แล้ว”
หลินมู่อวี่ยกกระบี่ขึ้น แล้วหยิบมีดเสียงปีศาจขึ้นมา แต่ต้องพบว่าบนใบมีดเสียงปีศาจยังมีพิษเปื้อนอยู่ เขาจึงนำมีดไปล้างพิษที่ลำธารใกล้ๆ มีดเสียงปีศาจยังเป็นประกายราวกับหิมะ นึกไม่ถึงเลยว่าไม่ถูกพิษกัดกร่อนเลยแม้แต่นิดเดียว เป็นมีดล้ำค่าอย่างที่คิดจริงด้วย มิน่าถึงได้ถูกขนานนามว่าเป็นอาวุธชื่อก้องของเฟิงอี้เฉิง!
เขาเก็บมีดเสียงปีศาจลงย่ามแล้วพาฉู่เหยาเดินทางต่อ
เดินไปได้ไม่นาน จู่ๆ ก็มีเสียงร้องของเหยี่ยวดังขึ้น พอเงยหน้ามองขึ้นไป เหยี่ยวตัวหนึ่งกำลังบินวนอยู่สูงเหนือศีรษะ ใจของหลินมู่อวี่พลันหนักอึ้ง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ฉู่เหยามองแล้วยิ้มพูด “เหยี่ยวคงออกมาหาอาหารกระมัง ในป่าแบบนี้เห็นได้บ่อยๆ”
“แต่ว่า…”
หลินมู่อวี่พยักหน้าก่อนจะพูดว่า “แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเห็นเจ้าเหยี่ยวตัวนี้นะ”
“อาอวี่เจ้าหมายความว่า”
“ถูกต้อง เกรงว่าพวกเราจะถูกจับตาอีกแล้ว รีบไปกันเถอะ!”
“อือ”
หลินมู่อวี่เงยหน้ามองเหยี่ยวบนฟ้าอีกครั้ง กัดฟันกรอด เจ้าเดรัจฉานมีขนนี้ควรยินดีที่ตนไม่ได้พกธนูไว้กับตัว ไม่เช่นนั้นจะต้องยิง…ไม่ถูก ฝีมือยิงธนูของตนยังกระจอกอยู่ สูงขนาดนี้ ยิงไม่ถูกแน่นอน ช่างเถอะ ค่อยๆ หาทางไปก็แล้วกัน ถ้ามีคนมาไล่ฆ่าตนอีก ก็แค่สู้ตาย!