The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.114 ปะทะขอบเขตปราชญ์
บนท้องฟ้า ชายชราชุดเทาถือไม้เท้าเหล็กผู้หนึ่งใช้แววตาชั่วร้ายมองตรงไปที่หลินมู่อวี่ ปราณไร้ลักษณ์หลายสายแผ่คลุมลงมา ทำให้หลินมู่อวี่ไม่สามารถขยับตัวได้ ชายชราผู้นี้เท้ามีพลังของธาตุลมอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะยืนอยู่กลางอากาศได้เป็นเวลานาน ราวกับเป็นชาวสวรรค์ก็มิปาน
……
หลินมู่อวี่ต่อต้านพลังของอีกฝ่ายสุดกำลัง เร่งปราณยุทธ์ทั่วร่างจนถึงขีดสุด จนชุดต่อสู้สีขาวด้านหลังกระพือออก จู่ๆ เขาก็แบมือซ้าย พลังสายฟ้าปรากฏขึ้นและดึงกระบี่เหลียวหยวนออกจากฝัก ในจังหวะที่กระบี่เหลียวหยวนออกจากฝักนั้น ก็เกิดคลื่นอากาศสั่นสะเทือน ทำให้ขอบข่ายแรงกดดันจากศัตรูแตกร้าว
“แซ่ก แซ่ก…”
หลินมู่อวี่กระโจนออกไปเกือบสิบเมตรเพื่อหลบให้พ้นจากการควบคุมของอีกฝ่าย รู้สึกเหมือนกระดูกทั้งร่างกายกำลังถูกฉีกกระชาก หลินมู่อวี่หันไปมองชายชราที่ยังอยู่กลางอากาศ ดวงตาเข้มขึ้นกล่าว “เจ้าก็คือคนที่ทำลายเอ็นมังกรของจางเหวยใช่หรือไม่”
ผู้มาเยือนยิ้มบางๆ แววตาเต็มไปด้วยความสงบ ราวกับเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นคนที่ตายไปแล้ว และไม่สามารถจะคุกคามเขาได้ “ถูกต้อง เป็นข้าเอง ชางไป๋เฮ่อ ข้าน้อยคาราวะองค์หญิงฉินอิน ท่านอ๋องน้อยและองค์หญิงซีพ่ะย่ะค่ะ!”
ฉินเหลยเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า กำดาบอัสนีทลายแน่นแล้วกล่าว “ข้าได้ยินชื่อเสียงท่านมาบ้าง ผู้อาวุโสชางไป๋เฮ่อ ท่านเป็นผู้อาวุโสรุ่นก่อนของจักรวรรดิ แต่เพราะเหตุใดท่านถึงต้องทำร้ายจางเหว่ย เขาเป็นครูฝึกของวิหารศักดิ์สิทธิ์ เป็นทหารคนหนึ่งของจักรวรรดินะท่าน!”
ชางไป๋เฮ่อหัวเราะอย่างเย็นชา “ท่านเสินโหวมีฐานะเป็นถึงราชครู เมื่อครั้งสงครามเหลียวเป่ยได้สร้างผลงานมากมาย หากไม่ใช่เพราะความปรีชาของเสินโหว จะมีตระกูลฉินอย่างทุกวันนี้ไหม วันนี้บ้านเมืองสงบสุข แต่ครูฝึกเล็กๆ ของวิหารศักดิ์สิทธิ์กลับกล้าล่วงเกินจวนเสินโหว เห็นว่าจวนเสินโหวไร้ผู้คนอย่างนั้นหรือ เสินโหวมีบุญคุณกับข้าล้นพ้น เป็นศัตรูกับจวนเสินโหวก็เท่ากับเป็นศัตรูข้า ชางไป๋เฮ่อ!”
ฉินอินอึ้งตะลึง ในพระทัยคาดเดาไปได้มากกว่าครึ่งแล้ว จึงกระโดดขึ้นไปยืนบนกระดูกมังกร เคียงบ่าเคียงไหล่กับหลินมู่อวี่ ลมหนาวพัดโชยมา เสื้อคลุมตระกูลฉินด้านหลังนางสะบัดปลิวเบาๆ ก่อนตรัสขึ้น “เช่นนั้นผู้อาวุโสมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใดหรือ”
“ฮ่าๆๆ…”
ชางไป๋เฮ่อเงยหน้าหัวเราะ “ผู้ที่ล่วงเกินจวนเสินโหวมีอยู่สองคน ผู้หนึ่งคือจางเหว่ย อีกผู้หนึ่งคือนักโทษอุกฉกรรจ์ของจักรวรรดิหลินมู่อวี่ที่เปลื่ยนชื่อเป็นหลินจื้อ วันนี้ข้าต้องการแสดงความจงรักภักดีต่อจักรวรรดิ สังหารนักโทษผู้นี้ นำศีรษะของมันกลับเมืองหลันเยี่ยน! ฝ่าบาทโปรดหลีกทาง อย่าได้ขวางข้าสังหารเจ้าเด็กชั่วร้ายนี่เลย”
ทันใดนั้นฉินอินกลับกางพระพาหาออก พระพักตร์ที่งดงามหมดจดปรากฏความเด็ดเดี่ยวแล้วตรัสขึ้น “ผู้อาวุโส อาอวี่สังหารคนที่เมืองหยินซานนั้นเป็นเพราะถูกปรักปรำ ข้ากราบทูลขออภัยโทษกับเสด็จพ่อให้เขาแล้ว ผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องกังวลใจ”
“เช่นนั้นหรือ”
สีหน้าของชางไป๋เฮ่อเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก ยิ้มเย็นชา “ฝ่าบาท พระองค์เป็นผู้สืบทอดจักรวรรดิต้าฉินอย่างถูกต้อง เป็นอนาคตและความหวังของตระกูล แต่ถ้าหาก…องค์หญิงฉินอินสิ้นพระชนม์โดยบังเอิญกลางป่าลึก พระองค์ลองทายสิว่าจะมีใครรู้หรือไม่ว่าเป็นข้าที่ลงมือ ถ้าหาก…องค์หญิงฉินอินและท่านอ๋องน้อยฉินเหลยผู้สืบทอดราชวงศ์ที่ปลุกโซ่เทวะได้ล้วนตายในป่าล่ามังกร แล้วผู้ใดที่มีโอกาสขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปมากที่สุดกันเล่า”
หลินมู่อวี่สั่นสะท้านในใจ มือกำกระบี่เหลียวหยวนขวางหน้าฉินอิน กล่าวเสียงทุ้ม “ชางไป๋เฮ่อ เป้าหมายของเจ้าคือข้า ไม่ต้องนำความโกรธแค้นไปลงที่องค์หญิงอิน!”
พระสุรเสียงของฉินอินนุ่มนวลและแผ่วเบา “อาอวี่ เจ้ายังดูไม่ออกอีกหรือ ช่างไป๋เฮ่อมาที่นี่ไม่ได้วางแผนจะให้พวกเรารอดออกไปแม้แต่คนเดียว…”
ฉินเหลยกำดาบอัสนีทลายแน่น นัยน์ตามีประกายความโกรธ “ชางไป๋เฮ่อ เจ้าคนต่ำช้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่ เจ้าคนผู้ทรยศต่อจักรวรรดิ!”
“ทรยศจักรวรรดิแล้วยังไงหรือ” ชางไป๋เฮ่อหัวเราะเยาะ “ตระกูลฉินปกครองใต้หล้าได้ คนอื่นก็ทำได้เช่นกัน จะพูดมากมายไปทำไม วันนี้พวกเจ้าใครก็อย่าคิดว่าจะรอด!”
……
“วิ้ง!”
ระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังพูด วิญญาณยุทธ์ของหลินมู่อวี่ก็เริ่มเคลื่อนไหว กระบี่เหลียวหยวนกลายเป็นสายฟ้าพุ่งเข้าใส่ท้องของชางไป๋เฮ่อ การโจมตีนี้เสร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว เร็วจนน่าตกใจ!
แต่อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตปราชญ์ ชางไป๋เฮ่อยกไม้เท้าเหล็กขึ้นมาอย่างไม่หวาดหวั่น สะบัดออกไป “ปัง” เกิดเสียงกระแทกดังขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะซัดอัสนีคลื่นคลั่งให้กระเด็นออกไปได้ กระบี่เหลียวหยวนหมุนอย่างเร็วกลางอากาศแล้วตกออกไปไกล
“ไป!”
หลินมู่อวี่ตะโกนออกมาด้วยโทสะ มือซ้ายกางออก เกิดแสงอัสนีหลายสายเพื่อไปดึงกระบี่เหลียวหยวนกลับมา มือขวาหยิบมีดบินสี่เล่มออกมาจากเอว แล้วขว้างออกไปติดๆ กัน ขณะเดียวกันที่อีกด้านหนึ่ง ฉินเหลยยกดาบอัสนีทลายที่มีแสงอัสนีเป็นประกายบุกเข้าโจมตี โซ่เทวะสีทองหลายเส้นวนเวียนอยู่รอบตัว
ชางไป๋เฮ่อลอยลงมาอยู่บนกระดูกมังกร พร้อมส่งเสียงหัวเราะลั่น ทันใดนั้นในร่างกายก็มีประกายไฟประทุออกมา กระบองสีแดงเพลิงปรากฏขึ้น นี่เป็นวิญญาณยุทธ์หมวดอาวุธของเขา กระบองเพลิงโลกันต์ จัดเป็นวิญญาณยุทธ์ที่แข็งแกร่งมากเป็นอันดับสอง ชางไป๋เฮ่อมือหนึ่งจับไม้เท้าเหล็ก อีกมือหนึ่งจับกระบองเพลิงโลกันต์ หัวเราะเสียงดัง “น่าสนใจดีนี่ โซ่เทวะของตระกูลฉิน รวมกับวิญญาณยุทธ์น้ำเต้า ข้าก็อยากจะรู้ว่าพวกเจ้าจะดิ้นรนไปได้ถึงไหนกัน!”
“ปัง!”
กระบองเพลิงโลกันต์พุ่งเข้าใส่กำแพงน้ำเต้าอย่างรุนแรง กระดองเต่าทมิฬพลันแตกสลายทันที ปราการเกล็ดมังกรก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่หลินมู่อวี่ก็คว้ากระบี่เหลียวหยวนกระโดดเข้าไปโดยไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น คนและกระบี่รวมกันเป็นหนึ่งฟันฉัวะลงไป!
ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่ดังก้อง กระบองเพลิงโลกันต์ของชางไป๋เฮ่อโจมตีกลับมา ปราณยุทธ์อันทรงพลังระเบิดออกมา ทำให้หลินมู่อวี่กระเด็นออกไปพร้อมกับกระบี่ กระอักเลือดกลางอากาศ เขาได้รับบาดเจ็บภายใน ขณะเดียวกันไม้เท้าเหล็กวาดเส้นโค้งในอากาศ “ปัง” ปัดดาบอัสนีทลายของฉินเหลยจนกระเด็นออกไป กลิ่นอายสังหารในแววตาของชางไป๋เฮ่อระเบิดออกมา เข้าพุ่งไปข้างหน้าทันที!
“ฉึก!”
เมื่อฉินเหลยก้มหน้าลงไปมอง กลับพบว่าปลายแหลมของไม้เท้าเหล็กแทงทะลุท้องของตนเอง เลือดไหลทะลักออกมา
“ท่านอ๋องน้อย อย่าตำหนิข้าเลย!”
พูดจบ ปราณยุทธ์ของชางไป๋เฮ่อก็ปะทุออกมาอีกครา ปลายแหลมของไม้เท้าหมุนเป็นเกลียวพร้อมปราณยุทธ์ที่เย็นเฉียบ กำลังจะทำลายอวัยวะภายในของฉินเหลยให้กระจุย ในตอนนี้เองด้านหลังศีรษะก็รู้สึกเย็นวูบ เป็นกระบี่ของฉินอิน ชางไป๋เฮ่อรีบเคลื่อนตัวหลบไปอีกด้าน แต่คิดไม่ถึงว่าร่างอ่อนช้อยงดงามของฉินอินคล้ายกับมังกรแหวกว่ายผ่านแขนของเขาไป ฝ่ามือพลันกางออก พลังโซ่สีทองระเบิดเข้าที่หน้าอกของชางไป๋เฮ่อ!
“เปรี้ยง…”
แสงสีทองสาดไปทั่วทุกทิศ การโจมตีไม่อาจสร้างบาดแผลให้กับชางไป๋เฮ่อ เพราะปราณยุทธ์ที่ปกป้องร่างเขานั้นแน่นหนามาก พลังของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมาก โซ่เทวะของของฉินอินถึงจะแข็งแกร่งอย่างไรก็ไม่อาจทำร้ายเขาได้จริงๆ
“ตายซะ!”
วิญญาณยุทธ์กระบองเพลิงโลกันต์ในมือซ้ายของชางไป๋เฮ่อพลันกวัดแกว่ง โจมตีอย่างรุนแรงเข้าใส่โซ่เทวะที่ป้องกันตรงอกฉินอิน พริบตาเดียวโซ่เทวะก็แตกกระจุย ฉินอินถอยหลังไปหลายก้าว ทรุดลงหน้าซีดอยู่บนกระดูกมังกร ที่ด้านหลังของนาง จิ้งจอกอัคคีของถังเสี่ยวซีก็พ่นเปลวเพลิงออกมา ชางไป๋เฮ่อรีบควงไม้เท้าเหล็กสกัดเปลวเพลิง เพลิงจากวิญญาณยุทธ์ประจำตระกูลถังแห่งซีไห่ไม่ใช่จะจัดการได้ง่ายๆ หากโดนเผาเข้าละก็ต้องเป็นเรื่องแน่
“จี้ด จี้ด…”
จิ้งจอกอัคคีที่อยู่บนไหล่ของถังเสี่ยวซีร้องอย่างบ้าคลั่ง ราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่ากลัว
“เสี่ยวอิน!”
ถังเสี่ยวซีรีบพุ่งตัวไปข้างหน้า แต่กลับพบฉินอินโบกพระหัตถ์มาทางด้านหลัง ปราณยุทธ์ระเบิดออกมา กระแทกถังเสี่ยวซีจนถอยไปหลายก้าว นางไม่ให้เสี่ยวซีเข้าไปช่วย
……
บนพื้นดิน ฉินเหลยได้รับบาดเจ็บที่ท้อง แต่ยังคงถือดาบอัสนีทลายไว้ เร่งปราณยุทธ์ทั้งร่างออกมา คลื่นพลังสายฟ้าแผ่ออกไปตามพื้นหญ้า เขายังอยากจะพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายต่อ และตอนนี้เองเงาดำสายหนึ่งแล่นเข้ามา “ฉึก” ไม้เท้าเหล็กของชางไป๋เฮ่อแทงเข้าที่หน้าอกฉินเหลย ตรึงเขาไว้แน่นกับกระดูกมังกร
“รอความตายเงียบๆ เถอะ ท่านอ๋องน้อย ที่นี่เป็นจุดจบที่ดีที่สุดของท่านแล้ว”
ชางไป๋เฮ่อหัวเราะอย่างเย็นชา ถือกระบองเพลิงโลกันต์เดินไปทางฉินอิน นัยน์ตามีประกายความลำพองใจอย่างที่สุด หัวเราะฮ่าๆ กล่าว “องค์หญิง หากท่านไม่ออกจากเมืองและอยู่ในความคุ้มกันขององครักษ์อวี้หลินนับร้อย ใต้หล้านี้ใครจะสังหารท่านได้ แต่ท่านกลับวิ่งเข้ามาหาความตายเอง จะโทษข้าไม่ได้”
ปราณยุทธ์ของฉินอินถูกกระบองเพลิงโลกันต์โจมตีจนปั่นป่วน นางนั่งทรุดอยู่ตรงนั้น เงยพระพักตร์มองชางไป๋เฮ่อ ไม่ทรงหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย
“ฟิ้ว!”
ตอนที่ชางไป๋เฮ่อยกกระบองเพลิงโลกันต์ขึ้น จู่ๆ ก็มีสายฟ้าพุ่งเข้ามาจากด้านข้าง มันคือกระบี่เหลียวหยวนที่ถูกแสงอัสนีห่อหุ้มไว้
“ยังจะมาอีก”
ชางไป๋เฮ่อซัดกระบี่ออกไปอีกครา แต่จังหวะที่กระบี่เหลียวหยวนถูกซัดแล้วหมุนกลับมานั้น ก็ถูกคนผู้หนึ่งคว้าไว้ได้ หลินมู่อวี่ระเบิดเสียงดัง วิญญาณยุทธ์สีครามส่องประกายเรืองรอง กระดูกมังกรกำลังสั่นสะเทือน เถาวัลย์น้ำเต้างอกขึ้นจากกระดูกมังกร พุ่งโจมตีเข้าใส่ชางไป๋เฮ่อ นี่เป็นทักษะพันธนาการ
เงาคนผสานกับประกายของกระบี่ ปราณยุทธ์ของยอดฝีมือขอบเขตปราชญ์โจมตีจนชุดคลุมของเขากระพือ หลินมู่อวี่แทบจะใช้พลังทั้งหมดที่มีใส่เข้าไปในกระบี่ แก่นเพลิงมังกรไหลวนรอบกระบี่ ตัวเขาลอยอยู่กลางอากาศแล้วโจมตีลงมา กระบี่หมุนอย่างรวดเร็ว นี่คือการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว
เกลียวเพลิงมังกรคลั่ง!
ชางไป๋เฮ่อหรี่ตาลง เขารู้สึกได้ถึงความร้ายกาจของการโจมตีนี้ อดที่จะจิ๊ปากเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ใช้ได้เหมือนกันนี่ ที่แท้ก็มีฝีมืออยู่บ้าง มิน่าตาเฒ่าเหลยหงถึงให้ความสำคัญกับเจ้านัก!”
พูดจบ ชางไป๋เฮ่อพลันผสานกระบองเพลิงโลกันต์ให้กลายเป็นกลุ่มเปลวไฟขึ้นบริเวณหน้าอก ตะโกนเสียงดังออกมา “ทักษะควบคุมกระบี่ของเจ้าจะแทงทะลุโล่เพลิงโลกันต์ของข้าได้หรือไม่”
“เปรี้ยง!”
หลินมู่อวี่รวมพลังทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างใช้เกลียวเพลิงมังกรครั่งโจมตีใส่วิญญาณยุทธ์ของอีกฝ่าย เปลวเพลิงกระจายออกไปทั่ว จุดที่กระแทกถูกปราณยุทธ์เกิดเป็นคลื่นพลังทรงอานุภาพ รุนแรงถึงขั้นพัดต้นไม้ขนาดเล็กที่อยู่โดยรอบหลุดออกมาทั้งยวง ต้นไม้ใหญ่บางส่วนก็หักโค่นลงมา ฉินอินคุกเข่าพยุงตัวเองกับกระดูกมังกรอยู่ตรงนั้น ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น พระเนตรคู่งามมองแผ่นหลังของหลินมู่อวี่ที่สั่นคลอนอยู่ท่ามกลางลมพายุ เลือดไหลย้อมชุดคลุมสีขาวของวิหารศักดิ์สิทธิ์
“อาอวี่…”
น้ำตานางคลอเต็มเบ้า
เกลียวเพลิงมังกรคลั่งยังคงถูกกระแทกกลับมาเหมือนเดิม กระบี่เหลียวหยวนกระเด็นตกไปอยู่ในพุ่มหญ้าที่ห่างออกไปร้อยเมตร หลินมู่อวี่ไม่เหลือแรงที่จะใช้ธาตุอัสนีควบคุมกระบี่ให้บินกลับมาหาเขา
“ถึงขีดจำกัดของเจ้าแล้วหรือ”
ชางไป๋เฮ่อยิ้มเยาะ แล้วค่อยๆ เดินขึ้นไปข้างหน้า พร้อมยกมือขวาขึ้น นิ้วมือประกบเข้าหากันดั่งหัวลูกศร แทงเข้าที่หน้าอกของหลินมู่อวี่ ก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่น “ข้าให้เจ้าตายอย่างน่าสมเพชยิ่งกว่าจางเหว่ย ฮ่าๆ ไอ้เจ้าเด็กบ้า…”
นิ้วมือของชางไป๋เฮ่อทะลุเข้าไปในอกของหลินมู่อวี่ เลือดอุ่นๆ ไหลย้อยหยดลงบนกระดูกมังกรที่ขาวซีด แต่หลินมู่อวี่ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ที่เดิม
“ทำไมไม่หลบเสียล่ะ” ชางไป๋เฮ่อถามเยาะเย้ย
แววตาของหลินมู่อวี่เป็นประกายใส เพราะความเจ็บปวดน้ำเสียงจึงสั่น “องค์หญิงมาสุสานมังกรเพราะข้า หากเจ้าจะสังหารพระองค์ ก็ต้องฆ่าข้าเสียก่อน อย่าให้ข้าได้เห็นว่าพระองค์ต้องมาสิ้นพระชนม์เพราะข้า”