The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.125 หลอมทวนหลีฮวาใหม่
EP.125 หลอมทวนหลีฮวาใหม่
กลางดึก แสงไฟในห้องลับวูบไหว บรรยากาศขมุกขมัวไม่ชัดเจน พลังของติ่งหลอมอาวุธกำลังสำแดงอยู่ภายในห้อง หลินมู่อวี่หลับตาทั้งสองข้าง พลังของทักษะชีพจรวิญญาณส่งเป็นคลื่นออกมาทีละชั้นๆ รู้สึกได้ถึงพลังของกลิ่นอายละแวกนี้ที่ไม่แข็งแกร่ง เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง น่าจะเป็นคนรับใช้ ครั้งนี้เหลยหงมิได้มา “แอบดู” การฝึกของเขา
เขากางฝ่ามือออก แล้วพลังก็ค่อยๆ ถูกปล่อยออกมา ทวนหลีฮวาส่งเสียงดังวิ้งๆ มันช่างเป็นอาวุธที่ประหลาดนัก หลินมู่อวี่สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกจากด้ามทวน
ร่างของลู่ลู่ค่อยๆ บินออกมา นางยิ้มพร้อมพูดว่า “ว้าว นี่มันเหล็กเหมันต์พันปีนี่นา…”
“เหล็กเหมันต์พันปี?” หลินมู่อวี่แปลกใจ
ลู่ลู่พยักหน้า กระพือปีกโปร่งใสพร้อมพูดต่อ “เหล็กเหมันต์พันปี คือแร่เหล็กชนิดหนึ่งที่ก่อตัวอยู่ในเขตน้ำเย็นลึกมาหนึ่งพันปี หาได้ยากมากในโลกนี้ และเป็นเหล็กแปลกพิสดารที่พบเจอได้น้อยมาก ซึ่งประกอบด้วยพลังวิญญาณเยือกแข็งที่อยู่ในตัวของมันเอง พี่ชาย ทวนเล่มนี้เป็นของวิเศษโดยแท้ ถึงสัตว์วิญญาณในทวนจะอ่อนแอ แต่เหล็กที่ทำทวนกลับเป็นของที่หาได้ยากยิ่ง”
“เป็นอย่างที่คิด”
หลินมู่อวี่แอบดีใจ ทวนหลีฮวาอยู่ในมือของจ้าวจิ้นเป็นเพียงแค่อาวุธที่ใช้สังหารคนเท่านั้น จ้าวจิ้นไม่เคยรู้ถึงคุณค่าที่แท้จริงของทวนหลีฮวาเล่มนี้เลย หากใช้วิชาหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์ บวกกับศิลาวิญญาณที่ทรงพลังหลอมมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ทวนหลีฮวาก็จะสามารถเพิ่มระดับขึ้นมาได้อีกหลายขั้น และคืนนี้ก็จะเป็นคืนสำหรับการหลอมทวนหลีฮวาขึ้นมาใหม่!
สองแขนขยับเบาๆ ทวนหลีฮวาก็เข้าสู่เปลวเพลิงในติ่งหลอมอาวุธทันที เพลิงปฐพี—เพลิงชั้นที่สามลุกโชนขึ้นมา แต่ดูเหมือนกับจะไม่สามารถเผาไหม้ทวนยาวเล่มนี้ได้เร็วนัก ใช้เวลาเผาอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดทวนหลีฮวาทั้งเล่มก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง หลินมู่อวี่ไม่กล้าที่จะหลอมต่อ เพราะเกรงว่าไอวิญญาณที่เย็นเยียบของเหล็กเหมันต์พันปีจะหายไปหมด เขาจึงเร่งไฟปฐพีขึ้นและหลอมทวนอย่างรวดเร็ว ในวินาทีที่หลอมละลายนั้น วิญญาณของมังกรวารีตัวหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน!
“โฮก!”
หลินมู่อวี่อดที่จะยิ้มไม่ได้ นี่คือมังกรวารีอายุประมาณสามพันปี พละกำลังของมันจึงมีจำกัด ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย เขาก็ไม่จำเป็นต้องขยับตัว หลินมู่อวี่แค่คำรามเบาๆ ปราณยุทธ์ก็แผ่ออกมา เขาอาศัยแค่พลังลมจากปราณยุทธ์ก็พัดวิญญาณของมังกรวารีให้สลายหายไปได้ ในตอนนี้ ทวนหลีฮวาก็ได้กลายเป็นน้ำเหล็กที่ไม่มีวิญญาณสัตว์อยู่
“ซู่ ซู่…”
น้ำเหล็กสีแดงเพลิงกำลังไหลอยู่ภายในติ่งหลอมอาวุธ มันถูกหลอมครั้งแล้วครั้งเล่า ประกายสีแดงเพลิงประทุออกมาเป็นสาย ทำให้คุณภาพของทวนยิ่งบริสุทธ์มากขึ้น ในขณะเดียวกัน หลินมู่อวี่ก็หยิบศิลาวิญญาณของกิเลนน้ำแข็งอายุหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปีขึ้นมา แล้วใส่เข้าไปในติ่งหลอมอาวุธและเริ่มหลอมศิลาวิญญาณ หลอมวัตถุทั้งสองชนิดพร้อมกัน แต่เขาก็สามารถควบคุมพวกมันไว้ได้อย่างสมบูรณ์
ขั้นตอนการหลอมศิลาวิญญาณยิ่งนานกว่า เมื่อใช้เวลาไปเกือบสามชั่วโมง ในที่สุด ศิลาวิญญาณของกิเลนน้ำแข็งก็ค่อยๆ สั่นไหว เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังออกมาลางๆ และพลังวิญญาณก็เริ่มแผ่กระจายออกมาโดยรอบ พลังเย็นเยียบที่หนาแน่นสายหนึ่งปกคลุมทั่วทั้งห้องไว้ในฉับพลัน กระทั่งเตียงหินด้านข้างก็เริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็งส่งเสียงดัง “ซี่ ซี่” ไหสุราที่อยู่บนโต๊ะก็กลายเป็นน้ำแข็งและแตกออกดังโพละ
“โฮก!”
วิญญาณสัตว์แว้งกัด!
มันคือกิเลนน้ำแข็งที่ทรงพลังไม่ธรรมดาตัวหนึ่ง เป็นสัตว์วิญญาณที่โตเต็มวัย ร่างของมันเต็มไปด้วยเกล็ดสีน้ำเงิน ดวงตาสีน้ำเงินที่เย็นเยียบคู่นั้นก็เย็นชาไร้ความรู้สึก ในฉับพลันมันอ้าปากขนาดใหญ่จู่โจมใส่หลินมู่อวี่ แม้จะเป็นเพียงแค่วิญญาณสัตว์ แต่มันได้เผยความยิ่งใหญ่ของชาติกำเนิดออกมาให้ได้เห็นแล้วในนาทีนี้
“ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว!”
หลินมูอวี่ยิ้มน้อยๆ ยกมือขึ้นอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม กระบี่เหลียวหยวนที่เตรียมไว้แล้วด้านข้างเริ่มหมุนเป็นเกลียวด้วยความเร็วสูง มันมาพร้อมกับแก่นเพลิงมังกร ก่อนที่กิเลนน้ำแข็งจะเข้ามาใกล้ร่างของเขา กระบี่เหลียวหยวนก็พุ่งโจมตีออกไปใส่กลางลำตัวของมันอย่างหนักหน่วง พลังทะลุทะลวงของเกลียวเพลิงอัคคีนั้นรุนแรงยิ่ง แม้แต่เกล็ดของกิเลนน้ำแข็งก็ยังป้องกันเอาไว้ไม่อยู่ ในฉับพลันมันก็ถูกเจาะทะลุจนเป็นบาดแผลขนาดใหญ่ แต่มันยังคงคำรามไม่หยุดและพุ่งกระโจนเข้ามา
หลินมู่อวี่กัดฟันกรอด คิดไม่ถึงว่าวิญญาณสัตว์ในศิลาวิญญาณอายุหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปีจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เขารีบถอยร่น ยกหมัดซ้ายขึ้นพร้อมเคลื่อนพลังเจ็ดประทีป เขาแผดเสียงตะโกนลั่น “หนึ่งประทีบพิฆาตชีวัน!”
“เปรี้ยง!”
พลังวิญญาณของกิเลนน้ำแข็งถูกเขาจัดการจนกระเด็นเป็นเศษซาก แต่มันยังคงกางกรงเล็บตะปบใส่แขนซ้ายของหลินมู่อวี่จนเหลือรอยเล็บทิ้งไว้ น้ำแข็งเริ่มเกาะตัวอยู่บนรอยนั้นอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว ไอ้ระยำเอ้ย สัตว์วิญญาณอายุหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปีนี่ร้ายกาจอย่างกับสัตว์ประหลาด!
เขาสะบัดหมัดขวาเบาๆ พลังปีศาจสีแดงก็แผ่กระจายอยู่รอบกำปั้น ก่อนที่กิเลนน้ำแข็งจะกระโจนเข้ามาสังหารรอบสอง หมัดก็พุ่งตรงเข้าใส่หน้าอกของมัน ”สองประทีประบำปีศาจ!“
“ตูม!”
พลังโจมตีอันแข็งแกร่งที่ออกจากหมัด พุ่งโจมตีใส่หน้าอกของกิเลนน้ำแข็งจนเกิดเป็นรูกว้างขนาดใหญ่ พลังที่เหลือค้างพุ่งชนใส่ผนังด้านในของติ่งหลอมอาวุธ โชคดีที่มีติ่งหลอมอาวุธคุ้มกันไว้ มิเช่นนั้นการโจมตีของหลินมู่อวี่ครั้งนี้อาจจะเปลี่ยนห้องลับให้กลายเป็นซากปรักหักพังกองหนึ่งก็เป็นได้
“โฮกก…”
กิเลนน้ำแข็งคำรามแต่ไม่มีแรงที่จะต่อต้านอีกต่อไป ไฟหลอมเป็นเหมือนกับมังกรยักษ์ที่พันธนาการมันเอาไว้ มันถูกหลอมให้กลายเป็นพลังวิญญาณเข้าสู่น้ำเหล็กที่ได้จากการหลวมทวนหลีฮวาทีละนิดๆ ในพริบตานั้น น้ำเหล็กที่ร้อนฉ่าก็ดูเหมือนจะถูกทำให้เย็นขึ้นมากทีเดียว พลังน้ำแข็งบริสุทธ์ในร่างของกิเลนน้ำแข็งนี้ เป็นพลังความเย็นของจริง
แขนซ้ายเกิดความรู้สึกชา หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วแน่น การโจมตีของกิเลนน้ำแข็งนี้มีความอำมหิตอยู่บ้าง ความเย็นเริ่มซึมเข้าสู่ร่างกาย เขารีบโคจรปราณยุทธ์ไล่ความเย็นนี้ออกไป โชคดีที่พลังความร้อนในติ่งหลอมอาวุธนั้นเข้มข้นยิ่งนัก มิเช่นนั้นร่างกายครึ่งหนึ่งอาจจะหมดความรู้สึกไปแล้วก็เป็นได้
หลินมู่อวี่รักษาบาดแผลพลางหลอมทวนหลีฮวาไปด้วย ลู่ลู่ออกแบบรูปลักษณ์ของทวนหลีฮวาใหม่ ออกแบบส่วนหัวของทวนเป็นสามเหลี่ยม ให้ความรู้สึกถึงไอสังหารรุนแรง หลินมู่อวี่ค่อยๆ ปล่อยฌาณสัมผัสเข้าไปในติ่งหลอมอาวุธ หลอมส่วนหัวของทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ส่วนหัวนั้นกลายเป็นชั้นคมมีดที่ “แหลมคม”
แม้จะไม่เห็นถึงความแตกต่าง แต่ความจริงแล้วกลับมีคมมีดคมกริบที่ซ้อนทับกันกว่าหนึ่งร้อยชั้น คมมีดแต่ละชั้นทับซ้อนกัน ทำให้ลดความรุนแรงของพลังที่โจมตีเข้ามา และยิ่งทำให้หัวทวนเพิ่มความคงทนและแหลมคมขึ้นด้วย
ใช้เวลาขึ้นรูปอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดทวนหลีฮวาด้ามใหม่ก็เสร็จเรียบร้อย มันมีคุณสมบัติที่ดีกว่าของเก่ามาก แถมภายในทวนยังซ่อนเร้นกลิ่นอายของความเย็นไว้ด้วย เมื่อแสงของติ่งหลอมอาวุธจางหายไป ทวนหลีฮวาสีแดงเพลิงที่ร้อนฉ่าก็เย็นลงด้วยตัวของมันเอง วิญญาณกิเลนน้ำแข็งปรากฏขึ้นบนทวน ส่งเสียงคำราม ไอวิญญาณกลายเป็นเกล็ดหิมะปลิวละล่อง แล้วทวนหลีฮวาที่หนักอึ้งนี้ก็หล่นใส่มือของหลินมู่อวี่
ความเย็นเยียบหลายสายแทรกซึมเข้าฝ่ามือ หลินมู่อวี่รู้สึกได้ถึงวิญญาณกิเลนน้ำแข็งที่กำลังตอบสนองสัมผัสของเขาอยู่ เนื่องจากทวนเล่มนี้เขาเป็นผู้หลอมขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้ทวนหลีฮวาได้ถนัดมือยิ่งกว่าใคร กิเลนน้ำแข็งสามารถออมและปล่อยพลังได้ตามกำลังของหลินมู่อวี่ ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน
หลินมู่อวี่เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก หัวเราะพลางเอ่ยขึ้น “สำเร็จเสียที ลู่ลู่ ดูหน่อยซิว่าทวนหลีฮวาเล่มนี้อยู่ระดับไหนแล้ว”
ลู่ลู่กระพือปีก ค่อยๆ บินวนไปรอบไหล่เขา ใบหน้ายิ้มแย้ม “ตามบัญญัติระดับศาสตราวุธแห่งจักรวรรดิ ประสิทธิภาพการหลอมวิญญาณ ระดับความบริสุทธ์ของเหล็กเหมันต์ ความทนทานและระดับความคมของทวนหลีฮวาเล่มนี้ น่าจะเป็นระดับปราชญ์ขั้นที่หกเจ้าค่ะ!”
“ระดับปราชญ์ขั้นที่หก?” หลินมู่อวี่ยิ้มถาม “มันยอดเยี่ยมมากไหม”
ลู่ลู่หัวเราะคิกคัก “อาวุธศักดิ์สิทธิ์ในแผ่นดินแห่งนี้เดิมทีก็มีน้อยมากอยู่แล้ว รวมแล้วมีไม่เกินหนึ่งร้อยชิ้น พี่ชาย ท่านว่าทวนหลีฮวาเล่มนี้ยอดเยี่ยมไหมล่ะ”
“งั้นก็ยอดเยี่ยมทีเดียวเลยล่ะ” หลินมู่อวี่แอบดีใจ หากถือทวนหลีฮวาเล่มนี้ไปขายที่ร้านอาวุธละก็ ราคาจะต้องเกินหนึ่งแสนเหรียญทองอย่างแน่นอน เงินมันหาได้ง่ายแบบนี้นี่เอง แต่ดูเหมือนตัวเขาจะไม่ได้ต้องการเงินทองมากมายขนาดนั้น อีกอย่างเขาเข้าใจคำกล่าวที่ว่า ‘คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก’ ดังนั้นอย่าเพิ่งให้ทวนหลีฮวาปรากฏขึ้นบนโลกนี้จะดีกว่า
เขาจึงใช้ผ้าสีดำห่อคลุมทวนหลีฮวาและวางมันไว้ที่มุมหนึ่งของห้องลับ จากนั้นก็เริ่มทำการหลอมอาวุธให้กับฉู่เหยา
ศิลาวิญญาณหมวดน้ำแข็งอายุแปดพันปีกับเหล็กนิลพันปีในปริมาณที่เพียงพอ ต่างเป็นวัตถุดิบล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง ใช้เวลาในการหลอมเกือบสองชั่วโมงจึงสำเร็จ เขาออกแบบรูปลักษณ์ให้คล้ายคลึงกับทวนหลีฮวา ด้ามจับออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับดอกหลีฮวาที่กำลังผลิบาน มีร่องบนกระบี่สามร่อง สะบัดเบาๆ ก็จะเกิดเสียงกระบี่ที่ไพเราะน่าฟัง
“พี่ฉู่เหยาต้องชอบกระบี่ดอกหลีฮวาเล่มนี้อย่างแน่นอน!” เขาพูดอย่างเบิกบานใจ
ลู่ลู่ที่บินอยู่ด้านข้างหัวเราะออกมา “ระดับนิลขั้นที่สี่ พอๆ กับกระบี่เหลียวหยวนของพี่ชายเลย!”
“อือ”
เขาวางกระบี่ดอกหลีฮวาไว้ด้านข้าง เมื่อมองไปยังวัตถุดิบ ยังมีเหล็กนิลพันปีเหลืออยู่ไม่น้อย ส่วนศิลาวิญญาณก็มีเหลือตั้งแต่อายุสามพันถึงห้าพันปี ดังนั้นเขาจึงออกแบบวิธีการหลอม เนื่องจากการหลอมกระบี่ประหยัดวัตถุดิบที่สุด เขาจึงคิดจะหลอมกระบี่อย่างเดียว อีกอย่างกระบี่ก็เป็นอาวุธที่เป็นที่นิยมที่สุดในจักรวรรดิ ราคาขายก็สูงด้วย หากหลอมขวาน ดาบหรือทวนแล้วละก็ จะเป็นการสูญเปล่าโดยใช่เหตุ
งานทั้งหมดเสร็จสิ้นเอาก็เมื่อตอนฟ้าสาง เขาผลิตกระบี่ออกมาได้ทั้งหมดห้าเล่ม ตั้งชื่อตามรูปลักษณ์และคุณสมบัติของศิลาวิญญาณที่ใช้
หยกประกาย ระดับภูตขั้นที่หนึ่ง คุณลักษณะธาตุแสง
ห่านเหมันต์ ระดับภูตขั้นที่สอง คุณลักษณะธาตุน้ำแข็ง
คีตาสวรรค์ ระดับภูตขั้นที่สอง คุณลักษณะธาตุน้ำแข็ง
ตัดอัสนี ระดับภูตขั้นที่สอง คุณลักษณะธาตุสายฟ้า
ลมกรด ระดับภูตขั้นที่สาม คุณลักษณะธาตุลม
หลินมู่อวี่ใช้ผ้าสีดำห่อกระบี่เหล่านี้เอาไว้ แม้แต่ฝักกระบี่ก็ไม่ได้ตระเตรียม เขาตัดสินใจแล้วว่าจะทำตามสัญญา ขายกระบี่เหล่านี้ให้แก่ร้านประมูลของจินเสี่ยวถัง แถมตอนนี้เขาต้องการเงินจริงๆ หากเขาขายกระบี่เหล่านี้ให้วิหารในราคาถูก เกรงว่าคงจะไม่มีเงินไปจ่ายหนี้สามหมื่นเหรียญทองคืนจินเสี่ยวถังอย่างแน่นอน
เขารีบกินข้าวเช้า แล้วนำกระบี่ทั้งห้าเล่มห่อบรรจุวางในถุงย่ามตรงสะโพกม้า จากนั้นเขาก็ขึ้นม้า และใช้เสื้อคลุมชุดศึกสีขาวของวิหารคลุมปกปิดกระบี่เอาไว้ แล้วมุ่งหน้าสู่ร้านค้าแห่งจักรวรรดิด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม ถึงแม้กระบี่ทั้งห้าเล่มนี้จะไม่ใช่ของล้ำค่าหายาก แต่ก็ไม่ใช่อาวุธชั้นต่ำหรือชั้นดีที่แพร่หลายอยู่ในท้องตลาดจะเทียบได้ ต้องขายได้ราคาดีอย่างแน่นอน!