The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.277 มังกรน้อยเยียวยาจิตใจ
ฉินจิ้นเดินลงจากบัลลังก์อย่างเชื่องช้าโดยมีข้าหลวงสองนางคอยพยุงข้างกายขณะเดียวกันก็ไออย่างรุนแรง แทบดูไม่ออกเลยว่าชายชราผู้นี้และราชาผู้ส่องแสงจะเป็นคนเดียวกัน การตายของซูฉินหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเมืองหยาดสายัณห์ ซึ่งอาจทำผู้สนับสนุนฉินอินในภายภาคหน้าขาดหายไป นี่เป็นสิ่งที่ฉินจิ้นกังวลมาก
…
“เสี่ยวอิน เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” หลินมู่อวี่ก้าวไปด้านหน้าและมองไปที่ฉินอิน
ดวงตาคู่งามเปลี่ยนเป็นสีแดง ฉินอินกัดริ้มฝีปากแน่นก่อนจะกล่าวว่า “พี่อาอวี่ ท…ท่านลุงเสียชีวิตได้อย่างไร? เขาเป็นถึงแม่ทัพแห่งจักรวรรดิ…”
หลินมู่อวี่เงียบไปเล็กน้อยและกล่าวว่า “มีพบก็ต้องมีจาก เขาเพียงแค่สร้างความขุ่นเคืองแก่คนที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว”
“เซี่ยงอวี้?”
ดวงตาฉินอินเต็มไปด้วยจิตสังหาร “หากท่านลุงถูกเซี่ยงอวี้สังหารจริงๆ ข้าจะสาปแช่งให้เขาตายอย่างทรมาน!”
“อืม”
หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ “ข้าเห็นด้วย!”
ชวีฉู่ด้านข้างพลันกล่าวขึ้น “อาอวี่ องค์หญิงอินทรงมีอารมณ์ที่ไม่มั่นคง เจ้าควรอยู่เคียงข้างองค์หญิงในสองวันนี้ ข้าจะปกป้องฝ่าบาทอยู่ในตำหนักเจ๋อเทียนเอง เจ้ากับเสี่ยวอินออกไปนอกตำหนักและพักผ่อนเถิด”
“ขอรับผู้อาวุโสฉู่”
“อืม เช่นนั้นข้าไปล่ะ ให้พวกเจ้าทั้งสองอยู่กันตามลำพัง”
…
หลังจากชวีฉู่พูดจบ ฉินอินก็หน้าแดงก่ำขณะเงยหน้ามองหลินมู่อวี่ ทว่าจากนั้นก็กัดริมฝีปากแน่นอีกครั้งเมื่อนึกถึงการตายที่น่าเศร้าของซูฉิน เสี่ยวอินพลันพูดขึ้น “พี่อาอวี่ สองวันนี้พวกเราจะไปลานล่าสัตว์ส่วนพระองค์ใช่หรือไม่?”
“อืม เจ้าต้องการออกเดินทางเวลาไหน?”
“ข้าจะออกไปช่วงบ่ายเจ้าค่ะ”
“ตกลง ข้าจะไปเตรียมตัว”
“เจ้าค่ะ ข้าจะรอที่โถงตำหนักเจ๋อเทียนตอนเที่ยง และจะส่งคนไปรับเสี่ยวซีเพื่อไปที่นั่นด้วยกัน”
“ได้สิ!”
เมื่อหลินมู่อวี่หันกลับมาก็เห็นฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนประสานหมัดพร้อมพูดว่า “แม่ทัพคนสุดท้ายฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนน้อมรับคำบัญชาแม่ทัพหลินขอรับ!”
แม้ว่าฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนจะเป็นองครักษณ์มังกร แต่เขาเป็นแม่ทัพระดับห้าซึ่งยศต่ำกว่าหลินมู่อวี่หนึ่งระดับ ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนจึงพูดอย่างเคารพ
หลินมู่อวี่ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงตอบไปว่า “พี่ฉู่ องค์หญิงอินจะออกไปล่าสัตว์และจำเป็นต้องมีคนอารักขา ทหารที่พี่สั่งการได้ขณะนี้มีเท่าใดหรือ?”
“ทหารอวี้หลินราวสองพันนาย”
“ตกลง นำพวกเขามาทั้งหมด”
“อื้ม!”
หลินมู่อวี่ครุ่นคิดสักครู่ เมื่อออกจากประตูก็พบองครักษ์อินทรี เขาจึงสั่งว่า “กลับไปที่ค่ายรังอินทรีทันที และสั่งเว่ยโฉวให้นำองครักษ์อินทรีห้าสิบนายมาที่ตำหนักเจ๋อเทียนพร้อมนำศรเศวตรมณีมาให้เพียงพอ”
“ขอรับท่านแม่ทัพ!”
หลังจากสั่งการทั้งหมด หลินมู่อวี่ก็ครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะขี่ม้ากลับวิหาร เนื่องจากพวกเขาจะออกไปล่าสัตว์ หลินมู่อวี่จึงต้องการนำมังกรน้อยไปด้วย มังกรน้อยน่ารักคงทำให้ฉินอินอารมณ์ดีขึ้น และสิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือมังกรผลึกโลหิตจำเป็นต้องเติบโต ตามบทที่สี่ ‘บทผสมพันธุ์’ ของตำราทักษะเชื่อมจิต ตราบใดที่สัตว์เลี้ยงแข็งแกร่งมากพอ มันจะสามารถเร่งการเติบโตได้โดยการกินสัตว์วิญญาณอื่นๆ นี่จึงเป็นโอกาสดี หลินมู่อวี่ไม่ต้องการรอจนแก่เฒ่ากระทั่งมังกรผลึกโลหิตโตเต็มวัย เช่นนั้นคงไม่มีประโยชน์อันใดนอกจากต้องขายมัน
เมื่อกลับมาถึงวิหาร หลินมู่อวี่ก็รายงานเหล่ยหง จากนั้นก็ห่อหุ้มร่างของมังกรน้อยด้วยผ้าสีดำไว้บนหลังม้าและออกคำสั่งไม่ให้มันขยับเขยื้อน แม้มังกรผลึกโลหิตจะซน แต่มันก็เชื่อฟังมาก หลังนอนนิ่งในถุงผ้าไม่นานก็มีเสียงกรนดังขึ้นแผ่วเบา มันหลับไปแล้ว!
หลินมู่อวี่ขี่ม้ามาที่ตำหนักเจ๋อเทียนอีกครั้ง หลังรับประทานอาหารอย่างเร่งรีบ พวกเขาก็ออกเดินไปยังลานล่าสัตว์ส่วนพระองค์
ลานล่าสัตว์ส่วนพระองค์ตั้งอยู่ในป่าล่ามังกร สัตว์วิญญาณส่วนใหญ่ในพื้นที่มีอายุน้อยกว่าสามพันปีและได้รับการปกป้องโดยพลธนู เมื่อใดที่สัตว์วิญญาณพยายามหลบหนี ทหารเหล่านี้จะใช้คบเพลิงและธนูข่มขู่ ไม่ว่าคนเหล่านี้จะแข็งแกร่งเพียงใด สัตว์วิญญาณจะหวาดกลัวและล่าถอยเสมอ แทบไม่ต้องพูดถึงว่าพวกมันเป็นเพียงสัตว์วิญญาณอายุไม่กี่พันปี
…
จากนั้นกองทหารกว่าสองพันนายก็ออกจากเมืองหลวงขณะที่ฉินอินและถังเสี่ยวซีนั่งอยู่ในรถม้า หลินมู่อวี่ชักกระบี่ออกมาอารักขาอยู่ด้านข้าง เช่นเดียวกับฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง พวกเว่ยโฉว และเซี้ยโหวซางเดินตามมาติดๆ พร้อมทั้งกลุ่มพลธนูฝีมือดีที่เว่ยโฉวนำมา การเคลื่อนไหวบนหลังม้าทำให้ศรเศวตรมณีส่องแสงแพรวพราว
เหตุผลที่หลินมู่อวี่นำพลทหารเหล่านี้มาคุ้มกันฉินอินเนื่องจากพลังของศรเศวตรมณี มันสามารถจู่โจมศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อผนึกกำลังกับหลินมู่อวี่และฉู๋ฮว๋ายเหมี่ยน แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งอย่าเจิงอี้ฝานก็อาจต้องยอมจำนนต่อผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้ อีกทั้งศรเศวตรมณีสามารถทะลวงเกราะปราณยุทธ์ได้ และเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับขอบเขตปราชญ์!
เมื่อมาถึงลานล่าสัตว์ส่วนพระองค์ก็เป็นเวลาพลบค่ำ การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นโดยไม่มีอุปสรรคใด
ค่ำคืนนั้นฉินอินและถังเสี่ยวซีถูกจัดให้พักในตำหนักของลานล่าสัตว์ แม้ว่าจะเรียกตำหนัก ทว่าแท้จริงแล้วเป็นเพียงปราสาทขนาดเล็ก กองทัพจักรวรรดิตั้งค่ายพักล้อมรอบตำหนัก เดิมทีตำหนักนี้มีผู้คุ้มกันอยู่แล้วสามร้อยนาย ตอนนี้จึงมีพลทหารทั้งสิ้นสองพันสี่ร้อยนายซึ่งมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น
เมื่อหลินมู่อวี่อารักขาฉินอินและถังเสี่ยวซีเข้ามาในตำหนัก ผู้ดูแลตำหนักก็เข้ามาคารวะพร้อมคุกเข่าลงกับพื้น “กระหม่อมโจวถงถวายบังคมองค์หญิงอิน องค์หญิงซี และขอคารวะแม่ทัพหลิน แม่ทัพฉู่”
ฉินอินโบกมือ “อย่ามากพิธีไป ลุกขึ้นเถิด”
โจวถงรีบลุกขึ้นยืนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตำหนักซินเหวินอยู่ในบริเวณลานล่าสัตว์ส่วนพระองค์ กระหม่อมได้สั่งให้คนรับใช้เตรียมอาหารค่ำเลิศรสไว้แล้ว องค์หญิงอินทรงพักผ่อนและเสวยพระกระยาหารพ่ะย่ะค่ะ”
“ขอบคุณ”
ฉินอินไม่รู้สึกอยากอาหารมากนัก นางจับมือเสี่ยวซีและพูดว่า “ท่านโจวถงจัดห้องให้พวกเราด้วย ข้าจะนอนกับเสี่ยวซีคืนนี้”
“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง!”
…
ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน เว่ยโฉว และคนอื่นๆ เฝ้าอยู่ที่ทางเดิน ขณะที่หลินมู่อวี่แบกถุงสีดำไว้ที่ด้านหลังซึ่งมีมังกรน้อยหลับใหลอยู่และเดินตามเสี่ยวอินและเสี่ยวซีไปที่ห้อง เขาสั่งการทหารอวี้หลินให้อารักขาอย่างแน่นหนาเพื่อความปลอดภัยขององค์หญิงทั้งสอง
ฉินอินดูเป็นกังวลและไม่พูดสิ่งใดมากนัก กระทั่งเข้ามาในห้องหมาป่าวาโยสีทองสัตว์เลี้ยงของฉินอินก็จ้องมองไปยังถุงสีดำด้านหลังหลินมู่อวี่ ‘กี้…’ มังกรน้อยด้านในขยับตัวเล็กน้อย ทำให้หมาป่าวาโยรีบถอยหลังไปหลายก้าวพร้อมหางที่ตกลงอย่างหวาดกลัวพร้อมส่งเสียงคราง ‘หงิง’
“เจ้าหมาป่าน้อยเป็นอะไรไปหรือ?”
ฉินอินรู้สึกงงเล็กน้อยขณะที่ขมวดคิ้ว “พี่อาวี่ มีสิ่งใดในถุงด้านหลังพี่หรือ เหตุใดหมาป่าน้อยของข้าจึงดูหวาดกลัวเช่นนี้?”
ถังเสี่ยวซีนั่งลงบนเตียงและเผยยิ้ม “ใช่ มู่มู่ เจ้านำของลึกลับอะไรมาด้วย?”
หลินมู่อวี่เผยยิ้มขณะที่กอดอกอยู่ข้างกำแพง “ข้าไปที่การประมูลสัตว์วิญญาณของร้านค้าแห่งจักรวรรดิเมื่อสองวันก่อน และข้าได้ซื้อไข่มังกรมา”
“การประมูลสัตว์วิญญาณ?”
ถังเสี่ยวซีหน้ามุ่ย “นั่นมันเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น ขุนนางมากมายในเมืองหลันเยี่ยนต่างก็เลี้ยงสัตว์วิญญาณ แต่ท้ายที่สุดเหล่าสัตว์วิญญาณก็หนีหายไป หรือไม่เจ้าของก็ถูกจับกิน มู่มู่ เจ้าเป็นคนฉลาด เหตุใดจึงซื้อของหลอกลวงเช่นนั้น…”
หลินมู่อวี่ผายมือออกและยิ้ม “ทว่าข้าก็ซื้อมาแล้ว…อีกทั้งไข่มังกรก็ฟักออกมาเมื่อเช้านี้…”
“ฮะ จริงหรือ?” ถังเสี่ยวซีตกใจ
ฉินอินอ้าปากกว้างขณะที่ดวงตาคู่งามจ้องมองไปที่หลินมู่อวี่ “พี่อาอวี่มิได้โกหกข้าและเสี่ยวซีใช่หรือไม่?”
“ข้าจะโกหกไปเพื่อสิ่งใด?”
หลินมู่อวี่ยิ้มและพูดขึ้น “มังกรน้อย ออกมาเจอพี่สาวทั้งสองเร็ว!”
‘กี้…’
เสียงร้องของมังกรน้อยดังขึ้นจากถุงผ้าพร้อมสะบัดไปมา ทว่ามันไม่สามารถหาทางออกมาได้จึงส่งเสียงกรีดร้องออกมา ‘กี้ กี้!’
ถังเสี่ยวซียิ้ม “อะไรน่ะ?”
หลินมู่อวี่เขย่าถุงผ้า ทันใดนั้นมังกรผลึกโลหิตก็ตกลงมาบนพรมพร้อมส่งเสียงครวญคราง มันหันกลับและวิ่งไปกอดขาหลินมู่อวี่ทันที ดูเหมือนว่ามันจะกลัวมากขณะที่หางซึ่งห่อหุ้มด้วยเกล็ดผลึกสีแดงกวัดแกว่งไปมาบนพรมอย่างซุกซนปนความหวาดกลัว
ฉินอินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “โอ้ น่ารักจัง…ลูกสุนัขหรือ?”
“มันเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ลูกสุนัข…”
หลินมู่อวี่เอื้อมมือไปจับหางของมังกรผลึกโลหิตแล้วยกขึ้นมาขณะที่เดินไปหาเสี่ยวอินและถังเสี่ยวซี ก่อนจะพูดว่า “อย่าอายสิ ตอนนี้เจ้าอยู่ต่อหน้าสองสาวที่งดงามที่สุดในเมืองหลันเยี่ยน!”
ไม่มีใครคาดคิดว่ามังกรน้อยจะเรอออกมากะทันหัน มันอ้าปากกว้างพร้อมพ่นเปลวไฟขนาดเล็กออกมา จากนั้นตากลมโตของมังกรน้อยก็จับจ้องไปยังฉินอินและถังเสี่ยวซี ขณะที่อุ้งเท้าเล็กๆ ของมันกวัดแกว่งราวกับกำลังจะโผลเข้ากอดทั้งสอง
เป็นธรรมชาติของเด็กสาวเมื่อเห็นสิ่งของน่ารัก หัวใจของฉินอินและเสี่ยวซีดูเหมือนจะละลายทันที พวกนางพลันคว้ามังกรผลึกโลหิตจากมือหลินมู่อวี่มาวางไว้บนตักฉินอิน ฉินอินพลันเงยหน้าอย่างนึกตำหนิ “พี่อาอวี่ หากนี่เป็นมังกรผลึกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ในตำนานจริง เช่นนั้นเจ้าเลี้ยงมันราวกับสุนัขได้อย่างไร…”
หลินมู่อวี่หัวเราะ “มันแทบจะเหมือนกับลูกสุนัขเลย!”
ขณะเดียวกันมังกรผลึกโลหิตได้กางอุ้งเท้าหน้าโอบรัดข้อมือฉินอินพร้อมแลบลิ้นเลียนิ้วชี้ของเสี่ยวซี มังกรน้อยเบิกตากลมโตจ้องมองสาวงามทั้งสองอย่างมีความสุข
“มันน่ารักมาก…”
ฉินอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่อาอวี่ ให้ข้าเล่นกับมันสักสองสามวันได้หรือไม่?”
“ได้สิ!”
หลินมู่อวี่กอดอกและยิ้ม “สองวันนี้ข้าจะอยู่กับเจ้าและเสี่ยวอินตลอดเวลา เล่นกับมันเท่าที่ต้องการเถิด จริงสิเสี่ยวอิน สอนทักษะเชื่อมจิตให้แก่เสี่ยวอินเมื่อมีโอกาสด้วย เสี่ยวซีจะได้มีสัตว์วิญญาณเป็นของตนเอง”
“อื้ม ข้าสอนเสี่ยวซีแล้ว!”
“ดี เรื่องเกี่ยวกับมังกรผลึกโลหิตตัวนี้จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ เพราะหากมีผู้อื่นรู้เข้าอาจเกิดปัญหามากมายตามมา”
“ข้ารู้”
“อืม พักผ่อนสักเล็กน้อยเถิด จากนั้นไปรับประทานอาหารกัน”
“ตกลง”
หลินมู่อวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คืนนี้พักผ่อนให้เพียงพอแล้วพามังกรน้อยออกไปล่าสัตว์วันรุ่งขึ้น จริงสิ ยังไม่ได้ตั้งชื่อให้มันเลย”
“อืม เจ้าต้องการให้ข้าและเสี่ยวอินตั้งชื่อดีๆ ให้หรือไม่?”
“หากพวกเจ้ายินดี”
หลินมู่อวี่มิได้สนใจมากนัก ภารกิจหลักครานี้คือการพาฉินอินออกมาผ่อนคลาย หากมังกรน้อยสามารถทำให้เสี่ยวอินมีความสุขได้ มันก็ไม่สำคัญแม้จะเรียกมังกรน้อยด้วยชื่อแสนตลก