The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - Ep.302 ความสุขของข้าคือการได้อยู่กับพวกเจ้า
- Home
- The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา
- Ep.302 ความสุขของข้าคือการได้อยู่กับพวกเจ้า
Ep.302 ความสุขของข้าคือการได้อยู่กับพวกเจ้า
ช่วงเช้ายามแสงแดดยังไม่ร้อนมาก หลินมู่อวี่เดินทางออกจากสุสานมังกรและพบม้าศึกตัวหนึ่งอยู่นอกสุสาน ดูเหมือนถังห่าวจะทิ้งม้าตัวนี้ไว้ให้ถังเสี่ยวซี หลินมู่อวี่ดีใจมาก อันที่จริง…ถังห่าวนั้นเป็นคนดีเพียงแต่ติดตามคนผิดเท่านั้น หากเขายังตามถังปินต่อไปคงไม่แคล้วถูกเปลี่ยนนิสัย โชคดีที่ตนสังหารถังปินไปเสียก่อน…มิเช่นนั้นคนมีคนต้องตายอีกมาก
หลังจากขึ้นม้าแล้วหลินมู่อวี่ก็เอื้อมมือดึงถังเสี่ยซีขึ้นนั่งด้านหน้าตน ทว่าหางเพลิงทั้งเก้านั้นเกะกะเป็นอย่างมาก ถังเสี่ยวซีผู้ชาญฉลาดจึงใช้หางของตนพันรอบตัวม้าไว้ เพื่อไม่ให้บังคับม้าลำบาก นางจึงต้องนั่งหันข้างพิงหลินมู่อวี่และเกาะเอวเขาไว้
หลินมู่อวี่ดึงม้วนแผนที่ออกมาดูพลางใช้พระอาทิตย์เป็นตัวบอกทิศก่อนจะควบม้าไป เนื่องจากม้าศึกตัวนี้กินหญ้าในป่ามาทั้งคืน ทำให้มันมีแรงมากพอจะวิ่งไปจนถึงเมืองหลันเยี่ยนได้ หากไม่รีบเข้า…ฉินจิ้น ฉินอิน และคนอื่นๆ ต้องเป็นห่วงอย่างมากแน่
ซึ่งหลินมู่อวี่ไม่รู้ว่าหลังจากที่เขาออกจากเมือง ฉินอิน ชวีฉู เจิ้งอี้ฝานและคนอื่นๆ ก็เข้าป่าล่ามังกรเพื่อตามหาถังเสี่ยวซีเช่นกัน
…
หลังออกเดินทางได้ไม่นาน ทันใดนั้นทักษะชีพจรวิญญาณของหลินมู่อวี่ก็สัมผัสได้ถึงกลุ่มรัศมีพลังที่แข็งแกร่งได้ ด้วยความหวั่นเกรงหลินมู่อวี่จึงรีบหันหัวม้าเพื่อวิ่งเข้าป่า แต่ไม่ทันการ…เมื่อฝูงม้านั้นวิ่งตรงมาพลางตะโกนลั่น “เจ้าเด็กตรงนั้น อย่าหนี! ข้าเห็นเจ้าแล้ว!”
สังเกตจากสัญลักษณ์บนบ่าของคนกลุ่มนั้นก็พบว่าเป็นคนจากค่ายเสินเวย ด้านหลังมีกลุ่มม้าเหล็กตามมาโดยมีเจิ้งอี้ฝานอยู่ในนั้นด้วย
หลินมู่อวี่นึกเจ็บใจ ออกจากสุสานมังกรได้ไม่ทันไรก็ต้องมาปะทะกับกองทัพเสินเวย
เจิ้งอี้ฝานควบม้าหมายตามายังหลินมู่อวี่และถังเสี่ยวซี พลางมองไปยังหูและหางจิ้งจอกของนาง เจิ้งอี้ฝานยิ้มมุมปากและเอ่ยขึ้น “ข้าคิดว่าปีศาจจิ้งจอกเก้าหางจะเป็นเพียงตำนานเสียอีก ดูเหมือนว่ามันจะมีอยู่จริงสินะ…องค์หญิงซี ท่านยังเป็นองค์หญิงซีอยู่หรือเปล่า?”
ถังเสี่ยวซีผละออกจากอ้อมแขนหลินมู่อวี่และกระโดดลงจากม้า ฝ่าเท้าขาวลอยอยู่เหนือพื้นด้วยเปลวเพลิง หางยาวโบกสะบัดอยู่ด้านหลัง นางคำนับด้วยการถอนสายบัวแบบเจ้าหญิง “ยินดีที่ได้พบท่านเสินโหว ถังเสี่ยวซีขอคารวะเจ้าค่ะ!”
เจิ้งอี้ฝานรีบหยุดม้าก่อนจะกระโดดลงจะประสานกำปั้นคำนับ “เจิ้งอี้ฝานยินดีที่ได้พบองค์หญิงซี!”
สี่กงหนานที่อยู่ด้านข้างกระชับด้ามดาบไว้ในมือ คนของเสินโหวพร้อมเปิดศึกตลอดเวลา…ช่างหยิ่งผยองนัก แม้เจิ้งอี้ฝานจะดูเป็นชายน่ายำเกรง ทว่าเบื้องหลังของทัพเสินเวยคือตัวตนของเขาใช่หรือไม่?
หลินมู่อวี่ดึงกระบี่วิญญาณมังกรจากด้านหลังมาไว้ที่เอวเพื่อง่ายต่อการชักออกมา หลินมู่อวี่คำนับ “ข้าไม่คิดว่าท่านเสินโหวจะตามมาถึงป่าล่ามังกรด้วย”
เจิ้งอี้ฝานกล่าว “เป็นเพราะความห่วงใยขององค์จักรพรรดิที่มีต่อองค์หญิงซี ข้าคงมิบังอาจขัดพระองค์ได้ เพราะสิ่งที่ข้าใฝ่ฝันคือการได้เฝ้ารับใช้จักรพรรดิจนกว่าพระองค์จะตายนั่นล่ะ!”
“สิ่งที่ใฝ่ฝันอย่างนั้นรึ”
หลินมู่อวี่หัวเราะก่อนจะกล่าวอย่างนับถือ “ข้าเจอองค์หญิงซีแล้ว ท่านเสินโหวกลับไปเสียเถิด ข้าจะพานางกลับเมืองหลันเยี่ยนอย่างปลอดภัยเอง”
“หามิได้ ไหนๆ ข้าก็มาถึงที่นี่แล้ว…เหตุใดจึงไม่ให้เราช่วยคุ้มกันและกลับเมืองไปพร้อมกันเล่า?” เจิ้งอีฝานกล่าวต่อ “ยิ่งมีคนมากเท่าไรก็ยิ่งปลอดภัย”
ปลอดภัยกับผีน่ะสิ!
หลินมู่อวี่สบถในใจ เพราะไม่สามารถปฏิเสธคำของเจิ้งอี้ฝานได้ การเดินทางร่วมกับชายผู้นี้คือสิง่ที่อันตรายที่สุด!
ทันใดนั้นสี่กงหนานก็เอ่ยขึ้น “แม่ทัพหลินมู่อวี่ ข้านึกสงสัยว่าท่านได้เจอกับท่านอ๋องถังปินแห่งชีไห่บ้างหรือไม่?”
“ถังปินรึ?”
หลินมู่อวี่รีบส่ายหน้าและตอบอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่เจอ!”
หลินมู่อวี่ขบคิด หากเจิ้งอี้ฝานรู้ว่าตนฆ่าถังปิน เรื่องนี้ต้องถูกนำไปใช้เป็นข้ออ้างในการสังหารตนกับเสี่ยวซีที่นี่ และช่วยเปิดทางให้ถังเหลียนเป็นแน่
ถังเสี่ยวซีก้มคำนับพลางเอ่ยยิ้ม “ท่านเสินโหว…ข้ามีเรื่องอยากจะรบกวน ไม่ทราบว่าท่านพอจะทำตามคำขอข้าได้หรือไม่?”
เจิ้งอี้ฝานหัวเราะ “องค์หญิงซีโปรดเอ่ยมาเถิดขอรับ”
ดวงตาสีทองของถังเสี่ยวซีกะพริบก่อนจะกล่าว “ชาวหลันเยี่ยนต่างรู้ดีว่าเสี่ยวซีนั้นพึงใจกับหลินมู่อวี่บุตรบุญธรรมขององค์จักรพรรดิ ทำให้ข้าเป็นที่จับตามองแล้วอยู่ลำพังกับมู่มู่ไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงหวังว่าท่านเสินโหวจะกรุณาให้ข้ากับมู่มู่กลับเมืองกันสองคน เราจะได้มีเวลาเดินทางสองต่อสองด้วยความรัก…”
ถังเสี่ยวซีหน้าแดง แม้นางจะพูดปด ทว่าก็ยังเขินอายราวเด็กสาวเพิ่งมีความรัก
เจิ้งอี้ฝานชะงัก ด้วยไม่คิดว่าถังเสี่ยวซีจะกล้าพูดอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ เขาได้แต่ถอนหายใจให้กับความเปิดเผยของหญิงสาวในแผ่นดินนี้
เจิ้งอี้ฝานขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู้หนึ่งก่อนจะตอบ “ในป่าล่ามังกรมีภยันตรายมากมาย ซึ่งความปลอดภัยขององค์หญิงต้องมาก่อน หากเราไปด้วยกัน แม้ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์วิญญาณหมื่นปีก็คงหายห่วง ท่านคิดว่าอย่างไร?”
“ท่านเสินโหวกังขาในพลังของเสี่ยวซีหรือ?”
ถังเสี่ยวซีหัวเราะพลางยกฝ่ามือที่เปล่งแสงสีทองพร้อมกับเปลวเพลิงเข้าห่อหุ้มทั้งร่าง เพียงพริบตาผนึกวิญญาณก็พุ่งไปในอากาศก่อนจะชนเข้ากับก่อนหินสูงหลายเมตรที่อยู่ไม่ไกล “ตูม!” หินแกร่งแหลกเป็นผุยผงทันที! คลื่นกระแทกของมันซัดต้นไม้รอบบริเวณปลิวหาย พลังทำลายล้างอันมหาศาลทำให้สี่กงหนานและคนอื่นๆ ถึงกับตกตะลึง ทุกคนต่างรู้ดีว่าพลังยุทธ์ของถังเสี่ยวซีนั้นไม่ธรรมดา ทว่าเช่นนี้มันก็มากเกินไปมิใช่หรือ!?
ความรุนแรงนี้ไม่ด้อยไปกว่าพลังระดับปราชญ์เลย!
“ท่านเสินโหวยังคิดว่าข้าปกป้องตนเองไม่ได้อยู่หรือไม่?” ถังเสี่ยวซียิ้มเยาะ
เจิ้งอี้ฝานตกตะลึงอย่างมากทว่ายังสงวนท่าทีไว้อยู่ รู้ดีว่าจิ้งจอกเก้าหางนั้นเป็นปีศาจ…ในตอนนี้เข้าใจแล้วว่ามันแข็งแกร่งเพียงใด มันทำให้พลังยุทธ์ถังเสี่ยวซีข้ามขั้นไปอยู่ขอบเขตนภาได้ทันที ช่างเป็นพลังที่ก้าวกระโดดยิ่งนัก!
ระหว่างที่เจิ้งอี้ฝานกำลังขบคิดว่าจะเกลี้ยกล่อมถังเสี่ยวซีกับหลินมู่อวี่อย่างไรดี ก็มีกลุ่มคนควบม้ามาจากทางเหนือ เป็นสัมผัสที่คุ้นเคยอย่างมาก
หลินมู่อวี่หันไปมองก่อนจะพบว่ากลุ่มคนที่คุ้นเคยเบื้องหน้าตนนั้นคือฉินอิน!
เมื่อเห็นชวีฉูที่อยู่ถัดจากฉินอิน หลินมู่อวี่ก็รู้สึกโล่งใจทันที ตราบที่ยังมีชวีฉูอยู่…เปรียบเสมือนมีฝ่ามือเพลิงคอยโอบอุ้มคุ้มครองไว้ เจิ้งอี้ฝานไม่มีโอกาสเอาชนะได้อย่างแน่นอน ซึ่งหลินมู่อวี่คิดว่าควรกำจัดเจิ้งอี้ฝานเสียที่นี่เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต แม้เฟิงจี้สิงจะเห็นพ้องทว่าก็เป็นความคิดที่บ้าบิ่นเกินไป อีกทั้งชวีฉูผู้ซื่อสัตย์ของไม่เอาด้วยเป็นแน่
“เสี่ยวซี!” ฉินอินกระโดดลงจากม้าด้วยความตื้นตันอย่างยิ่ง
“เสี่ยวอิน!” ถังเสี่ยวซีเองก็มีความสุขมาก
ทั้งสองโผเข้าหากันทันใด ฉินอินกอดถังเสี่ยวซีสหายรักไว้แน่น ขณะที่ถังเสี่ยวซีสะบัดหางทั้งเก้าไปมาด้วยความปีติกระทั่งทั้งคู่ล้มลงไปกับพื้น
…
หลินมู่อวี่ปล่อยมือจากด้ามกระบี่พลางคำนับ “ในเมื่อองค์หญิงอิน ผู้เฒ่าชวีและเฟิงจี้สิงมาถึงแล้ว ความปลอดภันของเสี่ยวซีคงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ขอบพระคุณท่านเสินโหวที่เป็นห่วง ทว่าพวกเราจะเดินทางกลับเมืองหลันเยี่ยนด้วยกัน ส่วนท่านก็จงระมัดระวังอันตรายระหว่างทางกลับนะขอรับ หากขุนนางแห่งจักรวรรดิเป็นอะไรขึ้นมาคงไม่ดีแน่”
เจิ้งอี้ฝานทำหน้าถมึงทึงก่อนจะคำนับ “เช่นนั้นข้ากับกองทัพเสินเวยคงต้องขอตัวกลับเมืองหลวงก่อน ขอทั้งสองพระองค์จงรักษาพระวรกายด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินอินยิ้มคลี่ยิ้มพลางก้มหัวให้ “ข้าคงไม่ได้ไปส่งนะเจ้าคะ”
กองทัพเสินเวยหลายร้อยนายหันหัวม้ากลับเมืองหลวงตามคำสั่ง พวกนั้นคงไม่คาดคิดว่าผลจะลงเอยเช่นนี้
…
สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านมาพร้อมกับความพ่ายแพ้ของเจิ้งอี้ฝาน สี่กงหนานเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีไม่พอใจอย่างมาก “ท่านเสินโหว เราจะกลับไปมือเปล่าเยี่ยงนี้หรือขอรับ?”
“เราหาได้กลับไปมือเปล่าไม่”
เจิ้งอี้ฝานยิ้มมุมปาก “ข้าได้เห็นความพยาบาทของถังปินที่มีต่อถังเสี่ยวซีมานาน หากหลินมู่อวี่คิดปกป้องนาง จะต้องเกิดการต่อสู้อันดุเดือดขึ้นแน่ ด้วยเหตุนั้น…หากถังปินฆ่าหลินมู่อวี่ องค์จักรพรรดิต้องทรงกริ้วและสั่งเคลื่อนทัพบุกเมืองชีไห่แน่นอน เช่นเดียวกันหากหลินมู่อวี่ฆ่าถังปิน…ถังหลานก็คงโกรธแค้นเมืองหลวงอย่างมาก ไม่ว่าจะทางไหนก็ดีต่อเราทั้งสิ้น แล้วยิ่งหากถังหลานรู้ว่าถังเสี่ยวซีกลายร่างเป็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหางด้วยแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างหลันเยี่ยนและชีไห่คงถึงจุดแตกหัก ข้ารอคอยวันนั้นอยู่เชียว”
สี่กงหนานตาลุกโชน “ท่านเสินโหวทรงปราดเปรื่องยิ่ง ข้าคิดไม่ถึงเลยสักนิด!”
เจิ้งอี้ฝานมองอย่างดูแคลน “ไม่ เป็นเพราะเจ้าเอาแต่คิดและไม่รู้จักลงมือทำเสียมากกว่า”
สี่กงหนาถึงกับพูดไม่ออก
…
ณ ป่าด้านนอกสุสานมังกร ถังเสี่ยวซีและฉินอินควบม้าไปด้วยกัน หลังจากกังวลมาหลายวันในที่สุดก็ยิ้มออกเสียที นางมองตาคู่สีทองและหางเพลิงของถังเสี่ยวซีด้วยท่าทีริษยาเล็กน้อยก่อนจะกล่าวด้วยหน้าตาบูดบึ้ง “ตาเจ้าสวยมากเลยเสี่ยวซี…”
“จริงหรือ?”
ถังเสี่ยวซีกล่าวอย่างไม่เต็มใจ “ข้าว่ามันน่ากลัวมากกว่า!”
“ข้าไม่กลัว”
ฉินอินยิ้ม “ท่านพี่ก็ไม่กลัว…ใช่หรือไม่?”
“อืม เสี่ยวซีก็คือเสี่ยวซี มีสิ่งใดให้กลัวหรือ?” หลินมู่อวี่ยิ้มตอบ
เฟิงจี้สิงที่อยู่ด้านข้างยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย “และอาอวี่คงชอบเสี่ยวซีที่น่ารักเป็นพิเศษแบบนี้มากกว่าใช่หรือไม่?”
หลินมู่อวี่หน้าแดงระเรื่อ “ท่านพี่เฟิง อย่าพูดจาเหลวไหล…ข้าหาได้เป็นคนเช่นนั้นไม่”
ทันใดนั้นจางเหว่ยก็เอ่ยบางอย่างขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าท่านหลินมู่อวี่พึงใจองค์หญิงอิน แต่ขณะเดียวก็มีความสัมพันธ์กับองค์หญิงซี แสดงว่าท่านหลินมู่อวี่อยากตบแต่งทั้งพี่ทั้งน้องเลยสินะขอรับ พระเจ้า…การได้ครอบครององค์หญิงทั้งสองพระองค์ สำหรับคนทั่วไปอย่างเราคงราวกับได้รับพรจากสวรรค์ เรื่องแบบนี้ไม่มีให้เห็นในจักรวรรดิมากว่าเจ็ดพันปีแล้ว…”
ฉินอินและถังเสี่ยวซีต่างเขินอายจนพูดอะไรไม่ออก
หลินมู่อวี่นิ่งเงียบ อันที่จริงเขาก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด…ทั้งที่รักฉินอินอยู่เต็มอก ทว่าก็ชอบถังเสี่ยวซีด้วย คำพูดของจางเหว่ยทำให้หลินมู่อวี่ใจเต้นเล็กน้อยก่อนจะสงวนท่าทีอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าโลกนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไร สิ่งเดียวที่เขาต้องการในตอนนี้คือการได้อยู่กับฉินอินและถังเสี่ยวซี เพราะการได้ใช้เวลากับทั้งคู่ทำให้เขามีความสุขเหลือเกิน
…
ชวีฉูควบม้ามาด้านข้างหลินมู่อวี่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อาอวี่ ระหว่างทางมาที่นี่ ข้าได้พบกับถังห่าวและคนจากชีไห่ เจ้า…ได้ฆ่าถังปินหรือไม่?”