The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - Ep.324 ข้ารักเจ้า
Ep.324 ข้ารักเจ้า
“ภูเขาเทียนชู่…”
เฟิงจี้สิงกำกระดาษในมือพลางขมวดคิ้ว “ภูเขาเทียนชู่เป็นภูเขาเดี่ยว เมื่อโดนล้อมแล้วจะไม่มีทางลงอื่นอีก นอกเสียจากได้กำลังเสริมเข้าไปช่วย”
เฟิงจี้สิงคำนับและกล่าวต่อ “องค์หญิง โปรดให้กระหม่อมนำกองทัพจักรวรรดิเข้าไปช่วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
“ไม่!”
ชวีฉูปฏิเสธก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าไม่สนว่าจดหมายนั่นจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ต่อให้ฝ่าบาทจะถูกล้อมอยู่ที่ภูเขาเทียนชู่ กองทัพองครักษ์ก็ห้ามออกจากหลันเยี่ยนเด็ดขาด เพราะพวกเจ้าคือกำลังหลักของเมือง หากไม่มีพวกเจ้า…ทหารที่เหลือเพียงห้าหมื่นนายจะไปสู้กับจักรวรรดิอี้เหอสามแสนนายได้อย่างไร?”
เฟิงจี้สิงมองหน้าชวีฉู “ผู้เฒ่าชวี องค์จักรพรรดิเป็นผู้ปกครองแผ่นดินนี้ ในฐานะขุนนางท่านไม่คิดจะช่วยพระองค์หน่อยหรือ? จักรพรรดิผู้เป็นพระบิดาของเสี่ยวอิน พระองค์ปฏิบัติต่อเราเช่นลูกหลาน อาอวี่…เจ้าไม่คิดอยากช่วยท่านเลยหรือ?”
หลินมู่อวี่เงียบไปชั่วขณะ “หากจะช่วยคงต้องใช้อีกวิธี…ให้ข้าออกคำสั่งกลุ่มมังกรผงาดให้ไปช่วยองค์จักรพรรดิ ส่วนกองทัพองครักษ์ของท่านพี่ก็อยู่ดูแลเมืองหลันเยี่ยนเหมือนเดิม ท่านพี่เฟิงว่าอย่างไร?”
เฟิงจี้สิงหน้าซีดพูดไม่ออก
หลินมู่อวี่ที่มองความคิดของเขาออกจึงเอ่ยขึ้น “ท่านพี่เฟิง…ไม่เชื่อใจในกลุ่มมังกรผงาดหรือขอรับ?”
“ใช่”
เฟิงจี้สิงกระชับดาบสะบั้นวาโยด้วยสายตาอันมุ่งมั่น “ครานี้จะปล่อยให้เรื่องผิดพลาดใดเกิดขึ้นกับองค์จักรพรรดิอีกไม่ได้ ข้าตัดสินใจแล้ว…เฟิงจี้สิงจะขอนำกองทัพองครักษ์สามหมื่นนายฝ่าการปิดล้อมที่ภูเขาเทียนชู่เพื่อช่วยองค์จักรพรรดิ! โปรดทรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง!”
ฉินอินพยักหน้า “อืม ข้าอนุญาต!”
ฉินอินนึกถึงความเป็นตายของฉินจิ้นยิ่งเสียกว่าเฟิงจี้สิง
หลินมู่อวี่ถอนหายใจเบาๆ “หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะนำหน่วยองครักษ์อินทรีช่วยเปิดทางให้ท่านพี่เฟิงเอง…”
“ไม่ต้อง”
เฟิงจี้สิงส่ายหน้า “อาอวี่ เจ้าจงออกจากเมืองหลันเยี่ยน”
“ทำไมหรือ?”
“ข้าอยากให้เจ้าไปภูเขาหลงหยานเพื่อสั่งการกองทัพมังกรผงาดด้วยตัวเอง ก่อนจะกลับมาที่หลันเยี่ยนและสร้างแนวป้องกันที่นี่” เฟิงจี้สิงมองหลินมู่อวี่ด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่เฟิงผู้นี้จะปกป้ององค์จักรพรรดิ ส่วนเจ้าปกป้องเสี่ยวอิน…เข้าใจหรือไม่? ต่อให้เราคนใดคนหนึ่งตายก็ต้องทำตามแผนต่อไป”
หลินมู่อวี่จำใจยอมรับข้อเรียกร้องของเฟิงจี้สิง “หลินมู่อวี่ทราบแล้วขอรับ…”
เฟิงจี้สิงตบบ่าหลินมู่อวี่พลางยิ้มด้วยใบหน้าเปรอะเลือด “อีกหนึ่งชั่วโมงออกเดินทาง เจ้าจะไปคุยกับเสี่ยวอินก่อนหรือไม่?”
“อืม”
หลินมู่อวี่ใจเสีย เขารู้สิ่งที่เฟิงจี้สิงต้องการจะทำ การบุกฝ่าวงล้อมและกลับมาไม่ใช่เรื่องง่าย…ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย จะรอดกลัมาหรือไม่คงขึ้นอยู่กับลิขิตสวรรค์
…
ฉินอินลุกขึ้นจูงมือหลินมู่อวี่ “ไปดูครัวของเสด็จพ่อกันดีหรือไม่?”
“อืม”
ทั้งสองเข้าไปด้านหลังตำหนักเพียงลำพัง เหล่าผู้ติดตามรออยู่ด้านนอกด้วยท่าทีเศร้าสร้อย หากเมืองชีไห่และเมืองหยาดสายัณห์ไม่ส่งกองทัพมาช่วยเหลือภายในเร็ววันนี้ จักรวรรดิคงต้องล่มสลายเป็นแน่
ณ ด้านหลังของตำหนัก เครื่องครัวต่างๆ ที่ฉินจิ้นเคยใช้ถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ฉินอินจูงมือหลินมู่อวี่เดินผ่านห้องครัวไปยังห้องโถงที่มีหน้าต่างกับกระจกสีเงินใสสะท้อนแสงระยิบระยับ ฉินอินนั่งลงพลางหยิบหวีขึ้น “ท่านพี่อาอวี่ หวีผมให้เสี่ยวอินได้หรือไม่? เมื่อก่อนเสด็จพ่อชอบหวีผมให้ข้า”
หลินมู่อวี่หยิบหวีขึ้นอย่างหนักใจก่อนจะถอดมงกุฎเจ้าหญิงวางไว้ข้างๆ ผมยาวสลวยของฉินอินหลุดร่วงลงมา หลินมู่อวี่ค่อยๆ ลูบผมอย่างเบามือ พลางมองใบหน้าอันสวยงามของนางผ่านกระจกเงาไปด้วย ฉินอินช่างดูเป็นตัวของตัวเองในเวลานี้
ฉินอินมองเงาในกระจกเบื้องหน้าโดยไม่เอ่ยคำใด พลันน้ำตาใสหยดย้อยลงบนแก้ม
“อย่าร้องไห้ไป ทุกอย่างต้องเรียบร้อย” หลินมู่อวี่พึมพำ
ฉินอินเอื้อมคว้ามือหลินมู่อวี่มากุมไว้พลางร้องไห้ไปด้วย “ไม่ อาณาจักรนี้กำลังจะล่มสลายเหมือนชื่อของมัน อำนาจของจักรวรรดิกำลังจะสูญสิ้นและจะไม่มีจักรวรรดิฉินอีกต่อไป…”
หลินมู่อวี่ลูบหัวฉินอินเพื่อปลอบประโลม “เสี่ยวอินไม่ได้ร้องไห้…” ทว่าน้ำตากลับพรั่งพรูยิ่งเกิมเดิม นางหันไปกอดหลินมู่อวี่ตัวสั่นเทา “ข้าไม่ได้ต้องการจักรวรรดิ ข้าต้องการบ้านของข้า บ้านที่เสด็จพ่อจะกลับมา บ้านที่มีท่านพี่อยู่ข้างๆ เหตุใด…ข้าต้องแบกรับอะไรเช่นนี้ด้วย?”
หลินมู่อวี่คลี่ยิ้ม “ไม่เป็นไรเสี่ยวอิน ข้ากับเสด็จพ่อจะกลับมา”
“ไม่…”
ฉินอินกัดปากร้องไห้ “ช่วงนี้ข้าฝันเหมือนเดิมทุกคืน ข้าฝันว่าเสด็จพ่อมากล่าวกับข้า…บอกว่าจงเข้มแข็ง ข้ารู้ว่าท่านไม่กลับมาแล้วแน่ๆ แต่ข้าก็ยังปล่อยท่านเฟิงจี้สิงไปภูเขาเทียนชู่ ท่านพี่อาอวี่ยกโทษให้ข้าด้วย…ยกโทษให้กับการกระทำอันผิดบาปของข้า”
“ข้ารู้อยู่แล้ว”
หลินมู่อวี่เริ่มตัวสั่นเล็กน้อย บาดแผลบริเวณแขนมีอาการเจ็บ เขาก้มมองฉินอินและกล่าว “ทุกอย่างจะดีขึ้น เช็ดน้ำตาเสียเถิด ข้าจะได้หวีผมเจ้าให้เสร็จ”
“อืม”
ฉินอินสะอื้นเบาๆ ขณะมองหน้าตัวเองและหลินมู่อวี่ในกระจก เขากำลังหวีผมให้นางราวกับพี่ชายหวีให้น้องสาวในงานแต่งงาน ทว่าเหตุการณ์นี้คงไม่ได้มีบ่อยนัก บางทีอาจเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก็ได้
หลังจากรวบผมให้ฉินอินเสร็จ นางก็จัดการผมยาวของตนต่อพลางใส่มงกุฎทองเข้าที่เดิมคืนสู่รูปลักษณ์ขององค์หญิงแห่งจักรวรรดิ ฉินอินยืนขึ้นและหันไปหาหลินมู่อวี่ “ไม่ว่าท่านพี่จะแพ้หรือชนะ ท่านพี่ต้องรอดกลับมาหาข้าให้ได้”
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับมา”
หลินมู่อวี่เดินไปที่ประตูพลางกล่าว “ใกล้ถึงเวลานัดหมายแล้ว ข้าคงต้องรีบไป”
“อืม”
ฉินอินทำได้เพียงมองหลินมู่อวี่เดินจากไป พลันพูดพึมพำกับตัวเอง “ข้ารักเจ้าอาอวี่…ข้ารู้…ว่าเจ้าจะต้องรอดชีวิตกลับมาหาข้า”
…
นอกห้องโถง เว่ยโฉว เซี่ยโหวซางและกองทัพทหารอวี้หลินรอรับคำสั่งจากหลินมู่อวี่ด้วยพลังใจเต็มเปี่ยม
“เคลื่อนทัพเลยหรือไม่ขอรับท่านผู้บัญชาการ?” เว่ยโฉวถาม
หลินมู่อวี่พยักหน้า “อืม แต่คราวนี้…ข้าไม่รับปากว่าจะพาพวกเจ้ารอดกลับมาได้…”
เว่ยโฉวยิ้ม “วางใจเถิดขอรับ เราดูแลตัวเองได้”
“ดีมาก เช่นนั้นก็เคลื่อนทัพได้!”
“ขอรับ!”
กำแพงเมืองทางเหนือถูกระดมยิงอย่างหนักจากเครื่องยิงหินจนพังทลายเกือบหมด จางเหว่ยรีบกำกองกำลังเข้าซ่อมแซม ทันมดนั้นกองทัพองครักษ์ พลโล่ พลธนูและพลหอกก็ปรากฏตัวบนถนนกลางเมือง กององครักษ์ถูกสังหารไปกว่าหมื่นคนแล้วในช่วงหลายวันมานี้ ทว่าเฟิงจี้สิงก็สามารถรวมคนมีฝีมือเข้ามาเติมเต็มกองทัพจนครบสามหมื่นคนได้
“อาอวี่อยู่ที่นี่หรือไม่?” เฟิงจี้สิงถือดาบสะบั้นวาโยพลางควบม้าเดิน “ไอ้พวกทหารอาสาสามารถถล่มกำแพงเมืองเราได้รวดเร็วนัก บัดซบที่สุด! เดี๋ยวเราจะออกเดินทางกันแล้วเตรียมตัวให้พร้อม!”
หลินมู่อวี่หันมองทหารที่คอยคุ้มกันเมืองพลางเอ่ยขึ้น “ท่านพี่เฟิง ให้จางเหว่ยและทหารองครักษ์อีกพันนายคอยอยู่คุ้มกันเมืองเถิดขอรับ มิเช่นนั้นทางเสี่ยวอินจะมีคนอารักขาน้อยเกินไป…”
“เอาเช่นนั้นก็ได้”
เฟิงจี้สิงหันไปพูดกับจางเหว่ย “จางเหว่ย นำคนจากกองทัพไปและอยู่คุ้มกันเมือง!”
จางเหว่ยคำนับ “ขอรับท่านผู้บัญชาการ!”
“เปิดประตูเมืองโจมตี!”
ประตูเหล็กค่อยๆ เปิดขึ้น กองทัพองครักษ์สามหมื่นนายบุกทะลวงออกไปเผชิญหน้ากับทหารอาสาด้วยอาวุธในมือ ต่างโรมรันกันอย่างไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
…
ขณะเดียวกัน ณ เมืองชีไห่
ในจวนขุนนาง มีห้องสวยงามหรูหราอยู่ห้องหนึ่ง “ปัง!” ประตูถูกชกจนเป็นรู ถังเสี่ยวซีโผล่หน้าสวยของนางออกไป “ปล่อยข้าออกไปเดี๋ยวนี้ท่านปู่ ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้!”
ถังหลานยืนค้ำไม้เท้าด้วยอาการสั่นเทาขณะมองถังเสี่ยวซี “เสี่ยวซี เหตุใดเจ้าจึงไม่เข้าความเจ็บปวดที่ปู่ต้องแบกรับ?”
“ความเจ็บปวดใดที่ท่านต้องแบกรับ?”
ถังเสี่ยวซีกล่าวด้วยความฉุนเฉียว “ข้าเห็นเพียงความโลภและความกลัวตายของขุนนางผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าชายแห่งจักรวรรดิเท่านั้น หึ! ข้ามองออกว่าท่านปู่ไม่ยอมส่งกองทัพไปเพราะกลัวตาย ท่านไม่ใช่แม่ทัพถังหลานที่เคยติดตามจักรพรรดิองค์แรกในสงครามสองดินแดนอีกแล้ว”
“เจ้าพูดเรื่องอะไร!?”
ถังหลานเริ่มโมโห “เจ้าไม่เข้าใจหรือ? นี่คือสงครามพิพาทระหว่างฉินจิ้นและฉินอี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับเมืองชีไห่ของเรา อีกทั้ง…ลูกชายของฉินจิ้น หลินมู่อวี่เป็นคนฆ่าพี่ถังปินของเจ้า ข้ายังจำได้ไม่ลืม…เจ้าเองก็ควรสำเหนียกตัวเองด้วยว่ามันเป้นศัตรูของตระกูลถัง เราไม่ควรไปยุ่งเกี่ยว!”
“ที่เขาต้องข้า่ทานพี่เพราะต้องการช่วยข้า ท่านปู่ต้องให้ข้าบอกอีกกี่ครั้ง?” ถังเสี่ยวซีจ้องหน้าถังหลานด้วยน้ำตานอง “ท่านปู่ เสี่ยวซีไม่สนเรื่องการเมืองใดๆ ของท่าน…ข้ารู้เพียงว่าเสี่ยวอินและมู่มู่เป็นคนสำคัญ ข้าเสียพวกเขาไปไม่ได้ หากท่านปู่ไม่ช่วย ข้าจะไปเอง!”
“เจ้าเสียสติไปแล้วรึเสี่ยวซี!” ชายชราคนหนึ่งตะคอก “พูดกับปู่ของเจ้าเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“หึ! ท่านปู่สอง ท่านเองก็เป็นคนใจร้ายที่เห็นแก่ได้และกลัวตายเช่นกัน”
ถังเสี่ยซีหัวเราะพลางร้องไห้ “เมืองหลวงของจักรวรรดิกำลังถูกปิดล้อม กองทัพจักรวรรดิและค่ายเขาเหินก็กำลังสู้กันจนตัวตายด้วยกองกำลังเพียงไม่กี่หมื่น ทั้งที่เมืองชีไห่ของเรากองทัพกว่าสองแสน ทว่ากลับหดหัวอยู่แต่ในเมือง ฮ่าๆๆ เมืองชีไห่ยังคงเป็นของจักรวรรดิอยู่หรือไม่? หากท่านไม่ไปก็ปล่อยถังเสี่ยวซีผู้นี้ไป!”
ถังหลานตะคอก “เสี่ยวซี เจ้าเสียสติไปแล้ว!”
ทันใดนั้นเปลวเพลิงก็โหมกระหน่ำพุ่งขึ้นท้องฟ้าจากในห้อง! ถังเสี่ยวซีกัดฟันสีเงินของนางพร้อมกับหางเพลิงทั้งเก้าที่กวัดแกว่งไปมาอยู่เบื้องหลัง “ท่านกักขังข้าไม่ได้”
“ตูม!”
ผนึกวิญญาณพวยพุ่งทะลุหลังคาสู่ท้องฟ้า ถังเสี่ยวซียืนขึ้นอย่างสง่างามบนเศษกระเบื้องราวกับจิ้งจอกน้อยก่อนจะกระโดดหายไปจากสายตาของถังหลาน
…
“บัดซบ…นางเด็กไม่รักดี!”
ถังหลานกัดฟัน “ส่งคนไปตามหานางและพาตัวกลับมาเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ!”
ชายชรากล่าว “แต่ท่านพ่อ…ขุนนางแห่งจักรวรรดิอี้เหอกำลังรออยู่ที่ห้องรับแขก ข้าควรทำอย่างไร?”
ถังหลานตอบ “ปล่อยไป ให้มันกลับส่งข่าวให้ฉินอี้รู้ว่าเมืองชีไห่จะทำศึกกับจักรวรรดิอี้เหอ บอกฉินอี้ให้ล้างคอรอไว้…รอคมดาบจากเมืองชีไห่! อีกอย่าง…เจอคนคนนั้นหรือยัง?”
“เจอแล้ว ตอนนี้อยู่ในบ้านพักในเมือง”
“เก็บเป็นความลับไว้ก่อน ดูแลเขาให้ดีอย่าได้ละเลย เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์หาได้ยาก!”
“รับทราบ ข้าจะดูแลอย่างดีขอรับท่านพ่อ!”