The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.380 ความทุกข์
EP.380 ความทุกข์
“บังอาจ!”
ดวงตาถังหลานเย็นชาขณะที่กล่าวว่า “หลินมู่อวี่โจมตีและสังหารขุนนางคนสำคัญหน้าตำหนักเจ๋อเทียน นี่ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง จงดึงตราผู้นำวิหารศักดิ์สิทธิ์ออก และขังมันไว้ในคุกเพื่อรอประหารในเวลาเที่ยงวันพรุ่งนี้!”
ฉินอินรีบพูด “ท่านหลานกง ข้าเป็นจักรพรรดินี เรื่องนี้ข้าตัดสินพระทัยเอง!”
ถังหลานประสานหมัด “ฝ่าบาท ไม่สำคัญว่าหลินมู่อวี่จะใกล้ชิดพระองค์มากเพียงใดหรือว่าเป็นใคร การสังหารคนในตำหนักเจ๋อเทียนอย่างอุกอาจเพียงพอที่จะพิสูจน์ความไม่ภักดีของเขา กระหม่อมหวังว่าฝ่าบาทจะทรงดำเนินการเรื่องนี้อย่างเป็นกลาง อย่างปล่อยให้ข้าราชบริพารคนอื่นต้องหวาดกลัว แม้จักรวรรดิจะเป็นของราชวงศ์ฉิน แต่มันก็แลกมาด้วยชีวิตของผู้คน”
ทันใดนั้นถังลู่ ถังเทียน และเหล่าข้าราชบริพารกลุ่มหนึ่งคุกเข่าลง “กระหม่อมทูลขอให้ฝ่าบาททรงสำเร็จโทษหลินมู่อวี่พ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้า!”
ฉินอินกัดริมฝีปากแน่นและมองไปยังซูมู่หยุน แต่เขากลับยืนนิ่งเฉย
ขณะเดียวกันเฟิงจี้สิงและเว่ยโฉวคุกเข่าลงพร้อมกัน เฟิงจี้สิงพลันกล่าวว่า “ฝ่าบาท แม้ว่าหลินมู่อวี่จะสังหารฉือฮั่ว แต่ข้าคิดว่าฉือฮั่วเป็นคนชั่วร้ายที่กล้าเปิดประตูเมืองตงฉวงด้วยตนเอง การเปิดประตูเมืองหมายถึงการยอมจำนนต่อศัตรู การสำเร็จโทษเขาจึงไม่เป็นการทำเกินกว่าเหตุ ฝ่าบาทโปรดให้อภัยอาอวี่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินเหยียนคุกเข่าลง “พระภคินี พี่ใหญ่ต่อสู้อย่างกล้าหาญในเมืองตงฉวงและสังหารอสูรเกราะนับร้อย ซึ่งไม่มีผู้ใดเทียบฝีมือได้ พระองค์ไม่ควรสำเร็จโทษวีรบุรุษพ่ะย่ะค่ะ! จริงสิ…ก่อนศึกครั้งสุดท้าย ท่านเซินเว่ยโหวมอบบางสิ่งให้พี่ใหญ่เพื่อนำมาถวายแด่ฝ่าบาท”
ฉินอินเอ่ยถาม “พี่อาอวี่ มันคือสิ่งใดหรือ?”
หลินมู่อวี่เอื้อมหยิบผ้าของหมินยวี่หลินในถุงสรรพสิ่งและมอบให้ นางคลี่ผ้าออกและเห็นข้อความที่ถูกเขียนไว้ด้วยเลือด ‘ชีวิตเพื่อฝ่าบาท’
ทันใดนั้นน้ำตาไหลรินจากดวงตาคู่งาม “ท่านเซินเว่ยโหว…น่าเสียดายที่ต้องจากไปในเมืองตงฉวง…”
ถังหลานคุกเข่าและประสานหมัด “กระหม่อมทูลขอให้พระองค์ลงโทษหลินมู่อวี่พ่ะย่ะค่ะ!”
หลินมู่อวี่คุกเข่าลงเช่นกันและกระซิบ “ข้าขอร้องเสี่ยวอิน…โปรดส่งกองกำลังเสริมไปยังแม่น้ำต้าวเจิงสายย่อยเพื่อต่อต้านเผ่าปีศาจด้วย”
…
ท่ามกลางฝูงชน จู่ๆ ชายผู้หนึ่งก็ระเบิดหัวเราะเสียงดังด้วยความยโส
ทุกคนต่างหันมองและพบว่าชายผู้นั้นสวมชุดทหารพร้อมดาวหกแฉกสีทองสามดวงบนไหล่ ซึ่งบ่งบอกถึงยศนายพล ดวงตาของเขาเผยความเย็นชา
“จิงไห่โหวเหยาหยวน ท่านหัวเราะสิ่งใด?” ซูมู่หยุนเอ่ยถาม
เหยาหยวนหัวเราะจนน้ำตาไหล ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านหยุนกงไม่เห็นหรือ? บนโถงนั่น คนหนึ่งขอให้ฆ่า ส่วนอีกคนทูลขอฝ่าบาทให้ส่งกองกำลังไปยังชายแดน ไม่ใช่ว่ามองปราดเดียวก็รู้ว่าใครคือผู้ที่ภักดีเหรอ?”
“เหยาหยวน!”
ถังหลานเอ่ยถามด้วยแววตาเย็นชา “เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าเป็นขุนนางที่ทรยศอย่างนั้นรึ?”
“ไม่บังอาจขอรับ!”
เหยาหยวนประสานหมัดยิ้ม “ท่านหลานกง ใครจะบังอาจกล่าวหาว่าท่านเป็นขุนนางที่ทรยศต่อแผ่นดิน? เพียงแค่…หลินมู่อวี่มีเหตุผลที่ต้องยอมจำนนต่อศัตรูหรือ? ข้าคิดไม่ออกจริงๆ…”
ถังหลานพ่นลมออกจากจมูกและไม่กล่าวสิ่งใดอีก
ฉินอินกล่าว “ท่านหลานกง ดูเถิด…ไม่มีหลักฐานใดพิสูจน์ว่าพี่อาอวี่สมรู้ร่วมคิดกับศัตรู อย่างไรก็ตามฉือฮั่วถูกสังหารไปแล้ว และพี่อาอวี่เป็นถึงราชบุตรบุญธรรมขององค์จักรพรรดิ ชีวิตเขาคุ้มค่ากับผู้บัญชาการกองหมื่นเช่นนั้นหรือ?”
“พระองค์ตรัสว่าไม่สมเหตุสมผล”
ถังหลานกล่าว “ฉือฮั่วอาจเป็นเพียงผู้บัญชาการกองหมื่น แต่ตราบใดที่เขาหลั่งเลือดและหยาดเหงื่อเพื่อจักรวรรดิ ก็ไม่มีผู้ใดสมควรพรากชีวิตเขาไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ แม้หลินมู่อวี่จะเป็นราชบุตรบุญธรรมขององค์จักรพรรดิ แต่เขาก็ไม่ใช่คนในราชวงศ์ฉิน!”
“ท่านพูดถึงสิ่งใด?” ฉินเหยียนกล่าวอย่างโกรธเคือง “พี่ใหญ่เกิดและตายเพื่อจักรวรรดิ และเป็นราชบุตรบุญธรรมของจักรพรรดิพระองค์แรก เหตุใดจึงกล้ากล่าวหาว่าเขาไม่ใช่ราชวงศ์ฉิน!?”
ถังหลานมองด้วยสายตาเย็นชาและไม่พูดสิ่งใด ขณะที่ถังลู่ด้านข้างพูดด้วยความเย้ยหยัน “ราชบุตรบุญธรรม…หลินมู่อวี่และองค์จักรพรรดิไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันทางสายโลหิตไม่ใช่เหรอ? เช่นนั้นเหตุใดฝ่าบาทจึงตรัสว่าเขาเป็นคนในราชวงศ์ฉิน? ในเมื่อหลินมู่อวี่ไม่ใช่ ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะอภัยโทษแก่เขา!”
ฉินอินกัดริมฝีปากแน่น “พวกเจ้า!! บังอาจยิ่งนัก เจตจำนงของข้าถือเป็นประกาศิต ตราบใดที่ยังอยู่บนบัลลังก์…ข้าถือเป็นผู้ปกครองจักรวรรดิฉิน! ถังหลาน เหตุใดจึงปล่อยคนของท่านต่อปากต่อคำกับจักรพรรดินีโดยไม่สำนึกที่ต่ำที่สูงเช่นนี้?!”
ถังหลานตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าฉินอินจะกล่าวเช่นนี้ ก่อนจะรีบคุกเข่าลงพร้อมเหล่าข้าราชบริพาร
ขณะเดียวกันหลินมู่อวี่มองไปยังถังหลาน ถังลู่ และคนอื่นๆ ด้วยสายตาเย็นชา “สิ่งที่พวกเจ้าต้องการคือการสังหารข้าอย่างนั้นหรือ? หากข้าสามารถพิสูจน์สายเลือดได้ พวกเจ้าจะเลิกวุ่นวายกับข้าไหม? แล้วพวกเจ้ารู้บ้างหรือไม่ว่าขณะนี้มีผู้คนมากมายกำลังถูกเผ่าปีศาจสังหารในมณฑลหลิงตง?”
ความโกรธยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากก้นบึ้งของหัวใจ ขณะที่ปราณยุทธ์หลั่งไหลปกคลุมร่างกายจนทำให้ผู้คนรอบบริเวณถอยหนี
แสงสีทองพุ่งออกจากพื้นดิน มันไม่ใช่น้ำเต้าทองอย่างที่ควรเป็น…แต่เป็นโซ่เทวะ! ไม่นานโซ่เทวะทั้งแปดชั้นก็ส่องประกายอย่างสง่างามรอบกายหลินมู่อวี่ พลังงานสีทองระเบิดออกรุนแรงจนทำให้ผู้คนไม่สามารถลืมตาขึ้น
“ซะ…โซ่เทวะ…” หัวใจถังหลานสั่นสะท้าน
ขณะที่เฟิงจี้สิงเบิกตากว้าง “โซ่เทวะ…อาอวี่ครอบครองโซ่เทวะได้อย่างไร?”
ส่วนด้านซูมู่หยุนขมวดคิ้ว “โซ่เทวะ…วิญญาณยุทธ์พิเศษประจำสายเลือดราชวงศ์ฉิน…”
…
หลินมู่อวี่มองทุกคนด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะค่อยๆ เรียกวิญญาณยุทธ์โซ่เทวะเข้าสู่ร่างกาย “ครานี้ข้าเป็นคนจากราชวงศ์ฉินแล้วหรือยัง?”
เขาพลันชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาและมองผู้คนด้วยความผิดหวัง “เจ้าต้องการฆ่า ต้องการยึดอำนาจ หรืออะไรก็ตาม! แต่อย่ามาข่มเหงข้า มิเช่นนั้นอย่ากล่าวหาว่าข้าเสียสติที่ทำอะไรบ้าๆ ถังหลานและซูมู่หยุน…อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าจัดการเจ้า และอย่ามาบีบบังคับอีกต่อไป ไม่อย่างนั้นแม้แต่การคุ้มกันจากกองทหารนับพันก็ไม่อาจหยุดยั้งข้าในการแก้แค้นให้กับผู้คนที่ต้องตายเปล่าในสงคราม!”
จากนั้นหลินมู่อวี่เดินออกจากตำหนักเจ๋อเทียนทันที ไม่รู้เลยว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆมืดครึ้ม ฟ้าแลบส่องสว่างพร้อมเสียงฟ้าร้องดังสนั่น…ดูเหมือนว่าฝนกำลังจะตกหนัก
ถังหลานและซูมู่หยุนยืนนิ่งงัน ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหลินมู่อวี่จะเอ่ยถึงการก่อกบฏมากมายเช่นนี้
…
เม็ดฝนขนาดใหญ่ตกลงมาบนร่างหลินมู่อวี่ เขาเดินอยู่บนถนนตำหนักเจ๋อเทียนขณะที่หัวใจแหลกสลายราวกับถูกเฉือนด้วยดาบนับพัน เขาไม่เข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับโลกใบนี้และตนกำลังไล่ตามสิ่งใดอยู่ ขณะเดียวกันสายลมพัดผ่านอย่างบ้าคลั่ง ต้นไม้เล็กโยกไหวรุนแรงราวกับจะถูกถอนออกได้ทุกเมื่อ
หลินมู่อวี่นั่งลงใต้กำแพงและปล่อยให้สายฝนเทกระหน่ำใส่ร่างกาย เขานั่งกอดเข่านิ่งงันก่อนน้ำตาจะไหลรินออกมา
ไม่รู้ว่าเวลาผันผ่านนานเพียงใด ขณะที่ยังมีเสียงฝนอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ตกลงสู่ร่างกายของเขาอีกต่อไป
“พี่อาอวี่…”
ฉินอินถือร่มสีฟ้าคันเล็กออกมากางกันลมและฝน ก่อนจะทรุดตัวลงและอ้าแขนโอบกอดเขา
หลินมู่อวี่เงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ “เสี่ยวอิน ข้า…”
“ไม่เป็นไร…มันไม่เป็นไร…”
ฉินอินกอดเขาแน่นพร้อมน้ำตาไหลอาบสองแก้ม “ข้าขอโทษ…ขอโทษที่ไร้ประโยชน์ ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องรู้สึกสิ้นหวัง ขอโทษที่เสี่ยวอินไม่สามารถโน้มน้าวพวกเขาจนทำให้เจ้าต้องเจอกับความโหดร้ายเช่นนั้น ข้า…”
“เสี่ยวอิน มันไม่เป็นไร” หลินมู่อวี่คุกเข่าลงกอดฉินอินไว้ในอ้อมแขน แม้ว่านางจะถือร่มในถือ แต่ด้วยฝนที่ตกหนักทำให้ทั้งตัวนางเปียกชุ่ม ขณะที่ผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มที่งดงามเลอะน้ำโคลน
เหล่าสาวใช้และองครักษ์ยืนรออยู่ไกลๆ เนื่องจากฉินอินไม่ต้องการให้เข้ามา พวกเขาจึงไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางสายฝนได้
ฉินอินโอบกอดเขาในอ้อมแขนและพูดคุยกับผู้เป็นที่รัก
“หลังจากที่เจ้าไปเมืองตงฉวง ข้าก็คิดถึงเจ้าทุกวัน…”
“ท่านตาและหลานกงกดดันหนักขึ้นเรื่อยๆ เหล่าเสนาบดีและอำนาจทางการทหารอยู่ในมือของพวกเขาทั้งหมด ข้าเป็นดั่งหุ่นเชิดเท่านั้น”
“ข้าก็คิดถึงเจ้า และไม่สบายใจที่ต้องจากไปเช่นกัน”
“เสี่ยวอินรักเจ้ามาก เจ้ารู้ใช่หรือไม่?”
…
แขนขาวของฉินอินโอบรอบคอหลินมู่อวี่ขณะที่ใบหน้างามเคลื่อนเขามาใกล้ ก่อนที่ริมฝีปากสีแดงประกบเข้าด้วยกันอย่างนุ่มนวล
จุมพิตนี้เป็นเหมือนดั่งความฝัน…
เมื่อฉินอินถอนริมฝีปากออก ความโศกเศร้าพลันปกคลุมทั่วหัวใจ
ฉินอินยิ้มและยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกครั้ง ก่อนที่ริมฝีปากจะประกบกันเป็นครั้งที่สอง ครานี้ฉินอินหน้าแดงก่ำพร้อมร่างกายที่ร้อนขึ้นราวกับจะละลายบุคคลตรงหน้าไปด้วยกัน
เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจที่หนักหน่วง หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “เมื่อไหร่กันที่เสี่ยวอินกลายเป็นคนกระตือรือร้นเช่นนี้?”
ใบหน้าฉินอินแดงก่ำอีกครั้งและทุบกำปั้นลงบนหน้าอกหลินมู่อวี่เบาๆ “นั่นไม่ใช่เพราะเจ้าหรอกนะ!”
“…”
หลินมู่อวี่นั่งอยู่กลางสายฝนขณะที่โอบกอดฉินอิน แม้ฝนจะตกหนัก แต่กลับรู้สึกว่ามันเต็มไปด้วยความสุขและความคิดถึง ขณะที่สายฝนในเมืองตงฉวงนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความตาย
“เสี่ยวอิน”
“หือ?”
“เผ่าปีศาจแข็งแกร่งมาก กองทัพหนึ่งแสนตนสามารถเอาชนะกองทัพของจักรวรรดิทั้งหมดได้ เราต้องเตรียมการให้ดี มิเช่นนั้นทั้งหกเมืองของมณฑลหลิงเป่ยจะถูกทำลายในพริบตาและไม่หลงเหลือสิ่งใดอีกเลย”
“ข้ารู้” ฉินอินยังคงโอบกอดเขา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและส่งยิ้มหวาน “ผู้บัญชาการเฟิงเพิ่งบอกให้ข้าสร้างป้อมปราการขึ้นเจ็ดแห่งทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำต้าวเจียง พร้อมทั้งส่งกองทหารเพื่อต่อต้านการบุกรุกของปีศาจและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เช่นนั้น…ปีศาจจะไม่สามารถรุกล้ำอาณาเขตของจักรวรรดิได้โดยง่าย”
“อืม”
“พี่อาอวี่รู้จักเผ่าปีศาจดีกว่าทุกคน ดังนั้น…ข้าตัดสินใจปฏิเสธข้อโต้แย้งทั้งหมดและให้เจ้าขึ้นเป็นแม่ทัพระดับสูงของจักรวรรดิอีกครั้ง พี่อาอวี่คิดว่าอย่างไร?”
หลินมู่อวี่กล่าวหนักแน่น “ข้าจะไม่หนีหากเสี่ยวอินต้องการ เจ้าเพียงต้องมอบยศทหารให้ ส่วนกองทัพข้าจะจัดการเอง ข้าเชื่อว่าหลานกงและหยุนกงคงไม่เต็มใจมอบกองทหารให้ข้าเป็นผู้บัญชาการ”
ฉินอินกล่าวด้วยความยินดี “พี่อาอวี่เก่งที่สุด!”
…
ขณะเดียวกันมีบุคคลหนึ่งเดินถือร่มเข้ามา เสื้อคลุมทหารปลิวไสวตามสายลมขณะที่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “กระหม่อมต้องการทูลว่า ทุกคนกำลังเฝ้ารออยู่…ฝ่าบาทพาอาอวี่กลับไปในโถงตำหนักเจ๋อเทียนเถิด หยุนกงยอมตกลงส่งกองทัพจากมณฑลอวิ้นจงเพื่อต่อต้านเผ่าปีศาจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม ดี!”
………………………………….