The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.402 องค์หญิงสี่
EP.402 องค์หญิงสี่
“ข้าจะสังหารเจ้าด้วยหมัดเดียว!”
ลั่วไคโกรธเกรี้ยวพร้อมควบแน่นปราณยุทธ์ทั้งหมดไว้ที่กำปั้น ทันทีที่เท้ากระแทกพื้น เขาพุ่งตัวใส่หลินมู่อวี่รวดเร็วปานสายฟ้า
กระนั้นเมื่อกำลังเข้าปะทะกับหลินมู่อวี่ “เปรี้ยง!” ใบหน้าของเขากระแทกกับวิญญาณยุทธ์ที่แข็งราวกับแผ่นเหล็กอย่างแรง มันคือกำแพงน้ำเต้า!
“อึก…”
ลั่วไคถอยหลังไปสองสามก้าว ฟันหน้าสองซี่หักเนื่องจากแรงที่กระแทกกำแพง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าหลินมู่อวี่กำลังพุ่งเข้ามาพร้อมดาบยาวแหวกอากาศ!
“ชุดเกราะของข้าไม่มีวันพ่าย เข้ามาเลย!”
ลั่วไคยังคงตะโกนลั่น แม้จะรู้ว่าตนต้องพ่ายแพ้ แต่เขาไม่เต็มใจที่ยอมรับชะตากรรมที่ล้มเหลวเช่นนั้น ในฐานะหนึ่งในยี่สิบเจ็ดจอมมาร เขาจึงมีความทะนงตัวที่สูงยิ่ง
“ฉัวะ!”
เลือดสาดกระเซ็นทันที กระบี่วิญญาณมังกรถูกเคลือบด้วยเพชรสีขาว เมื่อผนวกกับความแข็งแกร่งของหลินมู่อวี่ จึงทำให้เขาสามารถตัดชุดเกราะรบของอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย พริบตาเดียวแขนขวาของลั่วไคก็หลุดออกพร้อมเลือดไหลทะลัก!
ผู้ชมรอบสนามประลองต่างมองด้วยความหวาดผวา ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มรูปงามจะแข็งแกร่งมากจนสามารถเอาชนะจอมมารผู้เย่อหยิ่งได้อย่างง่ายดาย!
ลั่วไคทรุดลงพื้นพร้อมล้มพับลงหน้ากระแทกพื้น เขากระอักเลือดและตะโกนเสียงดัง “รอก่อนเถิด ปรมาจารย์วิญญาณจะต้องแก้แค้นให้ข้า!”
“ไปให้พ้น!”
หลินมู่อวี่ยกเท้าขึ้นพร้อมเตะลั่วไคออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยวจนกระแทกกำแพงอย่างแรง ลั่วไคล้มลงส่งเสียงคร่ำครวญดูน่าเวทนา การโจมตีของหลินมู่อวี่โหดเหี้ยมมาก กระนั้นเขาก็ยังไม่ใช้การโจมตีรุนแรงที่สามารถสังหารลั่วไคได้
…
“ตอนนี้ข้าเป็นหนึ่งในทหารองครักษ์ของค่ายผู้พิทักษ์แล้วหรือไม่?” หลินมู่อวี่เอ่ยถาม
ทหารองครักษ์ผู้ดูแลสนามประลองตะลึงงันพร้อมประสานหมัดกล่าว “ท่านแข็งแกร่งและทรงพลังมาก ช่างน่ายกย่องยิ่งนัก! ท่านสามารถเอาชนะจอมมารลั่วไคได้ จึงมีเหตุผลเพียงพอที่จะขึ้นเป็นจอมมาร แต่…ท่านต้องผ่านการคัดเลือกจากท่านปรมาจารย์วิญญาณลั่วปิงในการตรวจสอบสถานะชีวิตและความตายแล้วเท่านั้น เช่นนั้นกรุณารอสักครู่ ข้าน้อยจะพาท่านลั่วปิงมาที่นี่!”
ขณะเดียวกัน เสียงที่ฟังดูสง่างามดังขึ้นจากระยะไกล “ไม่จำเป็น!”
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงชายเฒ่า เห็นได้ชัดว่าลั่วปิงและลั่วไคมาจากตระกูลเดียวกัน บางทีปรมาจารย์วิญญาณผู้นี้อาจเป็นบิดาของลั่วไค และหลินมู่อวี่กระทืบลั่วไคราวกับสัตว์ตัวหนึ่ง เช่นนั้นลั่วปิงจะยอมปล่อยเขาไปหรือ แต่เพื่อช่วยชวีฉู่ เขาจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์วิญญาณโดยตรง
ชายชราหนวดเคราขาวเดินผ่านมาที่ประตูพระราชวัง ใบหน้าของเขาแดงก่ำแต่กลับไร้ความรู้สึก เขามองลั่วไคที่ทรุดหมอบอยู่ที่มุมหนึ่งพร้อมขมวดคิ้ว “นี่คือชายที่เอาชนะลั่วไคใช่หรือไม่? อีกทั้งยังตัดแขนเขาจนพิการ?”
ทหารองครักษ์กล่าวด้วยความเคารพ “ถูกต้องขอรับท่านลั่วปิง ท่านผู้นี้เพิ่งเข้ามาท้าทาย เขามีนามว่าหลินจื้อ”
“หึ!” ลั่วปิงไขว้มือไปด้านหลังและก้าวเข้าสู่ลานประลอง “องค์จักรพรรดิทรงคัดสรรผู้มีพรสวรรค์ มิใช่ผู้ที่เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ หลินจื้อ…เจ้าไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ จึงไม่เหมาะสมที่จะรับใช้ฝ่าบาท เช่นนั้น…ข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไรดี?”
หลินมู่อวี่รู้สึกขบขัน “จะทำอะไรก็รีบทำซะ!”
“บังอาจ!”
ลั่วปิงตะโกนดังด้วยความโกรธพร้อมปราณยุทธ์สีขาวบริสุทธิ์ลอยวนรอบกาย หลินมู่อวี่ตกตะลึง…นี่คือพลังขั้นสูงสุดของขอบเขตนภาชั้นที่สามซึ่งเป็นระดับเดียวกับตน!
กระนั้นหลินมู่อวี่ไม่รู้สึกเกรงกลัว เนื่องจากเขาพบว่าจอมยุทธ์ในแดนโกลาหลไม่ได้ฝึกฝนวิทยายุทธ์ หรือบางทีพวกเขาอาจไม่รู้จักมันเลย ในเมื่อขาดความแข็งแกร่งของวิทยายุทธ์ จึงทำให้พละกำลังด้อยกว่าหลินมู่อวี่มาก!
ท่ามกลางสายลม ฝ่ามือลั่วปิงพลันปกคลุมไปด้วยเปลวไฟพร้อมพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งบ่งบอกว่าเขาเป็นจอมยุทธ์ที่ใช้พลังธาตุไฟ!
“วิ้ง!”
กำแพงน้ำเต้าทองปรากฏขึ้นขวางการโจมตีของลั่วปิง ในพริบตาหลินมู่อวี่หันกลับพร้อมตวัดดาบถึงสามครั้ง! แต่ลั่วปิงโบกฝ่ามือที่ลุกเป็นไฟสกัดคมกระบี่ได้ทั้งหมด
“ดี!”
หลินมู่อวี่ยกมือขึ้นพร้อมชักกระบี่กลับ พลังดวงดาวพลันรวมตัวกันบนกำปั้น เขาใช้พลังเกือบทั้งหมดส่งหมัดออกไป ก่อนที่จะระเบิดออกอย่างรุนแรง!
“เปรี้ยง!”
ราวกับมิติบิดเบี้ยว กลยุทธ์ดวงดาราแข็งแกร่งมากเมื่อรวมกับพลังโซ่เทวะ หมัดทรงพลังกระแทกลั่วปิงจนถอยหลังหลายก้าวพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
จากหลินมู่อวี่รัวหมัดใส่ราวแปดครั้งติดต่อกันอย่างไม่รีรอ จนทำให้ลั่วปิงถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่ากระทั่งถึงขอบของลานประลอง ใบหน้าลั่วปิงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวขณะที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงลุกโชน ทันใดนั้นเขาพุ่งหมัดสวนออกไปอย่างดุเดือดด้วยพลังทั้งหมดที่มี
“ไอ้สารเลว ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้!” ลั่วปิงคำรามลั่นพร้อมเผยความอาฆาตแค้นเต็มเปี่ยม
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วและเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เช่นนั้นก็ตายซะ”
เขาก้าวไปด้านหลังพร้อมลดจุดศูนย์ถ่วงลง วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าและโซ่เทวะหลอมรวมเป็นหนึ่งส่องแสงเป็นประกายสีทอง จากนั้นแสงสีฟ้าพลันปรากฏขึ้นขณะที่ดวงดาวนับพันควบแน่นบนฝ่ามือ ทันใดนั้นมันก็ระเบิดออกอย่างรุนแรง กลยุทธ์ดวงดาราขั้นที่สาม…ภูผาดารา!
“ตูม!”
พายุหมุนหอบเปลวเพลิงของลั่วปิงทะยานขึ้นสู่ท้องนภา ขณะที่พลังทำลายล้างของภูผาดาราพุ่งใส่อย่างรวดเร็ว “หือ?” ลั่วปิงส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นร่างกายของเขาพลันระเบิดออกพร้อมเลือดที่สาดกระจาย หลินมู่อวี่ไม่ได้ควบคุมพลังการโจมตีครานี้ มันจึง ‘สลาย’ ร่างกายของปรมาจารย์วิญญาณผู้นี้ทันที
“อึก…”
เมื่อมองเหตุการณ์สยองขวัญตรงหน้า หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกคลื่นไส้ เขาไม่เคยเป็นเช่นนี้เมื่อครั้งเผชิญหน้ากับโศกนาฏกรรมในเมืองหลันเยี่ยน กระนั้นลั่วปิงไม่ใช่ผู้อ่อนแอ พลังสะท้อนกลับทำให้เขาถอยหลังไปหลายก้าวจนแทบยืนไม่ไหว
ทุกคนรอบสนามประลองต่างตกตะลึง รวมทั้งทหารองครักษ์ผู้ดูแลตกใจยิ่งกว่า “หลินจื้อ ทะ…ท่านสังหารปรมาจารย์วิญญาณลั่วปิง ท่าน…”
“ข้าก่อปัญหาใหญ่แล้วใช่หรือไม่?” หลินมู่อวี่ตะลึง
“ไม่”
ทหารหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “องค์จักรพรรดิเคยตรัสไว้ว่า ผู้ใดที่สามารถเอาชนะปรมาจารย์วิญญาณได้จะสามารถเลื่อนขั้นเป็นตำแหน่งนั้นแทนที่ ท่านหลินจื้อ ตอนนี้ท่านได้เป็นปรมาจารย์วิญญาณและรับใช้ฝ่าบาท ข้าน้อยขอคารวะท่านปรมาจารย์วิญญาณหลินจื้อขอรับ!”
“ขอบคุณ…” หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วขณะที่มองดูกองเลือดบนพื้นด้วยความหวาดหวั่น
ทหารกล่าวต่อ “ท่านหลินจื้ออย่าเพิ่งกล่าวสิ่งใด โปรดตามข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทตามความประสงค์ของพระองค์ด้วย ผู้ที่สามารถเอาชนะปรมาจารย์วิญญาณจะมีสิทธิ์เข้าเฝ้าพระองค์โดยตรง!”
“อืม ขอบคุณ”
หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ เขาเพียงต้องการเห็นว่าผู้ใดคือจักรพรรดิที่คุมขังชวีฉู่เท่านั้น…
…
ประตูพระราชวังไม่ใหญ่โตนักและดูอ่อนแอ หลังจากเดินผ่านศาลามากมายราวสิบนาทีก็มาถึงด้านหน้าของพระราชวังที่ดูตระการตา ระหว่างทางมีผู้ที่สวมตราสีเงินและสีทองมากมายมองมาที่เขาอย่างไม่เป็นมิตร หลินมู่อวี่ยังรู้อีกว่าในแดนโกลาหลมีปรมาจารย์วิญญาณเพียงสี่คนเท่านั้น และเมื่อเขาสามารถสังหารไปหนึ่งคน จึงกลายเป็นเรื่องน่าตกตะลึง
กระนั้นหลินมู่อวี่ค่อนข้างสับสน ชวีฉู่อยู่ขอบเขตปราชญ์ อีกทั้งมีวิญญาณยุทธ์ติ่งอัคนีที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งชวีฉู่เมื่อสามปีก่อนไม่มีทางที่จะอ่อนแอไปกว่าเขาในตอนนี้เลย เช่นนั้นเหตุใดจึงถูกจับคุมขัง?
ภายในโถงมีเหล่าหญิงสาวกำลังเต้นระบำอย่างสง่างาม ขณะที่ชายอายุราวสามสิบปีนั่งอยู่บนบัลลังก์พร้อมมีแสงสีแดงสาดส่องบนใบหน้า จักรพรรดิผู้นี้ยังดูเด็กมากแม้จะครองราชย์แดนโกลาหลมายาวนาน แสดงว่าเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ตั้งแต่ยังหนุ่ม เช่นนั้นเขาจะต้องแข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน หลินมู่เริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดชวีฉู่จึงถูกคุมขัง
“เจ้าคือหลินจื้อผู้สังหารปรมาจารย์วิญญาณลั่วปิงใช่หรือไม่?” องค์จักรพรรดิเลิกคิ้วถาม
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมมีนามว่าหลินจื้อ!” หลินมู่อวี่แสดงความเคารพ
จักรพรรดิพลันหัวเราะ “หลินจื้อ เจ้าสามารถสังหารสัตว์ประหลาดเฒ่าลั่วปิงได้อย่างง่ายดาย เข้ามาสิ นั่งลงดื่มสุราแล้วทานเนื้อสักหน่อย!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
สาวใช้ดึงมือหลินมู่อวี่พาไปนั่งที่โต๊ะ จากนั้นจักรพรรดิกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หลินจื้อ ตั้งแต่มาอยู่ในแดนโกลาหล เจ้ามีความสุขหรือไม่? ไม่มีที่ใดดีไปกว่าที่แห่งนี้อีกแล้ว”
หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีความสุขมากจนไม่ต้องการไปที่อื่นอีก”
“ฮ่าๆๆ ดี!”
แม้ว่าดวงตาของจักรพรรดิจะเปล่งประกาย แต่กลับดูบวมเล็กน้อย ซึ่งทำให้หลินมู่อวี่รู้ว่าจักรพรรดิมีอาการป่วยเกี่ยวกับไตอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันหญิงสาวผู้นั่งอยู่แถวเดียวกับองค์จักรพรรดิเผยยิ้มอ่อนหวาน “ว้าว ไม่มีผู้หล่อเหลาเช่นท่านหลินจื้อมากนักในแดนโกลาหล!”
“ใช่ เขาหล่อมากจนข้าแทบเก็บอาการไม่ได้!”
“ท่านพี่ชอบเขาเช่นกันหรือ?”
“อืม…”
องค์จักรพรรดิยิ้มเล็กน้อย “หลินจื้อดูสิ ข้ามีราชธิดาสี่พระองค์ ทุกคนล้วนเป็นองค์หญิงแห่งแดนโกลาหล หากเจ้าสนใจหนึ่งในนี้ เพียงบอกข้ามา แล้วข้าจะจัดพิธีสมรสให้เอง”
หลินมู่อวี่ตะลึงงัน
องค์หญิงอายุราวสิบแปดปีซึ่งเป็นผู้ที่อายุน้อยที่สุดจากสี่คนพลันลุกขึ้น นางเดินถือจอกเข้ามาพร้อมกล่าวว่า “เสด็จพ่อ ข้าถูกใจปรมาจารย์วิญญาณผู้นี้นัก พี่ทั้งสามยินยอมแล้ว เช่นนั้นเขาเป็นของข้า!”
หลินมู่อวี่เหลือบมองก็พบว่าองค์หญิงสี่สง่างามมาก แม้จะไม่เท่าฉินอินและถังเสี่ยวซี กระนั้นก็มีใบหน้าที่โดดเด่นยิ่ง
องค์จักรพรรดิกล่าวต่อ “หลินจื้อ หากเจ้าพอใจองค์หญิงสี่ นางจะกลายเป็นผู้หญิงของเจ้า”
หลินมู่อวี่ตกตะลึงและไม่อาจปฏิเสธ เขาจึงรีบประสานหมัด “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”
“ดีมาก ดี…”
องค์จักรพรรดิหัวเราะ “ผู้คนในแดนโกลาหลใช้ชีวิตเรียบง่ายและไม่มีพิธีการมากมาย หลังดื่มเสร็จเพียงพาองค์หญิงสี่กลับไปยังห้อง นางรู้ว่าควรทำอย่างไรต่อ จากนั้นเราจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน”
ราวกับมีม้าหลายล้านตัววิ่งผ่านหัวใจหลินมู่อวี่ ผู้คนในแดนโกลาหลไม่เคยถูกสั่งสอนมาเลยรึ? ราวกับองค์หญิงทั้งสี่กำลังเข้าสู่ช่วงวัยฤดูใบไม้ผลิ พวกนางแสดงท่าทางไม่เหมือนหญิงสาวที่เติบโตมาในครอบครัวชนชั้นสูง จากนั้นองค์หญิงสี่พลันเข้ามานั่งด้านข้างพร้อมเบียดหน้าอกกับแขน เขาทำได้เพียงนั่งนิ่งราวกับชายเฒ่าที่ไหลไปตามคลื่น
…
มันจบแล้ว…ครานี้คงไม่สามารถช่วยชวีฉู่ได้ เขาพาตัวเองดำดิ่งกับกิเลสมากเกินไป!
ไม่…สงบจิตสงบใจไว้…จะต้องรักษาพรหมจรรย์และความซื่อสัตย์ไว้ให้ได้!
………………………………….