The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.405 ตาต่อตา
EP.405 ตาต่อตา
“ตูม!”
ดวงดาวจำนวนนับพันพุ่งใส่ปากมังกรและลำตัวจนเป็นรูพรุน ก่อนที่พลังจะพุ่งทะลุกระแทกกำแพงหินด้านหลังพังทลายราวกับเป็นวันโลกาวินาศ จากนั้นมังกรร้ายส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดจากพลังเจ็ดประทีปพลิกดารา
“โฮก...” เสียงร้องคำรามกลายเป็นเสียงคร่ำครวญ ลิ้นของมันถูกทำลายจากการโจมตีของหลินมู่อวี่
ก่อนที่พลังเจ็ดประทีปจะสะท้อนกลับ หลินมู่อวี่รีบยกกระบี่เล่มยาวพร้อมใช้กลยุทธ์ดวงดาราปัญจสวรรค์ฟาดฟันหัวราชามังกรทมิฬทันที!
“ฉัวะ!”
หัวมังกรร้ายถูกตัดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยพร้อมกะโหลกแตกจนเสียชีวิตทันที จากนั้นหลินมู่อวี่ตวัดกระบี่ตัดกะโหลกและคว้าศิลาวิญญาณฉับพลัน ก่อนที่ร่างราชามังกรจะร่วงหล่นลงสู่ห้วงอวกาศเบื้องล่าง
เขาโยนศิลาวิญญาณลงถุงสรรพสิ่ง ความรู้สึกง่วงพลันถาโถมเข้าใส่ร่างกาย ไม่นานก็สูญเสียพลังการบิน เขาจึงรีบหันกลับและวิ่งไปทางชวีฉู่พร้อมชักกระบี่ตัดโซ่เหล็กที่คุมขัง ก่อนจะดึงหอกที่ผนึกทะเลปราณออก เขาพลันเห็นขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ที่หมุนวนอย่างรวดเร็ว ช่างน่าตกใจที่ชวีฉู่มีวิธีป้องกันไม่ให้ปราณรั่วไหลออกมาได้
“อึก...” ชวีฉู่หายใจติดขัดพร้อมหันมองหลินมู่อวี่ที่จับเถาวัลย์ด้วยความพึงพอใจ “อาอวี่ นี่คือเรื่องจริงหรือ? เจ้าผ่านรอยแยกเข้ามาจริงๆ…”
“เรื่องจริงแน่นอนขอรับ”
หลินมู่อวี่กล่าวอย่างอ่อนแรง “มันไม่ง่ายเลยกว่าจะรู้ว่าผู้อาวุโสฉู่ถูกไล่ล่าเข้าไปในเจดีย์ทงเทียน และข้ารับรู้เรื่องนี้ผ่านท่านจอมมารโลหิต เขาไม่ได้โกหกข้า…”
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บหรือ?” ชวีฉู่รีบเอ่ยถาม ขณะที่กำลังฟื้นฟูปราณและความแข็งแกร่งของร่างกาย
“ข้าไม่เป็นไร เพียงผลกระทบของเจ็ดประทีปพลิกดารารุนแรงยิ่ง”
“เจ็ดประทีปพลิกดารา” ชวีฉู่ตกตะลึงและหรี่ตาลง “เท่าที่ข้ารู้…นี่เป็นวิทยายุทธ์เฉพาะของราชาปีศาจเจ็ดประทีปจากอดีตกาล จะ…เจ้าใช้พลังเจ็ดประทีปได้อย่างไร?”
“เรื่องมันยาวขอรับ ข้าและราชาปีศาจเจ็ดประทีปกลายเป็นสหายกันโดยบังเอิญ เขาสอนวิทยายุทธ์เจ็ดประทีปทั้งหมดให้ แต่จิตวิญญาณของข้าไม่แข็งแกร่งพอที่จะควบคุมมัน ทุกครั้งที่ข้าใช้พลังจึงได้รับพลังสะท้อนกลับสู่ร่างกายและจิตใจเสมอ”
“เป็นเช่นนี้เอง…”
ชวีฉู่คร่ำครวญด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “ข้าถูกกักขังอยู่ที่นี่กว่าสามปีแล้ว ตลอดสามปี…คงมีหลายสิ่งเกิดขึ้นมากมายในจักรวรรดิ”
หลินมู่อวี่ตกใจพร้อมพึมพำ “เรื่องค่อนข้างยาว”
“ไม่เป็นไร เล่ามาเถิด”
“พี่ใหญ่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน พี่ใหญ่ฉินเหลย ท่านปู่เหล่ยหง พวกเขาทั้งหมดเสียชีวิตในสนามรบ และจักรวรรดิอี้เหอเข้ายึดครองเมืองหลันเยี่ยน”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ…” ใบหน้าชวีฉู่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
หลินมู่อวี่เล่าต่อ “เราพบพระบรมศพของเสด็จพ่อฉินจิ้นในทะเลสาบภูตของมณฑลเทียนชู่ และได้ฝังไว้ที่นั่น จักรวรรดิอี้เหอครอบครองเมืองหลันเยี่ยนกระทั่งเมืองชีไห่และเมืองหยาดสายัณห์ส่งกองกำลังเสริมสามแสนนายขับไล่พวกมันออกไป จากนั้นเสี่ยวอินขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินี และรับสั่งให้ข้าติดตามเซินเว่ยโหวหมินยวี่หลินเพื่อฟื้นฟูมณฑลหลิงตง ก่อนที่เผ่าปีศาจจะเข้ารุกรานและสังหารกองทัพหนึ่งแสนนายรวมทั้งเซินเว่ยโหว”
“นั่นมันนรกชัดๆ”
ชวีฉู่ขมวดคิ้วและกล่าว “เผ่าปีศาจคืออะไร?”
“มันคือเผ่าของนักฆ่าที่ข้าพบในแม่น้ำต้าวเจียงระหว่างทางไปมณฑลอวิ้นจง พวกมันสามารถใช้พายุปราณสีเลือด จิตวิญญาณแห่งอสูร และพลังปราชญ์แห่งปีศาจ พวกเผ่าปีศาจระดับสูงแข็งแกร่งมาก กองกำลังหลักของมันเรียกว่าอสูรเกราะ พวกมันมีกระดองแข็งรอบตัวซึ่งคมดาบไม่สามารถฟันเข้า ดังนั้นพวกเราจึงประสบกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในการต่อสู้กับเผ่าปีศาจ”
“ปีศาจเหล่านั้น…เป็นเจ้าของแผ่นดินใหญ่เมื่อหลายหมื่นปีก่อนในตำนาน”
“ด้วยเหตุผลนี้…พวกมันจึงเรียกตนเองว่าเผ่าเทพ”
ชวีฉู่ถอนหายใจและกล่าวว่า “การก่อกบฏของจักรวรรดิอี้เหอทำให้จักรวรรดิล่มสลาย เมื่อเผ่าปีศาจปรากฏตัว จึงทำให้แผ่นดินเกิดความโกลาหลยิ่งขึ้น อาอวี่…เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ยังโชคดีขอรับ”
หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย “พี่เฟิง พี่ฉู่เหยา เสี่ยวซี และเสี่ยวอินรอดชีวิตจากความโกลาหลนี้ได้ แต่พวกปีศาจแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน พวกเราจึงต้องการท่านปู่ชวีฉู่กลับไป”
ชวีฉู่ยิ้ม “ข้าเองก็ต้องการกลับบ้านเช่นกัน แต่…ข้าไม่รู้จะข้ามกลับไปได้อย่างไร อาอวี่มีความสามารถนั้นหรือไม่?”
“ขอรับ”
หลินมู่อวี่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ราชาปีศาจเจ็ดประทีปได้สอนข้าก่อนกลับสู่ดินแดนเทวะ พวกเราสามารถกลับออกไปด้วยวิชาลับการเปิดรอยแยกมิติ กระนั้นร่างกายของท่านปู่จะสามารถทนต่อผลกระทบของทรายแห่งกาลเวลาได้หรือไม่?”
“หามีปัญหาไม่”
ชวีฉู่กล่าวอย่างนิ่งเฉย “ข้าอยู่ในแดนโกลาหลมาสามปี เจ้าคิดว่าข้าใช้เวลาไปกับสิ่งใด…ข้าอยู่กับราชามังกรทมิฬและมังกรอีกมากมายในทุกวัน เมื่อเวลาผันผ่านข้าได้ศึกษาพลังและภาษามังกร จากนั้นข้าได้สร้างวิทยายุทธ์จากเลือดมังกรเรียกว่า ‘ทักษะสยบมังกร’ แต่ด้วยสายเลือดของข้าจึงไม่สามารถใช้มันได้เต็มที่ ดังนั้นจึงวางแผนว่าจะส่งต่อวิทยายุทธ์นี้ให้จักรพรรดินีฉินอินผู้มีสายเลือดมังกรบริสุทธิ์”
หลินมู่อวี่แอบปีติ “นั่นเป็นเรื่องดี เดิมทีท่านปู่เป็นอาจารย์ของเสี่ยวอินอยู่แล้ว”
“อืม”
ชวีฉู่พยักหน้า “เช่นนั้นไปพักผ่อนเถิด เราจะออกจากแดนโกลาหลหลังจากพักฟื้นพลังกายและพลังปราณแล้ว”
“ไม่ขอรับ”
หลินมู่อวี่จ้องมองด้วยสายตาน่าเกรงขาม “ข้าเคยเข้าไปในพระราชวังของแดนโกลาหลและได้พบเห็นสิ่งจักรพรรดิทำ เช่นนั้นข้าจะปล่อยเขาไปเฉยๆ ได้อย่างไร?”
“แล้วเจ้าต้องการทำสิ่งใดหรือ?” ชวีฉู่ตะลึง
หลินมู่อวี่กำหมัดแน่นพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ข้าจะทำให้มันชดใช้สิ่งที่ทำกับท่านปู่ก่อนออกจากที่นี่ ข้าต้องการกำจัดไอ้ขยะของแดนโกลาหล!”
ชวีฉู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “แม้ว่าเจ้าจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์และมีพลังเจ็ดประทีป แต่การต่อสู้กับจักรพรรดิไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้ามั่นใจว่าสามารถเอาชนะเขาได้อย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ขอรับ แต่สามารถท้าทายมันได้ อีกทั้งข้ามั่นใจว่าจะเอาชนะได้ด้วยความช่วยเหลือของท่านปู่”
“ฮ่าๆๆ…เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพลังของข้าจะเอาชนะจักรพรรดิได้?”
“ข้าสัมผัสมันได้” หลินมู่อวี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย
ชวีฉู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ทันใดนั้นพลังในร่างกายถูกปลดปล่อยออกมาอย่างท่วมท้นพร้อมรัศมีพลังอันแข็งแกร่งทะยานขึ้นสู่เหวมังกร ทำให้มังกรขนาดใหญ่ตัวสั่นสะท้านและยอมจำนน ขณะเดียวกันร่างกายของชวีฉู่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองเสมือนเทพเจ้า ซึ่งเป็นพลังที่เหนือความคาดการณ์ของหลินมู่อวี่มาก
“นั่น…มันพลังอะไร?” หลินมู่อวี่เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
“มันเรียกว่าเขตแดนสวรรค์”
ชวีฉู่กล่าวต่อ “เป็นพลังขอบเขตปราชญ์ชั้นที่สาม”
“ท่านปู่ชวีฉู่ใช้เขตแดนสวรรค์” หลินมู่อวี่ดีใจ “กล่าวอีกนัย…ท่านปู่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเทวะเพียงแค่เอื้อม!”
“ขอบเขตเทวะยังอยู่อีกไกลโพ้น และไม่รู้อีกนานเพียงใด แต่ตลอดสามปีข้าไม่เคยหยุดพัก พยายามเรียนรู้เผ่าพันธุ์มังกรและฝึกฝนจิตวิญญาณภายในเหวมังกรแห่งนี้ กระทั่งประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ชั้นที่สาม” ชวีฉู่ถอนหายใจและยิ้ม “โลกนี้ช่างมหัศจรรย์ยิ่ง”
หลินมู่อวี่ประสานหมัดด้วยความแน่วแน่พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่เฟิงและข้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ เมื่อผนวกกับความแข็งแกร่งขอบเขตปราชญ์ชั้นที่สามของท่านปู่ หากลั่วหลานบุกรุกเมืองหลันเยี่ยนอีกครา เราก็จะไม่เกรงกลัวสิ่งใดอีก”
“อี้ม!”
ชวีฉู่พยักหน้ารับ “ข้าแก่ชราแล้ว แม้จะมีพลังเพียงพอที่จะปกป้องจักรวรรดิ แต่อาอวี่และเฟิงจี้สิงจะต้องฝึกฝนอย่างหนัก อนาคตของจักรวรรดิอยู่ในมือเจ้าทั้งสอง”
“ขอรับ ท่านปู่คงหิวมากแล้ว ทานอาหารกันเถิด”
“อืม ดี”
“นี่ไก่ย่างจากเมืองหลันเยี่ยน อ่า…ท่านปู่ค่อยๆ กิน และนี่คือสุราที่ข้าแอบเอามาจากตำหนักเจ๋อเทียน”
“อร่อยมาก รสชาติของบ้านเกิด…” ชวีฉู่กินอาหารพร้อมน้ำตาเอ่อล้น
หลินมู่อวี่มองเขากินอาหารอย่างเงียบงัน ขณะที่ภายในใจปวดร้าว
…
เวลาผันผ่านไปหลายวัน ชวีฉู่และหลินมู่อวี่ยังคงซ่อนตัวในเหวมังกรเพื่อฝึกฝนและฟื้นฟูร่างกาย พลังของชวีฉู่แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ขณะที่พลังของหลินมู่อวี่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมพลังสะท้อนกลับของเจ็ดประทีปค่อยๆ ฟื้นตัว ขณะนี้ความแข็งแกร่งทางกายภาพและปราณถูกยกระดับขึ้นสู่ขั้นสูงสุด
“ข้าฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว” หลินมู่อวี่เผยยิ้มท่ามกลางความมืด
“อืม”
ชวีฉู่พยักหน้า “จักรพรรดิสะสมบารมีในแดนโกลาหลแห่งนี้มาช้านาน และยังมีสมบัติและเงินทองมากมายในพระราชวัง ไม่ว่าเราจะสังหารจักรพรรดิได้หรือไม่ เพียงเอาสมบัติของเขากลับไปด้วย ก็ถือว่าเป็นการช่วยจักรวรรดิแล้ว”
“อืม ข้าคิดเช่นเดียวกัน”
หลินมู่อวี่เงยหน้ามองปากเหวมังกรพร้อมสัมผัสได้ถึงรัศมีพลังที่หนาแน่นด้านบน เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ท่านปู่ ข้าอยู่ในเหวมังกรมาอย่างน้อยสามวันแล้ว ข้าคิดว่าจักรพรรดิคงรับรู้ได้ถึงความผิดปกติจึงมีคนมากมายมารายล้อมอยู่ที่ปากเหว เมื่อออกไปได้เราต้องเริ่มโจมตีทันที”
ชวีฉู่ยิ้ม “อืม จักรพรรดิเป็นผู้ควบคุมปรมาจารย์วิญญาณ จอมมาร และทหารจอมยุทธ์ พวกเขาล้วนเป็นกลุ่มคนชั่วร้าย หากสามารถกำจัดได้ คงเป็นเรื่องดีสำหรับแดนโกลาหล”
หลินมู่อวี่กล่าว “เช่นนั้น…เตรียมตัวให้พร้อมขอรับ”
“เราจะขึ้นไปได้อย่างไร?” ชวีฉู่เอ่ยถาม
“บินขึ้นไป”
หลินมู่อวี่เรียกเบาๆ “แอปเปิลน้อย…แปลงเกราะ”
“โฮก...”
มังกรผลึกโลหิตคำรามภายในทะเลจิตพร้อมพุ่งทะลุรอยแยกกลายเป็นสายโลหิต ก่อนจะควบแน่นบนร่างของหลินมู่อวี่และเข้าสู่รูปแบบเกราะอย่างรวดเร็ว ปีกผลึกสีแดงสยายออกด้านหลังขณะที่เหล่ามังกรในหุบเหวตัวสั่นเทา เขาไม่มีเจตนาจะฆ่าพวกมัน เขาพลันเอื้อมมือกอดชวีฉู่ ก่อนจะกระโดดและกระพือปีกขึ้นสู่ยอดหุบเหวมังกร
………………………………….