The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.407 ต้าซือเยว่
EP.407 ต้าซือเยว่
“ฟึ่บ!”
ร่างทั้งสองถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีทองขณะพุ่งออกจากรอยแยกมิติสู่ยอดเจดีย์ทงเทียน ชวีฉู่ใช้พลังเขตแดนสวรรค์ก่อนลงสู่พื้น ร่างของเขาปกคลุมไปด้วยวิญญาณยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้มารโลหิตและผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ตะลึงงัน ทั้งมารโลหิตและหมีดำของเขาต่างแสดงท่าทีหวั่นเกรงอย่างไม่รู้ตัว
หลินมู่อวี่ตามมาติดๆ ปีกผลึกมังกรด้านหลังกระพืออย่างรวดเร็ว เขาเหยียบลงบนยอดเจดีย์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหินก่อนยิ้มพร้อมกล่าว “ท่านมารโลหิต ข้าพาผู้อาวุโสชวีฉู่กลับมาแล้ว!”
ใบหน้าของมารจอมโลหิตนั้นซีดเซียว เขากล่าวออกอย่างนอบน้อม “ไม่นึกเลยว่าท่านชวีฉู่จะเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ชั้นที่สามแล้ว!”
ชวีฉู่ยิ้มพลางประสานหมัด “คารวะท่านมารโลหิต เป็นพระคุณยิ่งที่ท่านให้หลินมู่อวี่ไปตามหาคนแก่ใกล้ตายอย่างข้า!”
“ท่านชวีฉู่สุภาพเกินไปแล้วขอรับ!”
ท่าทางของมารโลหิตไม่สู้ดีนัก เขากล่าวออก “เจดีย์แห่งนี้ไม่มีสิ่งใดเพียบพร้อมเลยขอรับ ให้ท่านค้างแรมที่นี่คงไม่ดีนัก”
เวลาล่วงเลยไปสู่ค่ำคืน
หลินมู่อวี่พยักหน้าพลางยิ้มพร้อมกล่าวออก “ผู้อาวุโสชวีฉู่ เรากลับเมืองหลันเยี่ยนกันเถิดขอรับ”
“อืม!”
ทั้งสองเดินลงบันไดของเจดีย์ไปทีละขั้น เมื่อประตูเหล็กเปิดออก เหล่าทหารของกองทัพองครักษ์ซึ่งอยู่ไม่ไกลก็วิ่งเข้ามาทันใด หนึ่งในนั้นมีนายกองที่หลินมู่อวี่เคยมอบหมายงานให้รวมอยู่ เขากล่าวออกด้วยความประหลาดใจ “ผู้บัญชาการหลิน ท่านกลับมาแล้วหรือขอรับ? แล้วท่าน…”
เสื้อคลุมสภาพรุ่งริ่งถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นใบหน้าของชายชราผู้สวมใส่ “เจ้าไม่รู้จักข้าหรอก”
“ไม่ขอรับ…ข้ารู้จักท่าน”
นายกองรีบคุกเข่าลงพร้อมกล่าวออกด้วยความเคารพ “ข้าน้อยคารวะท่านชวีฉู่!”
ด้านหลังของนายกอง เหล่าทหารกองทัพองครักษ์ต่างคุกเข่าคารวะชวีฉู่ตามทันใด ชื่อเสียงของผู้อาวุโสชวีฉู่ในจักรวรรดิไม่ได้น้อยไปกว่าวีรบุรุษคนที่สองแม้แต่น้อย อีกทั้งในฐานะจอมยุทธ์ เขายังเหนือชั้นกว่าหลินมู่อวี่มากและได้รับความเคารพนับถือยิ่ง
“โอ้ เจ้ารู้จักข้าที่หายตัวไปถึงสามปีได้อย่างไร?” ชวีฉู่เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
นายกองยกยิ้มพลางกล่าว “ผู้อาวุโสฉู่ ท่านคงลืมไปแล้วว่ามีรูปวาดของท่านอยู่ที่ตำหนักเจ๋อเทียน ข้าน้อยเห็นรูปวาดของท่านที่นั่นขอรับ”
“เช่นนี้เอง ลุกขึ้นยืนเถิด ไม่ต้องมากพิธีหรอก”
“ขอรับ!”
หลินมู่กล่าวออก “นำท่าเฉว่พร้อมม้าอีกหนึ่งตัวมาให้ข้าและผู้อาวุโสชวีฉู่ เราจะเดินทางกลับตำหนักเจ๋อเทียน”
“ขอรับ ท่านผู้บัญชาการหลิน!”
…
ประตูทางเข้าเมืองเปิดให้พวกเขาผ่านตลอดทาง ผู้บัญชาการที่ดูแลกองทัพองครักษ์ในคืนนี้คือจางเหว่ย เมื่อเห็นหลินมู่อวี่และชวีฉู่ขี่ม้าเข้ามา เขากระโดดลงจากกำแพงพลางหัวเราะด้วยความดีใจเสียงดังลั่น “ผู้บัญชาการหลิน…ท่านอาวุโสชวีฉู่! โอ้ สวรรค์ …ท่านกลับมาแล้ว!”
หลินมู่อวี่พยักหน้า เขายิ้มพร้อมกล่าว “เฒ่าจาง พาพวกเราไปหาฝ่าบาททีเถิด”
“ค่อนข้างดึก ข้าเกรงว่าฝ่าบาทจะบรรทมแล้ว”
“ไม่เป็นไร ข่าวดีเช่นนี้เสี่ยวอินคงไม่ว่าอะไร”
“อืม!”
พวกเขารีบมุ่งหน้าไปตำหนักเจ๋อเทียนทันที เมื่อทั้งสามคนมาถึงด้านนอกตำหนัก หลินมู่อวี่จึงขอให้สาวใช้ไปแจ้งข่าวแก่องค์จักรพรรดินี เพียงครู่หนึ่ง ร่างสง่างามของฉินอินก็เยื้องกรายเข้ามาในโถงหลัก นางอยู่ในชุดนอนสีขาวพร้อมสวมเสื้อคลุมของจักรพรรดินี เท้าบอบบางก้าวไปบนพื้นหยกเย็นเฉียบด้วยความรีบร้อน ดวงตาคู่สวยเปี่ยมไปด้วยความสุข “ท่านชวีฉู่…ท่านชวีฉู่ ท่านยังไม่ตาย!”
ชวีฉู่ยิ้มพร้อมคุกเข่าลง “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงอภัยที่กระหม่อมหนีตายไปแดนอื่น กระหม่อมมิอาจตายด้วยน้ำมือของลั่วหลานได้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านชวีฉู่ อย่ากล่าวโทษตนเองเช่นนั้นเลย!”
ฉินอินกล่าวออกอย่างปลื้มปีติ “ช่างเป็นโชคดีของจักรวรรดินักที่ท่านได้กลับมายังเมืองหลันเยี่ยน!”
หลินมู่อวี่ยิ้มพร้อมเอ่ย “เสี่ยวอิน ข้ายังมีข่าวดีอีกเรื่อง ผู้อาวุโสชวีฉู่ทะลวงสู่ขอบเขตปราชญ์ขั้นที่สามแล้ว และหากลั่วหลานบุกโจมตีเมืองหลันเยี่ยนอีกครั้ง ทั้งข้าและพี่เฟิงก็จะร่วมสู้ให้ถึงที่สุด!”
“ดีมาก!”
ชวีฉู่สูดหายใจลึก เขายืนขึ้นพร้อมกล่าว “ข้าแต่ฝ่าพระบาท กระหม่อมผู้มิได้เก่งกาจมากนัก อยากกลับมาสอนวิชาแก่พระองค์อีกครั้ง ครานี้กระหม่อมมีวิทยายุทธ์ใหม่ที่อยากให้พระองค์ได้ฝึกฝนพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินอินยิ้มด้วยความตื่นเต้น “เป็นเช่นนั้น…ดียิ่งนัก!”
หลินมู่อวี่กล่าว “เสี่ยวอิน ส่งคนไปแจ้งข่าวที่จวนของท่านหลานกง ท่านหยุนกงและขุนนางคนอื่นๆ ว่าผู้อาวุโสชวีฉู่กลับมาแล้ว และให้เดินทางมายังตำหนักเจ๋อเทียนในวันพรุ่งนี้ เราควรหารือกันว่าจะให้ท่านชวีฉู่ดำรงตำแหน่งใด”
“อืม”
ฉินอินกะพริบตาพร้อมกล่าว “พันกว่าปีก่อน จักรวรรดิของเราเคยมีตำแหน่ง ‘ต้าซือเยว่’ ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมทัพเหล่าทหารและม้า ข้าวางแผนจะแต่งตั้งท่านชวีฉู่ให้ดำรงตำแหน่งต้าซือเยว่ พี่อาอวี่ว่าดีหรือไม่?”
“ข้าว่าดี หากแต่จะให้ท่านหลานกงและหยุนกงเห็นด้วยคงไม่ง่ายนัก”
“เช่นนั้น พรุ่งนี้ผู้บัญชาการเฟิง เว่ยโฉว จางเหว่ยและคนอื่นๆ คงต้องช่วยข้าแล้วล่ะ”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
…
คืนนั้นหลินมู่อวี่และชวีฉู่พักที่ตำหนักเจ๋อเทียน ทว่าชวีฉู่ไม่ได้นอนตลอดทั้งคืนเนื่องจากเขียนตำราทักษะสยบมังกร
เช้าวันต่อมา เฟิงจี้สิง เว่ยโฉว ฉินเหยียนและคนอื่นๆ ต่างเดินทางมาเพื่อพบชวีฉู่ เขารู้สึกตื้นตันใจนักเมื่อเห็นว่าจักรวรรดินั้นมีผู้บัญชาการหนุ่มจำนวนมาก หลังจากฟังหลินมู่อวี่พูดถึงสถานการณ์การปกครองภายในจักรวรรดิ ชวีฉู่เองไม่อาจอยู่เฉยได้อีกต่อไป หากต้องเป็นถึงต้าซือเยว่ เขาก็ไม่อาจทำตัวเยี่ยงผู้ดูแลสุสานมังกร เล่นแร่แปรธาตุไปวันๆ ได้อีก ตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง
เสียงระฆังดังกังวาน การประชุมในเวลาเช้ากำลังจะเริ่มขึ้นหลังจากหลินมู่อวี่ เฟิงจี้สิงและขุนนางคนอื่นๆ เพลิดเพลินกับอาหารเช้าที่ตำหนักเจ๋อเทียน
ณ โถงหลัก เหล่าขุนนางยืนเรียงแถวด้วยความนอบน้อม ชวีฉู่ยืนอยู่หน้าสองผู้บัญชาการหลินมู่อวี่และเฟิงจี้สิง ใบหน้าของเขาเรียบเฉย ทว่าเคร่งขรึมและทรงพลัง วิญญาณยุทธ์ที่แกร่งกล้าของเขาทำให้ทุกคนในโถงหลักรู้สึกหวั่นเกรง นี่คือความแข็งแกร่งของพลังขอบเขตปราชญ์ที่แม้แต่หลินมู่อวี่ก็ไม่อาจต้านทานได้ แล้วนับประสาอะไรกับผู้อื่น?
“ยินดีกับการกลับมาของท่านด้วยขอรับ ท่านชวีฉู่!” ซูมู่หยุนประสานหมัดอย่างนอบน้อม
ชวีฉู่พยักหน้าพร้อมยิ้ม “ข้าละอายใจยิ่งที่ต้องระหกระเหินหนีตายไปแดนอื่น ขณะที่ท่านหยุนกงนำทัพทั้งสามของเมืองหยาดสายัณห์กอบกู้ดินแดนจักรวรรดิที่เสียไปกลับมาได้ น่าชื่นชมยิ่ง!”
“ท่านชวีฉู่ก็พูดเกินไปขอรับ!”
ถังหลานต่างก็มาพร้อมกับถังลู่ ถังเทียน ถังเว่ยและคนอื่นๆ เขาประสานหมัดพร้อมเอ่ยด้วยความเคารพ “คารวะท่านชวีฉู่ ช่างเป็นโชคดีของจักรวรรดิที่ท่านสามารถรอดชีวิตกลับมา ทำให้องครักษ์ชุดขาวที่จักรพรรดิองค์แรกทรงแต่งตั้งเหลือถึงสามคน ซึ่งก็คือท่านฉู่ เฟิงจี้สิงและท่านเหยาหยวน”
ชวีฉู่พยักหน้าก่อนกล่าวออกอย่างสงบนิ่ง “ท่านหลานกงเปรียบเสมือนเสาหลักของจักรวรรดิและพระภาคิไนย องค์หญิงซีก็สามารถควบคุมเผ่าพันธุ์อสูรได้ น่ายินดีนักที่จักรวรรดิสามารถคว้าชัยในการต่อสู้ครั้งแรกได้เพราะท่าน ข้าหวังว่าท่านหลานกงจะจงรักภักดีต่อจักรวรรดิเช่นนี้ต่อไป”
“ต้องเป็นเช่นน้ันอยู่แล้วขอรับ” ถังหลานฝืนยิ้ม
ขณะนั้น ฉินอินเดินเข้ามายังตำหนัก รอบกายนางรายล้อมไปด้วยสาวใช้ ดวงตาคู่สวยกวาดสายตามองเหล่าขุนนางก่อนกล่าวออกพร้อมรอยยิ้ม “ข้าเชิญทุกท่านมาที่ตำหนักเจ๋อเทียนในวันนี้เพื่อแจ้งข่าวดี ท่านชวีฉู่กลับมาแล้ว!”
ทุกคนกล่าวพร้อมกัน “แสดงความยินดีกับองค์จักรพรรดินี!”
ฉินอินยิ้มพร้อมกล่าวออก “ท่านชวีฉู่เป็นองครักษ์ชุดขาวที่แต่งตั้งโดยองค์จักรพรรดิ อีกทั้งยังเป็นขุนนางอาวุโสและเป็นอาจารย์ของข้า ครานี้ที่ท่านชวีฉู่กลับมา เขาก็สมควรได้รับตำแหน่งที่สมกับความสามารถ ข้าจึงตัดสินใจว่าจะนำตำแหน่ง ‘ต้าซือเยว่’ ที่เคยมีเมื่อพันกว่าปีก่อนกลับมาและแต่งตั้งให้เขาเป็น ต้าซือเยว่ชวีฉู่”
“เอ่อ…”
ซือหลิงซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมชะงักไป เมื่อถังลู่ขยิบตาส่งสัญญาณ เขาจึงประสานหมัดพร้อมกล่าวออก “ข้าแต่ฝ่าพระบาท ตำแหน่งของต้าซือเยว่ถูกยกเลิกไปพันกว่าปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นกระหม่อมหวังว่าพระองค์จะทรงตระหนักได้ว่าต้าซือเยว่ต้องรับผิดชอบดูแลทหารและม้า แม้ท่านชวีฉู่จะเป็นถึงจอมยุทธ์ที่ถูกเคารพนับถือยิ่ง ทว่าเขาก็ไม่เคยนำทัพทหารและม้ามาก่อน ดังนั้น…โปรดใคร่ครวญดูอีกทีเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เหล่าขุนนางด้านหลังถังหลานคุกเข่าลงพร้อมกันทันที “โปรดใคร่ครวญดูอีกทีเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้า…”
ฉินอินข่มความโกรธไว้ ใบหน้าเล็กของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
ขณะนั้น หลินมู่อวี่ก้าวเข้ามาพร้อมประสานหมัดกล่าวออกเสียงดัง “ข้าแต่ฝ่าพระบาท ตำแหน่งต้าซือเยว่มีหน้าที่รับผิดชอบเหล่าทหารและม้าของทั้งจักรวรรดิจริง หากแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องนำกองทัพเป็นหลัก เรามีเหล่าผู้บัญชาการเช่น เฟิงจี้สิงและเซี่ยงอวี้ซึ่งมีหน้าที่นำทัพอยู่แล้ว อีกทั้งความสามารถของท่านชวีฉู่ก็เหลือเฟือในการดำรงตำแหน่งนี้ ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าไม่มีสิ่งใดเป็นปัญหาแม้แต่น้อย ท่านชวีฉู่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้พ่ะย่ะค่ะ!”
ขณะพูด หลินมู่อวี่บีบมือของตนแผ่วเบา ทันใดนั้นจางเหว่ย เว่ยโฉว หลัวอี ฉินเหยียน เฝิงสี่และผู้บัญชาการคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังพลันคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาประสานหมัดพร้อมกล่าวออก “กระหม่อมเห็นด้วยกับผู้บัญชาการหลินพ่ะย่ะค่ะ หวังว่าพระองค์จะทรงแต่งตั้งท่านชวีฉู่เป็นต้าซือเยว่!”
เฟิงจี้สิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เขาประสานหมัดพร้อมกล่าว “กระหม่อมเห็นด้วย ท่านชวีฉู่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้พ่ะย่ะค่ะ!”
…
เวลานี้ สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังตระกูลซู ซึ่งเสียงของฝ่ายซูมู่หยุนจะตัดสินเรื่องนี้ในทันที
ซูมู่หยุนมีสีหน้าเคร่งเครียดและยังไม่กล่าวคำใดออก
ท้ายที่สุด ซูอวี่ประสานหมัดพร้อมกล่าวออก “กระหม่อมคิดว่า…ท่านชวีฉู่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ ฝ่าบาททรงอย่าลังเลเลยเพคะ ขณะนี้จักรวรรดิตกที่นั่งลำบาก ในฐานะต้าซือเยว่ ท่านชวีฉู่จะสามารถสร้างขวัญกำลังใจและรวมสามเหล่าทัพเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ที่ไม่มีผลเสียใดเลยเพคะ!”
เมื่อลูกสาวกล่าวเช่นนั้น ซูมู่หยุนก็ไม่อาจเห็นต่าง “กระหม่อมเห็นด้วยกับผู้บัญชาการอวี่พ่ะย่ะค่ะ!”
ทันใดนั้น ขุนนางของตระกูลซูและผู้บัญชาการกว่ายี่สิบนายด้านหลังของซูมู่หยุนพลันคุกเข่าลง กล่าวออกอย่างพร้อมเพรียง “กระหม่อมเห็นด้วยกับผู้บัญชาการอวี่พ่ะย่ะค่ะ!”
“ขอบคุณท่านตานัก!”
ฉินอินยิ้มอย่างอ่อนหวานพร้อมกล่าวต่อ “เช่นนั้น เขียนพระบรมราชโองการทันที แต่งตั้งให้ท่านชวีฉู่เป็นต้าซือเยว่และที่ปรึกษาของจักรพรรดินี ได้รับเงินเดือนของกง และสร้างจวนสำหรับต้าซือเยว่ทางใต้ของตำหนักเจ๋อเทียน จากนี้ท่านชวีฉู่จะอาศัยอยู่ที่นี่”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!” ชางชู่หลิงคารวะอย่างนอบน้อม
…
หลินมู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันใด ชวีฉู่กลับมายังแดนจักรวรรดิและถูกแต่งตั้งเป็นต้าซือเยว่ ตราบใดที่ชวีฉู่ดำรงตำแหน่งนี้ เขาก็สามารถควบคุมกองกำลังทหารและม้าทั้งหมดของจักรวรรดิได้ แม้ว่ารูปแบบของการปกครองในจักรวรรดิจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้น ทว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี
“อาอวี่ เจ้าทะลวงสู่ขอบเขตปราชญ์แล้วรึ?” เฟิงจี้สิงเอ่ยถามขึ้น
“ท่านดูออกด้วย” หลินมู่อวี่ยิ้ม
“หึ คืนนี้ไปดื่มที่หอสดับพิรุณกันเถิด ”
“อืม ข้าจะตามไปหลังจากเสร็จธุระที่วิหาร พี่เฟิงก็อย่าไปสายล่ะ”
“อืม เรื่องดื่มข้าไม่เคยสายอยู่แล้ว!”
………………………………..