The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.414 ทหารม้ามังกร
EP.414 ทหารม้ามังกร
ยามค่ำคืนในเมืองปู้กู่เต็มไปด้วยดวงดาราพร้อมเสียงแมลงในป่าดังอยู่ไกลๆ
กองทัพมังกรผงาดตั้งค่ายอยู่บนพื้นที่โล่งทางใต้ของเมือง ม้าศึกเคี้ยวหญ้าในปาก ขณะที่เหล่าทหารฝึกโจมตีและใช้โล่ท่ามกลางความมืด
ภายในกระโจมหลักของกองทัพ แสงเทียนสลัวสาดส่องลงบนใบหน้าที่อ่อนล้าของหลินมู่อวี่ เว่ยโฉวด้านข้างถือม้วนหนังสือพร้อมกล่าวอย่างเคารพ “วันนี้เราสูญเสียทหารสามร้อยสิบหกนาย บาดเจ็บสาหัสเจ็ดร้อยสี่สิบแปดนาย และสามารถตัดหัวอสูรเกราะสองพันหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสี่ตน เราไปเก็บลูกศรเหล็กและศรเศวตรมณีที่ถูกใช้ไปกับกล่องลูกศรแล้ว กระนั้นลูกศรหายไปกว่าสามร้อยดอก”
หลินมู่อวี่เงยหน้าพร้อมเอ่ยถาม “ศรเศวตรมณีเหล่านั้นหายไปไหน...ดึงมันกลับมาไม่ได้หรือ?”
“เป็นไปไม่ได้ขอรับ”
เว่ยโฉวยิ้ม “ศรเศวตรมณีเหล่านั้นคงติดไปกับอสูรเกราะที่หลบหนีไปได้…”
“ช่างเถิด…” หลินมู่อวี่พูดไม่ออกเล็กน้อย
ขณะเดียวกันเฝิงสี่เข้ามาในกระโจมพร้อมกล่าวว่า “ผู้บัญชาการ เจ้าเมืองปู้กู่หวังจื่อขอเข้าพบขอรับ”
“โอ้? ให้เขาเข้ามา”
“ขอรับ”
ไม่นานชายวัยกลางคนในชุดขุนนางเดินเข้ามา เขาเป็นชายรูปร่างท้วมพร้อมประดับดาวสองดวงบนหน้าปกและมีท่าทีดูประจบสอพลอ เขาโค้งตัวพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หวังจื่อคารวะท่านผู้บัญชาการหลินขอรับ”
หลินมู่อวี่ยืนขึ้นพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านหวังจื่ออย่าถ่อมตัวไป เหตุใดจึงมายังค่ายกองทัพมังกรผงาดดึกดื่นเพียงนี้?”
หวังจื่อกล่าว “ผู้บัญชาการหลินแสดงพลังอันยิ่งใหญ่วันนี้พร้อมเอาชนะกองทัพปีศาจที่กวาดล้างพวกกบฏอี้เหอ การที่จักรวรรดิมีแม่ทัพที่เก่งกล้าเช่นท่าน จะทำให้สามารถกอบกู้แผ่นดินที่เสียไปได้อย่างแน่นอน”
หลินมู่อวี่รู้สึกสะอิดสะเอียนเมื่อได้ยินคำประจบเหล่านั้น “เจ้าเมืองมีสิ่งใดก็พูดมา”
“คือว่า…” หวังจื่อยิ้มอย่างสอพลอ “เหล่าพี่น้องกองทัพมังกรผงาดสู้รบอย่างหนักตลอดทั้งวัน กระทั่งบางคนได้รับบาดเจ็บ กองทัพมังกรผงาดเป็นกองทัพที่จักรพรรดินีฉินอินควบคุมเป็นการส่วนพระองค์ พวกท่านหลั่งเลือดเนื้อและหยาดเหงื่อเพื่อเมืองปู้กู่เล็กๆ แห่งนี้จนพวกเราต่างรู้สึกซาบซึ้ง ดังนั้นจึงเตรียมอาหาร ศาสตราวุธ และหญิงสาวไว้ให้ ท่านผู้บัญชาการโปรดวางใจ หญิงสาวเหล่านี้สะอาดและบางคนก็ยังบริสุทธิ์ ข้าจะยินดีมากหากเรือนร่างพวกนางสามารถทำให้เหล่านายพลกองทัพมังกรผงาดพอใจได้”
“หญิงสาวเหล่านั้นมาจากไหน?” หลินมู่อวี่เอ่ยถาม
หวังจื่อตกตะลึงพร้อมกล่าวด้วยความเคารพ “พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ลี้ภัยจากเมืองหลันเยี่ยนหลังจากเกิดสงคราม บางนางเป็นคนท้องถิ่นที่ขายร่างกายตนเพื่อเป็นทาส เราได้พวกนางมาด้วยวิธีขาวสะอาด เช่นนั้นผู้บัญชาการหลินโปรดวางใจ”
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ขอบคุณสำหรับความกรุณาของท่านเจ้าเมือง แต่กฎของกองทัพมังกรผงาด เราไม่ยอมรับหญิงในค่าย หวังว่าท่านจะให้อภัยที่ต้องเสียมารยาทเช่นนี้ ส่วนอาหารและสิ่งของอื่นๆ ท่านสามารถนำมาได้ ในนามกองทัพมังกรผงาดและฝ่าบาท…ข้าขอขอบคุณท่านมาก”
หวังจื่อตะลึงงัน “ผู้บัญชาการหลิน ทหารส่วนใหญ่ในกองทัพมังกรผงาดเป็นชายหนุ่มอายุน้อย ท่านไม่ต้องการหญิงสาวจริงหรือ?”
“ไม่จำเป็น”
หลินมู่อวี่ส่ายหัวพร้อมกล่าวว่า “ทหารกองทัพมังกรผงาดรับเงินเดือนทหารในทุกเดือน หลังจากสังหารอสูรเกราะพวกเขาจะได้รับรางวัลมากขึ้น และข้าให้วันพักผ่อนในแต่ละเดือนเสมอ พวกเขาสามารถไปหอชุนฮวาได้หากต้องการ ดังนั้นท่านไม่ต้องกังวล”
“หากเป็นเช่นนั้น…ข้าน้อยเข้าใจแล้วว่าผู้บัญชาการหลินนำทัพอย่างเคร่งครัดซึ่งทำให้เหล่าทหารต่างยกย่อง…”
“หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ท่านเจ้าเมืองโปรดกลับไปเถิด ข้ายังต้องจัดการเรื่องทางทหาร หลังจากสามารถขับไล่เผ่าปีศาจจากมณฑลดาราได้แล้ว ข้าจะทูลต่อองค์จักรพรรดินีว่าท่านมีเมตตาและดูแลกองทัพมังกรผงาดอย่างดี”
“ขะ…ขอบคุณขอรับผู้บัญชาการหลิน!”
หวังจื่อตื่นเต้นมากจนคุกเข่าลงพื้น เดิมทีเขาและหลินมู่อวี่ต่างก็เป็นขุนนางคนสำคัญของจักรวรรดิ มารยาทดังกล่าวจึงไม่จำเป็น นี่คงเป็นความตื่นเต้นของหวังจื่อเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเมืองปู้กู่ก็เป็นเพียงเมืองเล็กๆ ในมณฑลที่ห่างไกล หวังจื่ออาจไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดินี การที่หลินมู่อวี่จะทูลคุณความดีของเขาต่อฉินอินเป็นสิ่งที่มีเกียรติยิ่ง
หลินมู่อวี่ก้มหน้าอ่านม้วนหนังสือต่อทันทีหลังจากหวังจื่อออกจากกระโจม
เว่ยโฉวมองหวังจื่อที่ออกไปพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หึ ขุนนางเหล่านี้ช่างน่าสนใจจริงๆ…”
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ขุนนางก็เป็นเช่นนี้เสมอไม่ใช่หรือ? ช่างเถิด ตราบใดที่พวกเขาไม่เข้ามาขัดขวางเราก็พอ”
“ขอรับ”
เว่ยโฉวประสานหมัดด้วยความเคารพพร้อมกล่าว “ผู้บัญชาการ ท่านฉินเหยียนได้นำทหารออกไปเทือกเขาฉินเพื่อขุดหลุม และจะเสร็จสิ้นภายในคืนนี้ เรา…จะออกไปท้าทายกับพวกมันพรุ่งนี้เช้าจริงหรือขอรับ?”
“ใช่”
หลินมู่อวี่พยักหน้าและยิ้ม “การต่อสู้กับเผ่าปีศาจทำให้เราสูญเสียทหารไปเกือบหนึ่งส่วนสี่ ซึ่งทำให้ข้าโกรธและอับอายมาก แต่อสูรเกราะหนึ่งหมื่นตนไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เนื่องจากเหล่านายพลศัตรูล้วนโง่เขลา ตราบใดที่เราออกไปยั่วยุละก็…พวกมันจะติดกับทันที กระนั้นเราจะไม่โจมตีเมืองหน้าด่านโม่ซง แต่ไปยังเมืองหน้าด่านเจียหยวนที่มีอสูรเกราะราวสามพันตนแทน หากกำจัดพวกมันได้ เราจะสามารถเปิดเส้นทางเข้าสู่จักรวรรดิอี้เหอ”
เว่ยโฉวตกตะลึง “ผู้บัญชาการ ทะ…ท่านต้องการไปจักรวรรดิอี้เหอหรือขอรับ?”
“อืม…”
หลินมู่อวี่มองไปยังม้วนหนังสือด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ แต่น้ำเสียงของเขากลับสงบนิ่ง “ศีรษะพี่ฉินเหลยถูกตัดแช่ในขวดยาและยังอยู่ที่มณฑลหลิงหนาน...”
สิ้นเสียง เขาเงยหน้ามองเว่ยโฉวด้วยสายตาเกลียดชังพร้อมพึมพำ “ข้าไม่เคยนอนหลับโดยที่ไม่ฝันร้าย ข้าไม่ต้องการบุกโจมตีมณฑลหลิงหนาน แต่เพียงต้องการศีรษะของพี่ใหญ่มาฝังไว้ใต้อนุสรณ์สถานแห่งจักรวรรดิเท่านั้น…”
เว่ยโฉวประสานหมัดพร้อมดวงตาแดงก่ำ “ไม่ว่าท่านผู้บัญชาการจะทำสิ่งใด เว่ยโฉวจะติดตามท่านไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำ…”
“อืม…ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อทวงคืนแผ่นดินหรือสิ่งใดก็ตาม ข้าจะไม่ปล่อยให้ทุกคนตกอยู่ในอันตรายอีก” หลินมู่อวี่ก้มลงมองแผนที่พร้อมกล่าวต่อ “สถานการณ์ในมณฑลหลิงหนานเป็นอย่างไร? มีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”
“ข้าได้ยินมาว่า จอมพลเหล่ยฉงแห่งเผ่าปีศาจนำกองทัพอสูรเกราะหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นตนเข้าโจมตีเมืองใหญ่และเมืองเล็กหลายสิบแห่งในมณฑลหลิงหนานเป็นระยะหลายพันไมล์ กลุ่มกบฏจักรวรรดิอี้เหอไม่อาจต้านทานได้และถอยทัพทั้งหมดออกไปยังกำแพงเหล็ก มณฑลหลิงหนานขณะนี้เป็นดั่งทะเลเลือด พวกจักรวรรดิอี้เหอเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก พวกมันไม่สามารถปกป้องพลเรือน แล้วยังละเลยพวกเขา ผู้คนในแผ่นดินควรได้รับรู้ถึงความชั่วร้ายของจักรวรรดิอี้เหอ!”
“อืม” หลินมู่อวี่ถูขมับอย่างอ่อนล้าพร้อมกล่าวว่า “กองทัพหลงเซียนหลินอยู่ที่ใด? พวกเขาถอยกลับด้วยหรือไม่”
“ขอรับ”
เว่ยโฉวกล่าว “หลงเซียนหลินถอนกำลังจากเมืองหลันเยี่ยนในตอนแรกพร้อมนำทหารม้ามณฑลหลิงหนานห้าหมื่นนายไปด้วย ซึ่งเป็นกองกำลังที่ฉินอี้มอบให้เขา หลังผ่านไปสามปีทหารม้าห้าหมื่นนายกลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิอี้เหอเรียกว่า ‘ทหารม้ามังกร’ พวกมันมีอุปกรณ์ครบครันและชาญฉลาดในยุทธวิธี กระนั้นหลังจากเผ่าปีศาจบุกมณฑลหลิงหนาน ทหารม้าเหล่านี้กลับหลีกเลี่ยงการต่อสู้ ข้าไม่รู้เลยว่าหลงเซียนหลินกำลังคิดสิ่งใดอยู่…”
“ทหารม้ามังกร?”
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะยิ้ม พร้อมจิตสังหารที่แผ่ออกมา
“ทะ…ท่านผู้บัญชาการ...” เว่ยโฉวประหลาดใจพร้อมเอ่ยถาม “ท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ?”
“ไม่มีอะไร…”
หลินมู่อวี่ส่ายหัว “ข้ามีลางสังหรณ์ว่ากองทัพมังกรผงาดและทหารม้ามังกรจะต้องเผชิญหน้ากันสักวัน…เอาล่ะเว่ยโฉว ฝึกฝนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งอยู่เสมอ วันใดที่ต้องต่อกรกับทหารม้ามังกรของหลงเซียนหลิน ข้าต้องการให้พวกเขาสังหารศัตรูเป็นชิ้นเล็กชิ้นด้วยเพื่อปลอบประโลมจิตวิญญาณของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนบนสรวงสวรรค์…”
“เข้าใจแล้วขอรับ” เว่ยโฉวประสานหมัดแน่นพร้อมมองไปยังหลินมู่อวี่ด้วยความเป็นห่วง “ท่านคงเหนื่อยล้าจากการสู้รบในตอนกลางวัน โปรดพักผ่อนโดยเร็วเถิด ส่วนที่เหลือให้ข้า เฝิงสี่ และท่านฉินเหยียนดูแลเอง”
“อืม ขอบคุณ”
หลินมู่อวี่ยืนขึ้นพร้อมสวมเสื้อสีขาวนวลและกล่าวว่า “สั่งให้ทหารต้มน้ำร้อนให้ข้าที ข้าต้องการแช่เท้า”
“ขอรับท่านผู้บัญชาการ”
…
ภายในมณฑลหลิงหนานมีกำแพงเหล็กโอบล้อมทั่วแผ่นดินซึ่งยิ่งใหญ่ตระการตา กำแพงแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันจักรวรรดิอี้เหอจากบุกรุกของอสูรเกราะ
ด้านบนกำแพงเหล็ก นายพลหนุ่มสวมเสื้อคลุมผู้บัญชาการสูงสุดกำลังยืนทอดสายตาด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย มีแสงสว่างกระจัดกระจายจากเมืองที่อยู่ไกลๆ เขากล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “นั่นมันเมืองอะไร?”
“ผู้บัญชาการหลง เมื่อดูจากตำแหน่ง ที่นั่นคือเมืองฉีหยวนซึ่งมีประชากรราวหนึ่งแสนคน แต่ตอนนี้…มันตกอยู่ในมือของเผ่าปีศาจแล้ว” ผู้บัญชาการกองหมื่นด้านข้างตอบด้วยท่าทางเฉยเมย
หลงเซียนหลินถอนหายใจ “พลเมืองหนึ่งแสนคนต้องถูกพวกปีศาจทำลายเช่นนี้…เราทุกคนล้วนเป็นคนบาปแห่งจักรวรรดิอี้เหอ...”
ผู้บัญชาการกองหมื่นกัดฟัน “พวกมันแข็งแกร่ง ขณะที่เราอ่อนแอ ไม่มีทางเลยที่จะเอาชนะได้ ท่านผู้บัญชาการหลงอย่าโทษตัวเองเลยขอรับ”
“การฝึกฝนใช้โซ่เหล็กเป็นอย่างไร?”
“ยังต้องฝึกฝนอยู่ขอรับ” ผู้บัญชาการกองหมื่นมึนงงเล็กน้อยพร้อมเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ท่านผู้บัญชาการหลง เราจำเป็นต้องใช้โซ่ต่อสู้กับกองทัพปีศาจของเหล่ยฉงจริงหรือ? หะ…หากเราพ่ายแพ้ ทหารม้ามังกรทั้งห้าหมื่นนายต้องตายตก แล้วจักรวรรดิอี้เหอก็คง…ต้องหายไปตลอดกาล...”
หลงเซียนหลินยังคงจับจ้องไปทางทิศเหนือของกำแพงเหล็กพร้อมกล่าวว่า “ทหารม้ามังกรเป็นทหารฝีมือดีของจักรวรรดิ หากไม่สามารถเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่ง…แล้วจะเป็นทหารของจักรวรรดิได้อย่างไร จงรับคำสั่งข้า สามวันจากนี้ให้ทหารม้ามังกรออกจากกำแพงเหล็กด้านข้าง หลีกเลี่ยงกองกำลังหลักของเหล่ยฉง ข้าจะเป็นผู้นำทัพเองและจะทดสอบพลังของการใช้โซ่เหล็กด้วย”
“ขอรับ!”
ลมหนาวพัดผ่านร่างกายของหลงเซียนหลินจนสั่นสะท้าน เขาพลันเอ่ยถาม “เทือกเขาฉินตกอยู่ในมือของเผ่าปีศาจแล้ว ทางจักรวรรดิฉินจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”
“เซี่ยงอวี้และหลินมู่อวี่ต่างนำกองทหารของตนไปยังเทือกเขาฉิน ส่วนสถานการณ์การต่อสู้ยังไม่ได้รับรายงานขอรับ”
“หลินมู่อวี่อยู่ที่นี่เช่นกันหรือ…”
ใบหน้าหลงเซียนหลินเต็มไปด้วยความเจ็บปวดขณะที่เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ดึกมากแล้ว ข้าขอตัวไปนอน”
“ขอรับท่านผู้บัญชาการหลง”
………………………………….