The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.418 แผนการบุกดินแดนจักรวรรดิอี้เหอ
EP.418 แผนการบุกดินแดนจักรวรรดิอี้เหอ
“กุบกับ…”
ม้าศึกวิ่งเข้ามาในเมืองหน้าด่านอย่างรวดเร็ว ตราสัญลักษณ์กองทัพมังกรผงาดสีทองเปล่งประกายภายใต้แสงจันทร์ บนใบหน้าชายผู้นี้เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อไหลย้อย เขารีบเช็ดมันก่อนจะเปิดประตูกระโจมพร้อมประสานหมัดด้วยความเคารพ “ผู้บัญชาการ ข่าวได้รับการยืนยันแล้วขอรับ”
“มีปีศาจกี่ตนอยู่ที่เมืองเพลิงจันทรา?” หลินมู่อวี่เงยหน้ามอง
“มีไม่มากขอรับ”
หน่วยสอดแนมประสานหมัดแน่น “พลเรือนส่วนใหญ่ในเมืองเพลิงจันทราถูกสังหารสิ้น บางส่วนถูกนำไปเป็นอาหารสำหรับอสูรเกราะ ขณะนี้มีอสูรเกราะเพียงห้าร้อยตนปักหลักอยู่ในเมืองเท่านั้น ข้าน้อยพบพลเรือนที่หลบหนีโดยบังเอิญ จึงได้สอบถามและทราบว่า มีอสูรเกราะหลายหมื่นตัวบุกเข้าโจมตี แต่ไม่นานพวกมันก็เร่งรีบเคลื่อนทัพไปทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองไป๋หลิง ดูเหมือนว่าพวกมันจะได้รับคำสั่งเร่งด่วน”
“เคลื่อนทัพไปเมืองไป๋หลิง…”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยถาม “มีสงครามในเมืองไป๋หลิงหรือไม่?”
เว่ยโฉวกล่าว “ไม่นานมานี้ หน่วยสอดแนมของเราส่งรายงานมาว่า หลงเซียนหลินกำลังฝึกฝนกองกำลังห้าหมื่นนายของทหารม้ามังกรเพื่อใช้ในการต่อสู้กับเผ่าปีศาจในแนวหน้า นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เผ่าปีศาจต้องล่าถอย”
“เป็นเช่นนี้เอง”
หลินมู่อวี่เอ่ยเสียงแผ่วเบา “หลงเซียนหลินทะเยอทะยานและกล้าเผชิญหน้ากับเผ่าปีศาจในสนามรบ แต่เหล่ยฉงคงอยู่ที่นั่นและนำทัพด้วยตนเอง ซึ่งทำให้หลงเซียนหลินแทบไม่มีโอกาสชนะเลย”
“เราควรจะทำอย่างไรดีขอรับ?”
“ทำตามแผนเดิม เราจะส่งทหารม้าห้าพันนายเพื่อกอบกู้เมืองเพลิงจันทรา”
“ขอรับ!”
…
ค่ายกองทัพมังกรผงาดกลางดึกเงียบสงัด ทุกคนต่างอยู่ในห้วงนิทรา พวกเขารู้ดีว่าวันรุ่งขึ้นจะต้องออกเดินทางอีกครั้งเพื่อเข้าไปในดินแดนจักรวรรดิอี้เหอและต่อสู้กับเผ่าปีศาจ พวกเขาไม่เพียงต้องเผชิญหน้ากับอสูรเกราะเท่านั้น แต่อาจต้องเผชิญหน้ากับจักรวรรดิอี้เหออีกด้วย เช่นนี้จึงต้องพักผ่อนให้เต็มที่ กระนั้นก็มีผู้ที่กระวนกระวายจนนอนไม่หลับอยู่
ในคอกม้ามีร่างหนึ่งนั่งพิงรั้วข้างรางม้า เขาถือหญ้าละยื่นให้ม้าศึก แสงจันทร์เย็นยะเยือกสาดส่องลงบนใบหน้า ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาคือเว่ยโฉว
จู่ๆ มีคนเดินออกจากความมืดพร้อมกล่าวทักด้วยรอยยิ้ม “ท่านเว่ยโฉวยังตื่นอยู่หรือ?”
เว่ยโฉวเงยหน้ามองก็พบว่าคือฉินเหยียน ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องน้อยยังไม่นอนหรือขอรับ?”
“ข้านอนไม่หลับ” ฉินเหยียนยิ้มกล่าว “ข้าจึงตัดสินใจออกมาเดินเล่น แต่ปกติท่านเว่ยโฉวจะนอนหลับเร็วเสมอ ท่านคงมีสิ่งที่กังวลอยู่ใช่หรือไม่?”
เว่ยโฉวยิ้มรับ “คงเป็นเรื่องเดียวกับท่านกระมัง…ผู้บัญชาการนำพี่น้องห้าพันนายของกองทัพมังกรผงาดไปยังเมืองเพลิงจันทรา การที่กองทัพจะต้องบุกลึกเข้าไปยังดินแดนของศัตรู นี่ไม่ใช่บุคลิกของเขาเลย…ท่านอ๋องน้อยคงทราบดีว่าเขาต้องการทำสิ่งใด”
“ข้า…”
ฉินเหยียนกัดฟันแน่นพร้อมกล่าว “คราแรกข้าคิดว่าพี่ใหญ่เสียสติไปแล้วที่กล้าบุกดินแดนห่างไกลของจักรวรรดิอี้เหอ ด้านหลังกำแพงเหล็กมีเมืองสายัณห์ตั้งอยู่ ซึ่งมีทหารประจำการกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นนายที่นำโดยติงซี่ ขณะที่กองทัพมังกรผงาดมีเพียงหมื่นนายเท่านั้น พวกเขาจะต้องตายกันหมดหากเคลื่อนทัพไปที่นั่น กระทั่งมีรายงานเข้ามาในคืนนี้…”
“อืม เป็นข่าวที่ทำให้ผู้บัญชาการสูญเสียความสุขุมจนสิ้น”
เว่ยโฉวทุบกำปั้นลงบนรั้วไม้พร้อมกล่าวด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “ไอ้หมาเจ้าเล่ห์ลู่จ่าวตัดศีรษะท่านฉินเหลยไว้ในเมืองสายัณห์ ท่านผู้บัญชาการนับถือท่านฉินเหลยเสมือนพี่ใหญ่ เขาหุนหันพลันแล่นที่จะไปเมืองเพลิงจันทราเกินไป กระนั้นเขาก็เป็นชายชาตรี ข้าจึงชื่นชมความกล้าหาญของเขา หากการเดินทางครานี้จะต้องแลกด้วยชีวิต ข้าก็ไม่เสียใจ”
ฉินเหยียนพยักหน้า “พี่ใหญ่กล้าเสี่ยงชีวิตเพื่อท่านพี่ฉินเหลย เช่นนั้นข้าจะไม่ลังเลที่จะบุกไปกับพี่ใหญ่ นี่อาจเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดของข้า”
เว่ยโฉวบ่นพึมพำ “ข้าเพียงกังวล…ท่านผู้บัญชาการไม่ต้องการให้พวกเราไปเสี่ยง ท้ายที่สุดเขาคงเลือกที่จะไปเมืองสายัณห์คนเดียว แม้ว่า…เขาจะเชี่ยวชาญวิทยายุทธ์และยังเก่งกล้า แต่…”
เว่ยโฉวกัดฟันแน่นอย่างเจ็บปวด
“ไม่ต้องกังวล”
ฉินเหยียนตบไหล่เว่ยโฉวพร้อมกล่าวว่า “พวกเราต่างเป็นคนดั้งเดิมของกองทัพมองกรผงาด เราจะอยู่และตาย ข้าเชื่อในตัวพี่ใหญ่และท่านเว่ยโฉว เอาล่ะ ไปนอนกันเถิด”
“อืม”
เดือนและดาวประดับเต็มฟากฟ้า แต่หารู้ไม่ว่ากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายบนแผ่นดินแห่งนี้
…
ณ มณฑลหลิงหนาน กำแพงเหล็กสะท้อนแสงสว่างไสวภายใต้แสงจันทร์ขณะที่แผ่นดินกำลังตกสู่ความโกลาหล เสียงกลองสงครามดังกึกก้อง ทหารม้าจักรวรรดิอี้เหอขึงโซ่เหล็กยาวต่อกันพุ่งตรงเข้าหาศัตรู จนทำให้พวกมันล้มลงและถูกลากออกไป จากนั้นทหารม้ามังกรใช้อาวุธแหลมคมสังหารทันที
แม้ว่าเปลือกนอกของอสูรเกราะจะแข็งแกร่งจนดาบธรรมดาฟันไม่เข้า กระนั้นหากกระหน่ำแทงก็สามารถทะลวงเกราะหนาได้
“โฮก...”
เสียงกลองสงครามของเผ่าปีศาจดังขึ้น พร้อมอสูรเกราะฝูงหนึ่งพุ่งสังหารทหารม้ามังกรด้วยศาสตราวุธไร้คม นายพลอสูรในชุดเกราะสีทองถือค้อนศึกพร้อมคำรามก้อง มันเหวี่ยงค้อนพร้อมปลดปล่อยปราณยุทธ์สีดำ ทันใดนั้น! พายุปราณพวยพุ่งทำลายม้าและทหารจนกลายเป็นกองเนื้อ จากนั้นมันเหวี่ยงค้นพร้อมดึงโซ่เหล็กลากทหารม้าหลายสิบคนหมุนคว้างจนชนกันจนเลือดสาดกระจาย
“โฮก!”
นายพลอสูรคำรามเสียงดัง ก่อนที่อสูรเกราะจำนวนนับไม่ถ้วนขยับปีกพุ่งเข้าใส่ทหารม้ามังกรตรงหน้า
เกิดการต่อสู้อย่างโกลาหลท่ามกลางฝุ่นที่คละคลุ้ง
นายพลจักรวรรดิอี้เหอยืนตระหง่านมองดูการต่อสู้บนกำแพงเหล็กพร้อมขมวดคิ้วแน่น ไม่มีใครรู้หรือทำนายได้ว่า ผลการต่อสู้ครานี้จะจบเช่นไร
ฉินอี้สวมเสื้อคลุมยาวปักดิ้นสีทองลายมังกร เขาขมวดคิ้วขณะทอดสายตามองการต่อสู้อันดุเดือดเบื้องล่างก่อนเอ่ยถามว่า “ผู้บัญชาการหลง เรา…มีเพียงทางเลือกนี้จริงๆ หรือ?”
หลงเซียนหลินประสานหมัดกล่าว “โซ่เหล็กผูกกันสามารถเพิ่มพลังให้แก่มนุษย์ ข้าเกรงว่าจะมีเพียงกลยุทธ์นี้เท่านั้นที่สามารถต่อกรกับกองทัพราชาผู้พิชิตโปรดเชื่อมั่นจนถึงท้ายที่สุด หากไม่สามารถทำให้กองทัพอสูรผู้ทรงพลังพ่ายแพ้ ข้าเกรงว่าเราคงทำได้เพียงป้องกันกำแพงเหล็กเช่นนี้ตลอดไป”
ดวงตาฉินอี้พลันเปล่งประกาย “แท้จริงแล้ว…เราไม่จำเป็นต้องต่อกรกับเผ่าปีศาจ”
“ท่านราชาผู้พิชิต…”
หลงเซียนหลินรู้ดีว่าฉินอี้กำลังคิดสิ่งใดอยู่ในใจ เขาจึงกล่าวคำเบา “จากสองกองทัพหลักของเผ่าปีศาจ เหล่ยฉงกำลังโจมตีจักรวรรดิอี้เหอ ขณะที่เฉียนเฟิงโจมตีจักรวรรดิฉิน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพ่ายแพ้ มนุษยชาติจะถึงกาลอวสานทันที สงครามครั้งใหญ่นี้มีความสำคัญกับเรานัก และหวังว่าท่านราชาผู้พิชิตจะตั้งใจแน่วแน่ที่จะกำจัดเผ่าปีศาจเหมือนเหล่าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ที่นี่คือดินแดนของเรา และจะไม่มีทางปล่อยให้ไอ้พวกแมลงสาบเข้ายึดครองเด็ดขาด!”
ฉินอี้ถอนหายใจ “เอาล่ะ พยายามต่อสู้อย่างเต็มที่”
ฉินหวนด้านข้างสวมชุดเกราะผู้บัญชาการสีทองเข้ามาประสานหมัด “ท่านพ่อ โปรดให้ข้านำทัพออกไปต่อสู้ ดูเถิด…ไม่แน่ใจว่ากองทหารม้ามังกรจะเอาชนะกองทัพอสูรเกราะนับแสนเหล่านี้ได้หรือไม่”
“ไม่ได้!”
ฉินอี้ขมวดคิ้ว “เจ้าควรเรียนรู้ยุทธวิธีเพิ่มเติมจากผู้บัญชาการหลง และยังไม่ถึงเวลาที่จะส่งเจ้าเข้าสู่สนามรบ”
“แต่ท่านพ่อ…”
“หุบปาก!”
ฉินอี้ยกนิ้วขึ้นชี้ไปทางสนามรบ “จอมพลอสูรในชุดเกราะสีทองนั้นคือเหล่ยฉง หวนเอ๋อร์…หากเจ้าคิดว่าตนเองคู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเหล่ยฉง พ่อก็จะไม่ห้ามและปล่อยเจ้าออกไปสู้”
ด้านนอกเมือง ค้อนศึกของเหล่ยฉงทุบกองทหารม้าหนักหลายสิบคนเป็นกองเนื้อ คลื่นพลังจิตวิญญาณแห่งอสูรพวยพุ่งกระแทกเหล่าทหารม้าหนักกระเด็นลอยออกไปพร้อมม้าศึก ขณะเดียวกันเสียงคำรามอสูรเกราะดังกังวานทั่วท้องนภา
ฉินหวนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านพร้อมขมวดคิ้วกล่าว “ลูกทราบความผิดแล้ว โปรดอภัย…”
แม่ทัพหลี่เฉียนซุนด้านข้างประสานหมัด “ท่านราชาผู้พิชิต ความตั้งใจที่จะช่วยเหลือจักรวรรดิของท่านอ๋องน้อยเป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่เขายังเด็กเกินไปจึงขาดประสบการณ์อยู่บ้าง โปรดอภัยให้ท่านอ๋องน้อยเถิดขอรับ”
ฉินอี้พยักหน้า “ข้ารู้ จงรับคำสั่ง…ให้ทหารม้าของเมืองไป๋หลิงเตรียมพร้อมทำสงครามทุกเมื่อ ทหารม้ามังกรเป็นกองกำลังหลักของจักรวรรดิอี้เหอ เราไม่อาจปล่อยให้พวกเขาถูกทำลายอยู่นอกเมืองเช่นนี้ได้”
หลงเซียนหลินตอบรับด้วยความเคารพ “ขอรับท่านราชาผู้พิชิต”
ขณะเดียวกันนกส่งสารร่อนลงจากท้องนภาลงบนไหล่หลงเซียนหลิน เขาหยิบม้วนจดหมายออกมาอ่านพร้อมสีหน้าเศร้าหมอง
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉินอี้เอ่ยถาม
หลงเซียนหลินประสานหมัดพร้อมกล่าวว่า “ข้าเพิ่งได้รับสารจากเมืองดาราว่า หลินมู่อวี่นำกองทัพมังกรผงาดสองหมื่นนายเข้าจู่โจมเผ่าปีศาจและได้รับชัยชนะหลายครั้ง พวกมันสังหารอสูรเกราะเกือบหนึ่งหมื่นตัว รวมถึงสามารถกอบกู้เมืองหน้าด่านทั้งสามรวมถึงเมืองหน้าด่านโม่ซงทางตะวันตกของเทือกเขาฉินจากเงื้อมมือเผ่าปีศาจ”
“เป็นหลินมู่อวี่อีกแล้วรึ!”
ฉินอี้กล่าวด้วยสายตาเย็นชา “เดิมทีเมืองหน้าด่านทั้งสามเป็นของจักรวรรดิอี้เหอ แต่ตอนนี้กลับตกอยู่ในมือของจักรวรรดิฉินอีกครั้ง เจ้าหลินมู่อวี่ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!”
หลี่เฉียนซุนพลันกล่าว “กำแพงเหล็กของมณฑลชุนไป๋ได้รับการป้องกันโดยแม่ทัพติงซี่ จึงไม่ต้องกังวล หลินมู่อวี่ไม่มีทางเอาชนะเขาได้อย่างแน่นอน”
“ข้ารู้” ฉินอี้คร่ำครวญ “ส่งสารไปให้ติงซี่ เมื่อใดที่หลินมู่อวี่เคลื่อนไหว ให้ติงซี่นำกองทัพออกนอกกำแพงเหล็กไปจัดการทันที และนำหัวของหลินมู่อวี่มาให้ข้า!”
หลงเซียนหลินอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน “ท่านราชาผู้พิชิต หลินมู่อวี่เป็นแม่ทัพที่เก่งกล้า ไม่ดีกว่าหรือหากสามารถใช้มันต่อสู้กับเผ่าปีศาจร่วมกัน?”
“ฮ่าๆๆ…”
ฉินอี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะพร้อมเดินไปตบไหล่หลงเซียนหลิน “หากข้าสังหารบิดาบุญธรรมของเจ้า เจ้าจะยังภักดีต่อข้าหรือไม่?”
“เรื่องนั้น…”
หลงเซียนหลินขมวดคิ้ว “โปรดพิจารณาเถิดขอรับ ข้าน้อยคิดว่าหลินมู่อวี่ยังคงมีประโยชน์อยู่”
“ข้ารู้”
ฉินอี้มองไปยังสนามรบนอกเมืองอย่างร้อนใจพร้อมกล่าวว่า “ส่งสารถึงแม่ทัพติงซี่ให้จับเป็นหลินมู่อวี่พร้อมทำลายกองทัพมังกรผงาดซะ!”
“ขอรับท่านราชาผู้พิชิต!”