The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.421 ดอกบัวขาว
EP.421 ดอกบัวขาว
เมื่อถึงยามอาทิตย์อัสดง เมฆครึ้มลอยปกคลุมเหนือเมืองซิงเจว๋พร้อมเสียงฟ้าร้องราวกับฝนกำลังจะตกหนัก ขณะเดียวกันอสูรเกราะยืนแบกหินก้อนใหญ่บนกำแพงตามวิถีดั้งเดิมในการป้องกันเมือง ซึ่งมีเพียงอสูรเกราะที่มีพละกำลังมหาศาลเท่านั้นที่จะทำเช่นนี้ได้
แม่ทัพอสูรถือขวานศึกเดินเข้าไปในเมือง ดวงตาสีแดงก่ำของมันเผยความเหี้ยมโหดขณะที่ตะโกนเสียงดังใส่อสูรเกราะตนหนึ่ง “$#^%^$*^&#@#*@$!”
อสูรเกราะก้มศีรษะลงพร้อมกล่าว “@^&%”
แม่ทัพอสูรขมวดคิ้วพร้อมแสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยว มันทุบกำปั้นใส่หน้าอกอสูรเกราะตนนั้นจนกระเด็นไกลหลายเมตรและตะโกนเสียงดัง “$%^@^&!!”
…
เมื่อถึงเวลาพลบค่ำฝนก็ตกลงมา ทหารม้าพลันปรากฏตัวขึ้นเป็นแถวจากระยะไกลพร้อมธงรบปลิวไสว ตัวอักษร ‘ฉิน’ ขนาดใหญ่บนธงเปล่งแสงระยิบระยับ หลังจากเคลื่อนทัพมาตลอดทั้งวัน ในที่สุดกองทัพมังกรผงาดก็เดินทางมาถึงเมืองซิงเจว๋และพร้อมเปิดศึกกับอสูรเกราะนับร้อยในเมือง
หลินมู่อวี่ยกเสื้อคลุมขึ้นกันลมและฝน เขาเหลือบมองเมืองซิงเจว๋พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่างเป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดแห่งหนึ่งในมณฑลหลิงหนาน กำแพงนี้สูงอย่างน้อยสามสิบเมตร ข้าไม่เข้าใจจริงๆ เหตุใดฉินอี้จึงยอมจำนนให้เผ่าปีศาจครอบครอง”
เว่ยโฉวด้านข้างประสานหมัดพร้อมกล่าว “ผู้บัญชาการ เดิมทีเมืองซิงเจว๋มีประชากรสองแสนห้าหมื่นคน แต่ตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งแสนคนเท่านั้น ดูเหมือนว่าเผ่าปีศาจต้องการเลี้ยงพวกเขาไว้เป็นเสบียงอาหาร คราแรกมีอสูรเกราะเกือบหนึ่งหมื่นตนปักหลักอยู่ที่นี่ แต่พวกมันเคลื่อนทัพไปทางทิศตะวันออกของมณฑลหลิงหนานเพื่อเป็นกำลังเสริม ทำให้ขณะนี้มีอสูรเกราะน้อยกว่าแปดร้อยตน”
“อืม”
สายตาหลินมู่อวี่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาพร้อมกล่าวว่า “หยุดพักผ่อนหนึ่งชั่วโมงเพื่อเตรียมกล่องลูกศร จากนั้นจงตีกลองทันทีเมื่อถึงเวลา ท้องฟ้ามืดครึ้มทำให้เหล่าอสูรเกราะโหดเหี้ยมตามสัญชาตญาณ พวกมันคงไม่สามารถทนต่อการยั่วยุของเราได้ จงสังหารพวกที่ออกจากเมืองให้มากที่สุด และทำตามแผนเดิม”
“ขอรับ!”
…
พวกเขาไม่ได้ตั้งค่ายพักแรม จึงทำได้เพียงทานอาหารท่ามกลางสายฝน ก่อนจะเตรียมอาวุธ ม้าศึก โล่ และสิ่งต่างๆ พร้อมติดตั้งกล่องลูกศรห้าสิบกล่องด้านนอกเมืองเพื่อเตรียมต่อสู้
“ตึง ตึง ตึง!”
เสียงกลองสงครามทะลุม่านฝนดังกังวานไปทั่วเมือง ทำให้เหล่าอสูรเกราะต่างตกตะลึง “แอ๊ด…” ประตูเหล็กเมืองซิงเจว๋เปิดออกพร้อมอสูรเกราะถือศาสตราวุธคำรามก้องพุ่งออกจากเมือง
“เข้ามา!” แววตาเว่ยโฉวดูน่าเกรงขาม “ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีจำนวนนับพัน ซึ่งมากกว่ารายงานที่ได้รับ”
“ไม่สำคัญ เราสามารถเอาชนะอสูรเกราะได้ถึงสองพันตัว”
หลินมู่อวี่ค่อยๆ ยกทวนดอกหลีฮวาขึ้นพร้อมมีคลื่นน้ำแข็งปกคลุมคมทวน ขณะเดียวกันมีเสียงคำรามก้องดังจากอีกมิติหนึ่ง
“โฮก!”
มังกรผลึกโลหิตอายุห้าพันปีกำลังอ้อนวอนขอออกไปสู้ ทันใดนั้น! รอยแยกมิติปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืดมิดอันไกลโพ้นพร้อมแสงไฟสีม่วงพลิ้วไหวรอบรอยแยก มังกรผลึกโลหิตโฉบไปมาอย่างรวดเร็วราวกับนก มันกางเล็บแหลมคมพร้อมเกล็ดหนาตั้งชันขึ้น ก่อนจะมีเมฆนุ่มปกคลุมรอบกาย
เมื่อมังกรน้อยร่อนลงข้างหลินมู่อวี่ มันเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนที่หลินมู่อวี่จะลูบหัวมังกรน้อยด้วยรอยยิ้ม “หลังจากเผ่าปีศาจเริ่มโจมตี จงใช้กงล้อสะบั้นเข้าโจมตีพวกมัน และระวังอย่าทำร้ายทหารกองทัพมังกรผงาด”
“โฮก!”
มังกรน้อยส่งเสียงรับ
ไม่นานอสูรเกราะนับพันตัววิ่งออกมาอย่างโกลาหลพร้อมคำรามเสียงก้อง สนามรบนอกเมืองเป็นพื้นที่ที่เหล่าอสูรเกราะเชี่ยวชาญ จึงเป็นสาเหตุที่พวกมันละทิ้งความได้เปรียบและออกมาต่อสู้ด้านนอก นี่คือข้อแตกต่างระหว่างปีศาจและมนุษย์ พวกมันได้เปรียบทางด้านพลังกาย แต่เสียเปรียบโดยสิ้นเชิงทางด้านสติปัญญา ยกเว้นปีศาจระดับสูงอย่างเฉียนเฟิง
“กล่องลูกศรโจมตี!” เว่ยโฉวเปล่งเสียงออกคำสั่ง
เสียงกลไกดังขึ้นท่ามกลางความมืดพร้อมแสงคมลูกศรพุ่งเจาะร่างอสูรเกราะนับร้อยตัวในพริบตา ขณะที่กำลังบรรจุลูกศรเข้าไปใหม่ เหล่าอสูรเกราะรีบพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งและขว้างอาวุธในมือจนเต็มไปทั่วท้องนภา
“พลหอกโล่ป้องกันไว้!”
หลินมู่อวี่ตะโกนเสียงดังพร้อมควบแน่นกำแพงน้ำเต้าปกป้องทหารกองทัพมังกรผงาดที่อยู่ด้านหลังเขา
สิ้นเสียงคำสั่ง พลหอกโล่ช่วยกันยกโล่ทรงกรวยขึ้นรับการโจมตี ใบมีดและอาวุธต่างๆ ตกกระทบโล่จนเกิดประกายไฟ การโจมตีของอสูรเกราะทรงพลังมาก จนทำให้พวกเขาถอยหลังไปหลายก้าว แต่พลหอกโล่เหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอ ก่อนจะเดินหน้ากลับมารักษารูปแบบการต่อสู้อีกครั้งทันที
“ชิ้ง!”
เว่ยโฉ่ยกหอกขึ้นพร้อมตะโกนเสียงดัง “กองทหารม้าหอกโล่โจมตี!”
ทหารม้าหอกโล่เกือบสามร้อยนายควบม้าออกไปราวกับกระแสน้ำ หลินมู่อวี่ผู้อยู่ขอบเขตปราชญ์รีบควบม้าเข้าไปแถวหน้าพร้อมตวัดทวนดอกหลีฮวารูปแบบหงฉวนเจาะทะลวงร่างศัตรูสามตัวทันที ขณะเดียวกันเขายกมือซ้ายขึ้นโจมตีด้วยพลังเจ็ดประทีป!
“ตูม!”
อสูรเกราะนับสิบตัวถูกกระแทกลอยกระเด็นจนบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากหลินมู่อวี่มีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้น จึงไม่ได้รับผลกระทบจากการใช้พลังมากนัก หลังจากพักฟื้นไม่กี่วินาทีก็กลับมาเป็นปกติ เขารีบควบม้าฝ่าเข้าวงล้อมพร้อมปล่อยหนึ่งประทีปพิฆาตชีวันใส่ศัตรูอีกครั้ง มันเป็นกระบวนท่าสังหารที่ทรงพลังมากของพลังเจ็ดประทีป
มังกรผลึกโลหิตด้านข้างหลินมู่อวี่วิ่งออกไปอย่างดุเดือด เกล็ดสีแดงด้านหลังตั้งชันขึ้นราวกับใบมีด ทันใดนั้น! มันก็ม้วนร่างกลิ้งออกไปอย่างรวดเร็ว พวกอสูรเกราะไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดเช่นนี้จึงทำได้เพียงยืนตะลึงงัน ก่อนจะถูกมังกรน้อยบดขยี้ร่างกลายเป็นกองเนื้อในพริบตา!
ทหารกองทัพมังกรผงาดได้รับขวัญกำลังใจพร้อมพุ่งตัวไปด้านหน้าทันที
แต่จำนวนอสูรเกราะมีมากกว่าในเมืองเพลิงจันทรามาก เหล่าทหารกองทัพมังกรผงาดถูกสังหารอย่างรวดเร็วภายใต้ความมืดมิด เนื่องจากสนามรบตกอยู่ในความโกลาหล แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งก็ไม่สามารถป้องกันตนเองจากการถูกโจมตีทั่วทุกทิศได้
กองทหารม้าหอกโล่ยังคงรุดหน้าโจมตีอสูรเกราะ ขณะเดียวกันฉินเหยียนนำทหารม้าหนักของกองทัพมังกรผงาดวิ่งไปด้านหน้าเพื่อล้อมศัตรู ก่อนจะยิงศรเศวตรมณีใส่และจ้วงแทงด้วยหอกอย่างบ้าคลั่ง
การต่อสู้ดำเนินไปเกือบหนึ่งชั่วโมง กระทั่งการต่อต้านจากอสูรเกราะอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดเหลือเพียงทหารกองทัพมังกรผงาดที่บุกเข้าไปในสนามรบ
ตั้งแต่เว่ยโฉวได้ขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการ เขาขยันหมั่นเพียรฝึกฝนกองกำลังและกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ตำราพิชัยสงคราม จึงทำให้เขาสามารถใช้กลยุทธ์นำกองทหารม้าเคลื่อนทัพไปแยกกองกำลังของศัตรูออกจากกันจนก่อเกิดผลกระทบร้ายแรง แม้อสูรเกราะบางตนจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทหารม้าหนักที่เคลื่อนไหวรวดเร็วและทรงพลังอย่างต่อเนื่องก็ทำให้พวกมันไม่สามารถต้านทานได้
ไม่นานการต่อสู้ก็สิ้นสุด ฉินเหยียนจึงบุกเข้าไปเปิดประตูเมือง
“ตูม!”
จู่ๆ ประตูเหล็กถูกเปิดออกจากด้านในพร้อมแสงคบเพลิงสว่างไสวจากผู้คนในเมืองซิงเจว๋ พวกเขาเปิดประตูพร้อมส่งอสูรเกราะออกไป
“เก็บกวาดสนามรบ”
หลินมู่อวี่ถือทวนดอกหลีฮวาพร้อมกระตุ้นท่าเฉว่ให้เดินเข้าไปในเมือง สองข้างทางเต็มไปด้วยผู้คนจากเมืองซิงเจว๋ บางคนแสดงสีหน้าหวาดกลัว ขณะที่บางคนแสดงความยินดี ทันทีที่เขานำหน้าทหารคนอื่นๆ เข้ามา ชายชราในชุดคลุมสีดำพร้อมชาวบ้านก็เดินออกมาทำความเคารพและกล่าวว่า “คารวะท่านแม่ทัพ”
“ท่านคือ?” หลินมู่อวี่ไม่เคยเห็นหน้าชายผู้นี้
ชายชราประสานหมัดพร้อมกล่าวอย่างเคารพ “ข้าคือหวงหลิน เจ้าเมืองซิงเจว๋ขอรับ”
“อย่าถ่อมตนไปเลยขอรับ” หลินมู่อวี่ยกมือขึ้นแผ่เขตแดนพลังขอบเขตปราชญ์ช่วยพยุงร่างชายชราขึ้น “ตั้งแต่เดินทางเข้ามณฑลหลิงหนาน เหตุใดประชาชนต่างเกรงกลัวพวกเรา โปรดอย่ากลัวทหารแห่งจักรวรรดิเลยขอรับ”
หวงหลินเผยยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ในฐานะผู้ปกครองเมืองซิงเจว๋ ข้าเพียงต้องการให้เหล่าชาวเมืองอยู่อาศัยและทำงานอย่างสงบสุข กระทั่งพวกปีศาจบุกเข้ามาเข่นฆ่าทุกคน จักรวรรดิอี้เหอและซีหยางโหวต่างยอมแพ้และไม่ส่งกำลังทหารเข้าปกป้องเมือง พวกเขาเพียงเฝ้ามองผู้คนถูกเข่นฆ่าอย่างโหดร้าย…”
ชายชรากล่าวด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่ทัพ ข้ารู้ว่ากองทัพอสูรเกราะแข็งแกร่งมากเพียงใด หลังผ่านมาเนิ่นนาน...ก็มีเพียงกองทัพของท่านที่มาเยือนดินแดนแห่งนี้และสู้รบกับศัตรูจนพวกมันพ่ายแพ้ไป”
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มพร้อมกล่าวว่า “อสูรเกราะเป็นศัตรูของมนุษยชาติ ไม่ว่าจะเป็นคนของจักรวรรดิฉินหรือจักรวรรดิอี้เหอ เราก็ควรต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอน ท่านไม่คิดเช่นนั้นหรือ?”
ชายชราตอบกลับอย่างซาบซึ้ง “เป็นดังที่ท่านกล่าว ตราบใดที่ท่านแม่ทัพเต็มใจอยู่ในเมืองซิงเจว๋ ข้าจะช่วยระดมชาวเมืองกว่าแสนคนในเมืองและสาบานว่าจะปฏิบัติตามตามคำสั่งของท่าน พร้อมทั้งระดมเงินให้กองทัพเพื่อแสดงความขอบคุณ”
“ขอบคุณมาก”
หลินมู่อวี่ลงจากม้าพร้อมพยุงแขนชายชรา “อสูรเกราะอาจกลับมาได้ทุกเมื่อ ทหารแห่งจักรวรรดิด้านหลังข้าต้องการเข้าเมืองเพื่อพักผ่อน ขณะนี้ฝนตกหนัก ท่านควรจัดหาที่พักและอาหารให้พวกเขา รวมทั้งสำหรับม้าศึก อย่างไรก็ตามท่านเจ้าเมืองไม่ต้องกังวล ข้าจะปกป้องเมืองซิงเจว๋ไปพร้อมกับท่านอย่างแน่นอน”
“เข้าใจแล้วขอรับ ขอบคุณท่านแม่ทัพ ข้าจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้”
…
หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อยและนำฉินเหยียน เฝิงสี่ และคนอื่นๆ เข้ามาในเมือง ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกลบเสียงผู้คนจนหมด
เว่ยโฉวเดินตามหลินมู่อวี่พร้อมกล่าวว่า “ผู้บัญชาการ เรามาที่นี่เพื่อต่อสู้กับเผ่าปีศาจไม่ใช่หรือ? เหตุใดท่านจึงโกหกชายชราผู้นั้น…”
หลินมู่อวี่เงยหน้าขึ้นรับสายฝนโปรยปราย ไม่นานก็ก้มหน้าลงพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โลกนี้เต็มไปด้วยการหลอกลวง หากเจ้าไม่ชำระล้างกายให้บริสุทธิ์ดั่งดอกบัวขาว ใครเล่าจะยอมสละชีวิตเพื่อเจ้า?”
เว่ยโฉวผงะก่อนจะประสานหมัดกล่าว “ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ”